เกาหลีใต้เตรียมเปิดตัว "นครเซจง" เมืองหลวงย่อยแห่งใหม่
2012-07-01 11:22:39
Advertisement
คลิก!!!

อนุสาวรีย์พระเจ้าเซจง ณ จตุรัสกวางฮวามุน ในกรุงโซล กษัตริย์ผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรภาษาเกาหลี
อเอฟพี - เกาหลีใต้เตรียมเปิด "เซจงซิตี้" เมืองหลวงย่อยแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ (1 ก.ค.) หลังกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันมานานร่วมทศวรรษ โดยผู้สนับสนุนมองว่าเป็นชัยชนะของการพัฒนาการ ขณะที่กลุ่มต่อต้านวิจารณ์ว่าเป็นเพียงโครงการที่ฟุ่มเฟือยเหมือนเทอาหารให้หมู
เซจงซิตี้จะกลายเป็นที่ตั้งของ 16 กระทรวง และสำนักงานของรัฐบาล 20 หน่วยงานที่ปัจจุบันตั้งอยู่ทั้งใน และรอบนอกกรุงโซล โดยจะมีข้าราชการเข้าไปทำงานกว่า 10,000 คน เมื่อโครงการนี้สร้างเสร็จในปี 2015 ทว่า หน่วยงานสำคัญ 10 แห่ง เช่น ทำเนียบประธานาธิบดี กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และรัฐสภาจะยังอยู่ในกรุงโซลตามเดิม
ทางการโสมขาวมีเป้าหมายที่จะสร้างความดุลย์ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งกรุงโซล และเมืองบริวาร มีประชากรกระจุกตัวอยู่เกือบครึ่งหนึ่ง และยังเป็นแหล่งที่มาของผลผลิตร่วมครึ่งประเทศด้วย
เมืองหลวงแห่งใหม่ดังกล่าว มีเนื้อที่ 465 ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ 120 กิโลเมตร ใช้เงินทุนรวม 22.5 ล้านล้านวอน หรือราว 622,000 ล้านบาท ในการสร้างสาธารณูปโภค อาคารสำนักงานรัฐบาล และบ้านเรือนสำหรับผู้อยู่อาศัย โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางในวันจันทร์ (2 ก.ค.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีคิม ฮวาง-ชิก เป็นประธาน
สำหรับคอนเส็ปต์ของนครเซจง ซึ่งตั้งตามชื่อพระเจ้าเซจง กษัตริย์ผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรภาษาเกาหลี มาจากอดีตประธานาธิบดีโนห์ มู-เฮียน จากพรรคฝ่ายซ้าย สมัยที่เขาลงสมัครรับเลือกตั้ง ในปี 2002 ซึ่งให้สัญญาในตอนหาเสียงว่าจะลดความแออัดของประชากรในกรุงโซล
อย่างไรก็ดี แม้โนห์ชนะการเลือกตั้ง แต่ก็ถูกฝ่ายอนุรักษนิยมคัดค้าน จึงปรับแผนใหม่ให้เก็บบางกระทรวงไว้ในกรุงโซล และตั้งใจให้เมืองเซจงเป็นเมืองราชการ ไม่ใช่เมืองหลวง
กระทั่งประธานาธิบดีลี เมียง-บัค จากพรรคฝ่ายขวา เข้ารับตำแหน่งในปี 2008 เขาจึงลดขนาดโครงการดังกล่าวเหลือแค่เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ และการศึกษาแทน แต่แล้วความแตกแยกภายในพรรค ก็ทำให้มีคนไปเข้าร่วมกับฝ่ายค้านล้มแผนของเขา
รายงานระบุว่า ขณะนี้เมืองอยู่ในระหว่างก่อสร้างขั้นแรก ซึ่งรัฐบาลประเมินว่า ปัจจุบันมีประชากรแล้ว 120,00 คน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 150,000 คน ภายในปี 2015 เป็น 300,000 คน ในปี 2020 และ 500,000 คนในปี 2030 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างมั่นคงต่อเนื่อง
cr.http://www.manager.co.th
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X