|
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ คิมโกอึน (Kim Go-eun) ได้ร่วมเป็นแขกรับเชิญในรายการของ จองแจฮยอง (Jung Jae-hyung) ทาง YouTube
ระหว่างที่คุยกับ จองแจฮยอง คิมโกอึนได้พูดถึงซีรีส์เรื่อง 'Guardian: The Lonely and Great God' ซึ่งออกอากาศไปช่วงเดือนธันวาคม ปี 2016 – มกราคม 2017 ว่า
“ก่อนจะมาถ่ายทำเรื่อง 'Guardian: The Lonely and Great God' ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับการถ่ายทำซีรีส์เพราะก่อนหน้านั้นฉันมักจะแสดงภาพยนตร์ วันแรกที่ถ่ายทำ ทีมงานบอกว่าให้เคลื่อนไหวตอนแสดงได้ตามต้องการเลย ฉันเลยทำแบบนั้น ฉันเดินไปทางนี้แล้วก็ทางนั้น ไปทุกที่เลยค่ะ”
เธอเล่าต่อ
“ฉันถ่ายไป 40 เทคต่อ 1 ฉากค่ะ ฉันคิดกับตัวเองว่า ‘ว้าว นี่มันเหนื่อยนะเนี่ย’ จากนั้นฉันก็คิดได้ว่าฉันคือคนที่ทำให้ทุกคนเหนื่อยต่างหาก ฉันหมายถึง ตากล้องถ่ายทุกท่าทางที่ฉันเคลื่อนไหว แม้ว่าฉันจะเคลื่อนไหวแค่นิดเดียว แต่พวกเขาก็ไม่พลาดเลย และให้ฉันทำใหม่ในมุมอื่น ฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาถ่ายทำทุกท่าทางที่ฉันเคลื่อนไหว”
“หลังจากถ่ายทำมาซักระยะ ฉันเริ่มเข้าใจว่าการถ่ายทำซีรีส์เป็นอย่างไร ฉันรู้สึกแย่หลังจากทำให้ทีมงานทำงานหนัก ตั้งแต่นั้นฉันเริ่มหยุดเคลื่อนไหวสิ่งที่ไม่จำเป็น ตอนนั้นฉันได้เรียนรู้เยอะมาก”
แม้ว่าเรื่อง 'Guardian: The Lonely and Great God' จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่คิมโกอึนบอกว่าเธอไม่สามารถมีความสุขกับความสำเร็จที่ได้รับได้อย่างเต็มที่
“จริงๆแล้ว ฉันรู้สึกหมดไฟหลังจากเรื่อง 'Guardian: The Lonely and Great God' ค่ะ ฉันเริ่มกลัวการที่มีผู้คนอยู่รอบๆ ฉันเลยไม่ออกไปเจอใครเลย เพราะเป็นแบบนั้น ฉันไม่คิดว่าจะเริ่มโปรเจคใหม่ด้วยซ้ำค่ะ”
เธอเล่าต่อ
“แต่มีอยู่วันหนึ่ง ฉันคิดได้ว่าฉันรู้สึกแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ถ้าฉันยังอยากจะแสดงต่อไป คือ ในอนาคตฉันก็คงเจออารมณ์แบบเดียวกันนี้อีก แต่ฉันไม่สามารถจะปฏิเสธทุกโปรเจคเวลาที่มีความรู้สึกนี้เกิดขึ้น ฉันเลยเลือกโปรเจคต่อไป ซึ่งก็คือเรื่อง 'Sunset in My Hometown' (2018)”
คิมโกอึนอธิบายเหตุผลที่เธอเลือกเรื่อง 'Sunset in My Hometown' เป็นโปรเจคต่อไปของเธอ
“ฉันไม่ได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนั้น พัคจองมิน (Park Jung Min) รับบทนั้น ฉันรับบทนักแสดงสมทบ และฉันไม่รู้สึกกดดันที่แสดงบทตัวละครของฉัน และฉันรู้จักพัคจองมินมาเป็นเวลานานเพราะว่าเราเรียนมหา’ลัยด้วยกัน ฉันเลยรู้สึกสบายใจเวลาไปกองถ่าย และฉันได้ยินจากนักแสดงหลายคนเกี่ยวกับเรื่องดีๆที่ได้ทำงานกับผู้กำกับอีจุนอิก”
เธอพูดต่อ
“ฉันรู้สึกเหมือน 'Sunset in My Hometown' ช่วยกำจัดความรู้สึกด้านลบออกไป ซึ่งฉันอยากทำแบบนั้นมาก ฉันรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจร่วมงานกับเรื่องนี้”