SM Entertainment เผยแผนคัมแบค และเตรียมเดบิวต์วงใหม่ในปี 2024
2024-02-08 22:28:49
Advertisement
คลิก!!!

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ SM Entertainment ได้ปล่อยรายงานไตรมาส 4 ประจำปี 2023 ออกมา ข้อมูลจากรายงานเผยว่า สถานะด้านการเงินในปี 2023 ของบริษัท มียอดขายอยู่ที่ 960000 ล้านวอน (ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท) และกำไรการจัดการอยู่ที่ 115400 ล้านวอน (ประมาณ 3 พันล้านบาท)

ยอดขายเพิ่มขึ้น 13% และ กำไรการจัดการเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

นอกจากนี้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 41.2% แตะ 115800 ล้านวอน (ประมาณ 3 พันล้านบาท)
 

บริษัทยกความดีความชอบของยอดขายนี้ให้กับอัลบั้มใหม่และคอนเสิร์ตของศิลปิน เมื่อปีที่แล้ว มีการปล่อยอัลบั้มและเพลงเพิ่มขึ้น 12% โดยมียอดขายอัลบั้มใหม่อยู่ที่ 20.1 ล้านอัลบั้ม ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 67%

นอกจากนี้ยังมีการจัดคอนเสิร์ตมากขึ้น 224% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีการจัดคอนเสิร์ตทั้งสิ้น 340 คอนเสิร์ต
 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2023 SM Entertainment มีผลประกอบการลดลงเล็กน้อย ด้วยยอดขายรวม 250000 ล้านวอน (ประมาณ 6600 ล้านบาท) และกำไรการจัดการอยู่ที่ 10900 ล้านวอน (ประมาณ 291 ล้านบาท) ลดลง 3.4% และ 51.7% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2022

การลดลงของกำไรการจัดการมาจากการลดลงของรายได้จากโฆษณาและบริษัทย่อยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงงบในการจัดออดิชั่น ไปจนถึงการทำการตลาดของ SM

ถ้าพิจารณาแค่รายได้จาก SM Entertainment อย่างเดียว บริษัทจะได้รายได้ในไตรมาส 4 อยู่ที่ 163700 ล้านวอน (ประมาณ 4300 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7.2% ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม กำไรการจัดการลดลง 13.8% จากปีที่แล้ว ไปเป็น 20600 ล้านวอน (ประมาณ 550 ล้านบาท) 

 

นอกจากนี้ SM Entertainment ยังมีแผนจะปล่อยกิจกรรมของศิลปินในไตรมาส 2 ของปี 2024 โดยมีรายงานว่า aespa, SHINee, ซูโฮ (Suho), Red Velvet, WayV, RIIZE, โบอา (BoA), ฮโยยอน (Hyoyeon) - Girls' Generation, NCT Dream และ โดยอง (Doyoung) – NCT ทั้งหมดจะปล่อยเพลงและอัลบั้มใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว

 

สำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง SM วางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.18 ล้านล้านวอน และกำไรการจัดการอยู่ที่ 160000 ล้านวอน สำหรับปี 2024

กลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าหุ้นของบริษัท SM ประกาศการซื้อหุ้นคืนและนโยบายการคืนหุ้นเป็นครั้งแรก ในการประชุมบอร์ดบริษัทในวันเดียวกัน บริษัทได้เปิดเผยแผนที่จะใช้เงิน 28100 ล้านวอน ไปกับการจ่ายเงินปันผลและการซื้อคืนหุ้นของบริษัท 240,000 หุ้น เงินปันผลจะอยู่ที่ 1,200 วอนต่อหุ้นปกติ ซึ่งมีอัตราการคืนเงินปันผลอยู่ที่ 34%
 

ซีอีโอ จางชอลฮยอก ของ SM ได้แถลงการณ์ ถึงสถานะการเงินของบริษัทในไตรมาส 4 ของปี 2023 เขาบอกว่าจะมีวงใหม่ 4 วง ที่จะเดบิวต์ในปี 2024 

“มีการคาดว่าจะมีการเดบิวต์ศิลปินใหม่ 4 วง ได้แก่ NCT WISH ที่จะเดบิวต์ในเดือนกุมภาพันธ์, ศิลปินเสมือนจริง นาวิส, เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ และ บอยแบนด์อังกฤษ 

 

อ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ข้างล่าง:

“สวัสดีครับ ผม จางชอลฮยอก ซีอีโอของ SM ENTERTAINMENT หลังจากมีการประกาศผลงานของไตรมาส 4 ผมจะขออัพเดทกลยุทธ์ทางธุรกิจหลักของเรา
 

ก่อนอื่น ผมจะขอคุยถึงเป้าหมายหลักของ SM 3.0 ระบบการผลิตหลายรูปแบบซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ SM 3.0 ได้ดำเนินการสำเร็จตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว และกิจกรรมงานเพลงกำลังอยู่ภายใต้การดูและของผู้อำนวนการฝ่ายผลิตของ SM สิ่งนี้สามารถถูกยืนยันได้ด้วยผลประกอบการธุรกิจของเราในปี 2023

ในปี 2023 มีอัลบั้มถูกปล่อยทั้งหมด 64 อัลบั้ม รวมถึงเพลงดิจิตอล และยอดขายอัลบั้มใหม่ได้ทำสถิติใหม่ที่ 20.1 ล้านอัลบั้ม นอกจากนี้คอนเสิร์ตยังเพิ่มขึ้นถึง 340 คอนเสิร์ตในปี 2023 

RIIZE วงบอยแบนด์วงแรกที่ทำงานภายใต้ระบบการผลิตหลายรูปแบบ มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 1 ล้านชุดในอัลบั้มเดบิวต์ของพวกเขานับตั้งแต่เดบิวต์เมื่อเดือนกันยายน ปี 2023 

 

‘Love 119’ ซึ่งปล่อยออกมาในเดือนมกราคม ปี 2024 นอกจากจะขึ้นท็อปในรายการเพลงทางโทรทัศน์แล้ว ยังอยู่ในอันดับสูงของสตรีมมิ่งชาร์ตหลายสำนัก RIIZE จะยังคงขยายฐานแฟนคลับ ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายในปีนี้นอกจากนี้ 


ต่อไปผมขอพูดถึงธุรกิจสิ่งพิมพ์ของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ SM 3.0 เราได้ก่อตั้งบริษัทในเครือ ซึ่งชื่อว่า KMR เพื่อจัดหาเพลงคุณภาพมาให้ SM และวงการเคป็อป ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว จนถึงมกราคม ปี 2024 เราได้คัดเลือกนักแต่งเพลงทั้งหมด 84 คน นอกจากนี้ KMR สาขายุโรป ยังได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อคัดเลือกนักแต่งเพลงชาวยุโรปที่ทำงานกับเพลงเคป็อปชั้นนำ

ในปี 2024 เรามีแผนจะขยายการคัดเลือกนักแต่งเพลง เริ่มจากยุโรป ไปยังอเมริกาเหนือ โดยก่อตั้งสาขาย่อยในสหรัฐฯ ในปี 2023 เราได้เพลงใหม่หลายเพลงจากการทำค่ายเพลง และเราวางแผนจะทำค่ายเพลงอีก 2 ค่ายในปีนี้เพื่อขาย/ค้นหานักเขียนเพลง

ระหว่างการทำงานในการสร้างบริษัทแต่งเพลงของตัวเอง เราจะขยายกิจกรรมของนักแต่งเพลงของ KMR ด้วย เพื่อเริ่มต้นธุรกิจการทำเพลงของเรา เราจะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพลงของ KMR ผ่านการทำงานร่วมกับของศิลปินจาก SM และ โปรดิวเซอร์ของ KMR


 

ต่อไป ผมอยากจะขออธิบายเกี่ยวกับการขยายธุรกิจระดับโลกของเรา การร่วมมือกันระหว่าง SM และ Kakao Entertainment ในอเมริกาเหนือ ช่วยสนับสนุนงานของศิลปิน SM และ Kakao Entertainment ในสหรัฐฯ และกำลังก่อตั้งและขยายพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นสำหรับศิลปิน

นอกจากนี้ เราได้เซ็นสัญญาข้อตกลงกลยุทธ์กับ MOON & BACK บริษัทบันเทิงในสหรัฐฯ และตัดสินใจจะปล่อยบอยแบนด์อังกฤษ ที่จะทำกิจกรรมในระดับโลก MOON & BACK เป็นบริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน, อังกฤษ และก่อตั้งโดยโปรดิวเซอร์ของรายการโทรทัศน์ชื่อดังทั้ง ‘The X Factor’ และ Britain’s Got Talent’ 

 

สำหรับการเดบิวต์ของบอยแบนด์อังกฤษ MOON & BACK จะคัดเลือกสมาชิก 5 คนในอังกฤษ และ SM จะให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานในวงการเพลง, มิวสิควิดีโอ และท่าเต้น เพลงที่วงนี้จะร้องมาจาก KMR ซึ่งเป็นค่ายในเครือ SM

MOON & BACK มีแผนจะทำรายการโทรทัศน์ 6 ตอน เล่าการเติบโตของวงบอยแบนด์ ที่ทำกิจกรรมใน อังกฤษ, สหรัฐฯ และเกาหลี โดยจะปล่อยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และวงมีแผนจะเดบิวต์ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เช่นกัน

 

คาดว่าโปรเจคนี้จะได้รับความสนใจจากตลาดทั่วโลก เพราะว่าเป็นบอยแบนด์ที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างค่ายเคป็อปชั้นนำอย่าง SM และ บริษัทผู้ผลิตรายการเรียลลิตี้ MOON & BACK เป็นครั้งแรกในอังกฤษ บ้านเกิดของเพลงป็อป

นอกจากนี้เรามีแผนจะขยายความร่วมมือ ไม่ใช่แค่กับบริษัทระดับโลก แต่พาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ และจะพัฒนาและลงทุนในเพลงและศิลปินในต่างประเทศ

SM ENTERTAINMENT ยังจะทุ่มกำลังทำกิจกรรมในญี่ปุ่น ตลาดหลักของเคป็อป NCT WISH ซับยูนิตสุดท้ายของวง NCT จะปล่อยเพลงพรีเดบิวต์ในญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม ศิลปินได้แก่ NCT DREAM, aespa และ SHINee มีแผนทำกิจกรรมในญี่ปุ่นในปีนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งการปล่อยอัลบั้มและทัวร์ที่ญี่ปุ่น

 

ผมได้คุยกับคุณเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานด้วยกลยุทธ์ SM 3.0 ไปแล้ว ต่อไปผมจะพูดถึงแผนการจัดการระยะกลางและยาวของเรา

เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว เราได้ประกาศแผนการจัดการระยะกลางและยาวของเราพร้อมกับกลยุทธ์ SM 3.0 ตอนนี้เป็นเวลา 1 ปีผ่านไป เราวางแผนจะปรับปรุงแผนใหม่ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์จากกลยุทธ์แรกเริ่ม

บริษัทของเราได้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.4 ล้านล้านวอน และกำไรการจัดการ 240 พันล้านวอน ในปี 2025 ต่อจากนี้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากแผนเดิม กลยุทธ์ที่เกี่ยวกับธุรกิจใหม่ รวมถึงแพลตฟอร์มแฟนคลับจะถูกปรับปรุง


 

รวมถึงคอนเสิร์ต และ แผนธุรกิจภายในจะถูกปรับปรุงเช่นกัน เราเปลี่ยนจากแผนที่จะปล่อย 2 IPs ต่อปีภายใต้ SM ENTERTAINMENT เป็น 2 IPs ใหม่ต่อปี ค่ายในเครือ 

รายได้จากค่ายหลักของ SM ENTERTAINMENT ในปี 2024 ถูกคาดไว้ที่ 703000 ล้านวอน โตขึ้นประมาณ 14% เทียบกับปีที่แล้ว เรามีแผนจะปล่อยมากกว่า 35 อัลบั้มในปี 2024 และจะสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ และปรับตารางการปล่อยอัลบั้ม ทำให้อัลบั้มสามารถปล่อยได้สม่ำเสมอตลอดทั้งปี 

 

ในปี 2024 ศิลปินใหม่ทั้ง 4 วงจะเดบิวต์ ได้แก่ NCT WISH ที่จะเดบิวต์ในเดือนกุมภาพันธ์, นาวิส ศิลปินเสมือนจริง, เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ และบอยแบนด์อังกฤษ นอกจากนี้เรามีแผนจะขยายกิจกรรมระดับโลกให้กับศิลปินของเรา ด้วยการปล่อยอัลบั้มระดับโลกให้กับศิลปินหลักอย่างน้อยปีละครั้ง และขยายสเกลการจัดงานคอนเสิร์ตระดับโลก เราจะค้นหาศิลปินโลคอล และขยายยอดขาย MD ในระดับโลกเพื่อเพิ่มรายได้ 

 

ต่อไปผมจะพูดถึงหุ้นปันผล เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่เราพยายามเพิ่มมูลค่าให้กับหุ้น เราสัญญาว่าจะจ่ายเงินปันผลจากรายได้จากบริษัทหลัก 30% และเพื่อทำตามสัญญา บอร์ดบริหารได้ตัดสินใจในวันนี้ว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในปี 2023 อยู่ที่หุ้นละ 1200 วอน และตัดสินใจยกเลิกหุ้นของบริษัท 240,000 หุ้น

ตอนนี้ผมจะขอพูดถึงแผนการลงทุนระยะกลางและระยะยาว เราได้ปรับปรุงแผนใหม่ที่เคยวางแผนไว้จนถึงปี 2025 เราวางแผนจะลงทุน 500000 ล้านวอน ใน 4 ด้าน ได้แก่ ขยายกำลังการโปรดิวซ์เพลง, ลงทุนในค่าย, ลงทุนระดับโลก และ IP เสมือนจริง เงินทุกนมาจากหุ้นและเงินที่จะได้รับจากการทำกิจกรรมในอนาคต, การขายสินทรัพย์ย่อย และการกู้ยืม การลงทุนสำหรับการเติบโตในอนาคต มีขึ้นเพื่อให้แผนสำเร็จ แต่จะดำเนินการหลังจากมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงทุน เราขอแจ้งให้ท่านทราบว่า เราไม่มีแผนจะลงทุนโดยไม่มีเหตุผล

 

ท้ายสุด ผมขอแถลงจุดยืนของเราสั้นๆเกี่ยวกับข่าวที่รายงานผ่านสื่อซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัท เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวหลายสำนักได้ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับการขาย SM ของ Kakao และมีโอกาสจะเปลี่ยนบริษัทการจัดการ, ดีล M&A ระหว่าง KMR ถูกปล่อยออกมา สร้างความสับสนให้กับทั้งในและนอกบริษัท และเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่การเติบโตทางธุรกิจของเราจะส่งผลกระทบกับบางส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเรื่องนี้ เราคิดว่าอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อมูลค่าของบริษัท เราจึงตัดสินใจออกแถลงการณ์ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เราขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
 

ผมขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ ขอบคุณสำหรับเวลา”


ที่มา  csmentertainment

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X