วิจัยพบสมุนไพรเปล้า-ผักบุ้งลดเครียด! (ไทยโพสต์)

          วว.ประสบผลสำเร็จวิจัยสารสกัดสมุนไพรรวมจาก "พืชวงศ์เปล้า-ผักบุ้ง" มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลร่างกายที่มีสาเหตุจากความเครียด ควบคุมความดันโลหิต จากสมุนไพรรวมพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เผยผลศึกษาทางเภสัชวิทยาพบมีความปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง

          เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ประสบความสำเร็จในการวิจัยสารสกัดสมุนไพรรวมของพืชวงศ์เปล้าและผักบุ้ง และนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบเม็ด หรือ BPAS CAPS ที่มีสรรพคุณในการปรับสมดุลร่างกายที่มีสาเหตุมาจากความเครียด และช่วยควบคุมความดันโลหิต ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ผ่านการศึกษาในทางเภสัชวิทยาและด้านความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          ผู้ว่าการ วว. ระบุว่า ความเครียดนั้นเป็นสาเหตุของโรคมากมาย เช่น ภูมิแพ้ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง เป็นต้น ดังนั้น วว.จึงมีแนวคิดในศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยที่น่าจะมีผลต่อความดันโลหิต โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ภูมิรดี ซึ่งเป็นภาคเอกชนผู้ผลิตสมุนไพรในจังหวัดตราด สนับสนุนในด้านวัตถุดิบหลักเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยการออกฤทธิ์ของสมุนไพรที่มีความสามารถในการต้านความเครียด พร้อมได้ศึกษาผลความปลอดภัย สารสกัดที่มีผลต่อความดันและต้านความเครียดของผลิตภัณฑ์ 

          "การวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทยมีสรรพคุณในการปรับสมดุลร่างกายที่มีสาเหตุมาจากความเครียด รวมทั้งช่วยควบคุมความดันโลหิตได้อีกด้วย ผลงานวิจัยดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการนำสมุนไพรไทยมาเพิ่มมูลค่า อีกทั้งยังมีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี" นางเกษมศรีเผย

          ดร.ชุลีรัตน์ บรรจงลิขิตกุล ผอ.ฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวพัฒนาจากการนำสารสกัดสมุนไพรรวมของพืชวงศ์เปล้าและผักบุ้งมาผสมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยผลการศึกษาในทางเภสัชวิทยาและความปลอดภัยพบว่า BPAS CAPS ขนาด 200-500 มิลลิกรัม มีผลต้านความเครียดในสัตว์ทดลอง รวมทั้งมีผลลดความดันโลหิตในสัตว์ทดลองที่ถูกกระตุ้นให้เกิดภาวะความดันโลหิดสูงได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ วิธีรับประทานผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ให้รับประทาน 1-2 แคปซูลก่อนนอน เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน จะช่วยทำให้ปรับสมดุลในร่างกายพร้อมทั้งลดความดันโลหิตได้อีกด้วย

          ทั้งนี้ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยยังได้สรุปผลงานวิจัยเด่นในรอบปี 2554 ซึ่งมุ่งเน้นการวิจัยในเรื่องสุขภาพอนามัย และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุของประชากรที่ผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และพัฒนาอาหาร-ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเป็นหลักที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ ช่วยลดการนำเข้าและเพิ่มมูลค่าผลผลิตภายในประเทศ

          ตัวอย่างผลงานวิจัยเด่น เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเส้นใยผลไม้ไทย มีปริมาณใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ให้พลังงานน้อย ไขมันต่ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอล คงระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยการขับถ่ายอุจจาระ ขับถ่ายสารพิษหรือสารก่อมะเร็ง ป้องกันท้องผูก ริดสีดวงทวารหนัก และป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ 

          ผลิตภัณฑ์ไพลเจอร์สิกมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการอักเสบของข้อ ที่มีสาเหตุมาจากโรคข้อเสื่อม ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยจากสารสกัดธรรมชาติเห็ดนางรมทองและนางรมดอย มีประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย และอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากบอระเพ็ดพุงช้าง มีประสิทธิภาพดีในการลดการอักเสบจากการติดเชื้อจุลินทรีย์ที่ผิวหนังและในช่องปาก แกงผักหวานป่าสำเร็จรูปเหมาะสำหรับนำไปผลิตในเชิงพาณิชย์ช่วงนอกฤดูกาลของผักหวานป่า เป็นต้น

          ทั้งนี้ ในปี 2554 ได้จดสิทธิบัตรจำนวน 40 เรื่อง และอนุสิทธิบัตรจำนวน 5 เรื่อง โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยสู่สังคมจำนวน 3 โครงการ เช่น เทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ โดยประสบผลสำเร็จผลิตปุ๋ยอินทรีย์ครบ 1 ล้านกระสอบ หรือเท่ากับ 60,630 ตัน คิดเป็นเงินหมุนเวียนเกิดขึ้นในชุมชนกว่า 1,200 ล้านบาท และการถ่ายทอดเทคโนโลยีงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์จำนวน 7 โครงการ อาทิ เทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดเห็ดแครง ให้แก่บริษัท ไนน์ บีบี พลัส จำกัด 

          นอกจากนี้ยังค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกจำนวน 1 ชนิด คือ จำปีเพชร ซึ่งเป็นจำปีพื้นเมืองที่หายากและใกล้สูญพันธุ์มากที่สุดของไทย ค้นพบในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โดย วว.ประสบผลสำเร็จขยายพันธุ์นอกถิ่นกำเนิดเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

 

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม