เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก est
 

         บริษัท เสริมสุข เปิดตัว "เอส" น้ำอัดลมยี่ห้อใหม่แล้ว โดยตั้งเป้าปีแรกโกย 8 พันล้านบาท มี 7 ขนาด เริ่มต้นที่ 8-20 บาท มั่นใจถูกปากคนไทยแน่นอน
 

        เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน  นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดตัว "เอส" (est) ว่า การเดินหน้าในครั้งนี้เป็นความท้าทายบทใหม่ที่จะพิสูจน์ฝีมือของเสริมสุข ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมานานกว่า 59 ปี โดย การเจาะตลาดน้ำอัดลมของเอสครั้งนี้ ทุ่มทุนสร้างถึง 3.8 หมื่นล้านบาท และจะรุกตลาดน้ำอัดลมทุกเซ็กเม้นท์ ทั้งน้ำดำ น้ำสี และน้ำขาว ด้วยกลยุทธ์ภายใต้แบรนด์เดียว เพื่อสร้างแบรนด์เอสให้ติดตลาดอย่างแข็งแกร่งในเวลาอันสั้น 
 

         นายฐิติวุฒิ์ กล่าวต่อว่า ตนมั่นใจว่าเอสจะโดดเด่นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารสชาติให้ถูกปากคนไทย และด้านการบรรจุภัณฑ์ โดยทางเราได้คิดค้นนวัตกรรมบรรจุใหม่ 2 ขนาดเป็นครั้งแรกในตลาด คือ แบบขวดแก้ว 12 ออนซ์ สำหรับดื่มคนเดียว และขวด PET 1 ลิตร สำหรับดื่มหลายคน ซึ่งบริษัทเสริมสุขนั้น มีฐานร้านค้ากว่า 2 แสนร้านทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจว่าเอสจะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในทุก ๆ พื้นที่ 
 

         นอกจากนี้ นายฐิติวุฒิ์ ยังได้กล่าวถึงที่มาของชื่อ "เอส" ว่า มาจากการที่นำคำหลังของ "B-est" หมายถึง ดีที่สุด , "Cool-est" หมายถึง เท่ที่สุด มาใช้เป็นชื่อ ส่วนการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคนั้น พบว่า เกือบร้อยละ 77 ชื่นชอบในรสชาติของเอส และจะซื้อดื่มอย่างแน่นอน อีก ทั้งทางเสริมสุขจะวางจำหน่ายน้ำอัดลมในบรรจุภัณฑ์ทั้ง 7 ขนาด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยมีราคาเริ่มต้น 8-20 บาท 



 

         อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทย (ข้อมูลเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2555 มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 38,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดน้ำอัดลมสีดำ 80% ส่วนที่เหลือ เป็นตลาดน้ำอัดลมสีต่าง ๆ 20% คาดว่าในปีนี้ ตลาดน้ำอัดลมในไทย จะเติบโต 10% ซึ่งผู้นำในตลาดน้ำอัดลมรวมของไทย จะเป็น โค้ก มีส่วนแบ่งการตลาด 54% รองลงมาเป็น เป๊ปซี่ 35-37% ส่วนตลาดน้ำดำ ผู้นำตลาดยังคงเป็นเป๊ปซี่ ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาด 50% อันดับ 2 เป็นของแบรนด์โค้ก ซึ่งปัจจุบันยังไม่เปิดเผยส่วนแบ่งการตลาด ขณะที่อันดับ 3 เป็นของแบรนด์ บิ๊ก โคล่า ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 16.6% และสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด 18%

 

 

 

 

 

ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม