พัคโซดัม (Park So Dam) ได้พูดถึงการรักษามะเร็งไทรอยด์ของเธอ และอัพเดทอาการล่าสุดในบทสัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้

พัคโซดัม ได้ร่วมให้สัมภาษณ์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเธอ Phantom ที่กำลังจะเข้าฉาย เธอได้เล่าถึงความลำบากตอนที่ถ่ายทำภาพยนตร์เมื่อช่วงปลายปี 2021 ซึ่งตอนนั้นเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดพาพิลลารี่

Phantom เป็นภาพยนตร์ผลงานผู้กำกับอีแฮยอง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 1933 ช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาล่าอาณานิคมในเกาหลี ภาพยนตร์ถ่ายทอดความเข้มข้นของผู้คนที่ถูกสงสัยว่าเป็นสายลับให้กับกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นในเกาหลี พวกเขาพยายามแสดงตัวว่าบริสุทธิ์และหลบหนี และได้พบกับกลุ่มคนที่เป็นผู้ต่อต้านในเงามืดตัวจริง
 

พัคโซดัมรับบทเป็น ยูริโกะ หญิงสาวที่ได้รับตำแหน่งในหน่วยงานรัฐบาลของญี่ปุ่นแม้ว่าเธอจะเป็นชาวเกาหลี

ก่อนหน้านี้ พัคโซดัม เคยร่วมงานกับผู้กำกับอีแฮยองมาก่อนหน้านี้แล้ว ในผลงานการรับบทนำครั้งแรกของเธอ The Silenced พัคโซดัมเล่าว่า

“ผู้กำกับอีแฮยองถามฉันว่า ‘โซดัม คิดว่าตัวเองสามารถถ่ายทอดความตึงเครียดขั้นสุดได้หรือเปล่า?’ และทำให้ฉันตื่นเต้นมาก ฉันอ่านบทของ [Phantom] ด้วยความตื่นเต้นค่ะ”

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะตื่นเต้นที่ได้ทำงานในโปรเจคนี้ แต่เธอก็กังวลในเรื่องสุขภาพของตัวเองระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน

“ตอนที่ถ่ายทำ ฉันมารู้ตัวค่ะว่าตัวเองกำลังเจ็บ ฉันแค่คิดว่าคงเหนื่อย ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันกลัวการไปกองถ่าย ฉันคิดว่าร่างกายของฉันส่งสัญญาณบางอย่าง แต่ฉันก็คิดว่าหรือจะเป็นสภาพจิตใจที่ไม่โอเคหรือเปล่านะ ฉันรู้สึกอยากขอโทษผู้กำกับและรุ่นพี่ของฉัน หลังจากถ่ายทำ ฉันร้องไห้เพราะรู้สึกผิดด้วยค่ะ” 

เพราะเรื่องนี้ พัคโซดัมบอกว่าเธอไม่กล้าดูภาพยนตร์เวอร์ชั่นที่ตัดต่อเสร็จแล้ว 

“แต่ผู้กำกับบอกฉันค่ะว่า ‘ฉันไม่ใช่คนที่จะบอกว่า โอเค ง่ายๆนะ เพราะฉะนั้นให้เชื่อฉัน’ ระหว่างที่กำลังรอผลชิ้นเนื้อของตัวเอง ฉันไปอัดเสียงตัวเองสำหรับเรื่อง Phantom ค่ะ ตอนนั้นฉันแย่มาก มากจนเกือบไม่มีเสียง ถ้าช้ากว่านั้นอีกนิดนึง ฉันคงไม่สามารถอัดเสียงได้”

สำหรับสุขภาพของเธอในตอนนี้ พัคโซดัมอัพเดทว่า

“ฉันกำลังฟื้นฟูร่างกายค่ะ และฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้กลับมาเจอคนมากมายและทักทายพวกเขาด้วยเสียงของฉัน แม้ว่าฉันดีขึ้นมากแล้ว แต่ผิวของฉันก็ไม่สวยเพราะฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ฉันไปเล่นพิลาทิส 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ร่างกายของฉันเลยเริ่มกระฉับกระเฉงขึ้น ถึงแม้จะยังไม่แข็งแรงเหมือนที่เคยเป็น แต่ถ้าคิดถึงช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ฉันคิดถึงแค่ว่าฉันมีความสุขเพียงใดค่ะ” 

พัคโซดัมยังได้พูดถึงประสบการณ์ในครั้งนี้ว่าเปลี่ยนมุมมองของเธอไปอย่างไร

“แม้ว่าฉันได้เจอกับบางอย่างที่ฉันไม่ต้องเจอก็ได้ แต่ฉันก็คิดกับตัวเองว่า ‘เธอก็รับมือกับความเจ็บปวดได้ดีนะ’ ตัวฉันเมื่อก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า ทำงานต่อไปอย่างเดียว โดยไม่ให้เวลากับตัวเอง ฉันไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่ามนุษย์ที่ชื่อพัคโซดัมจะใช้ชีวิตแบบสุขภาพดีอย่างไร”

หลังจากคิดได้แบบนั้น พัคโซดัมได้ออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวกว่า 1 เดือน 

“เพราะว่าฉันไม่ค่อยได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ฉันเลยมักคิดว่าทำไม่ได้ตั้งแต่เริ่ม ฉันคิดว่า ‘ฉันไม่รู้อะไรเลยนอกจากการแสดง’ แต่ครั้งนี้ฉันไปแบบ ‘แผนการคือไม่วางแผนเลย’ ต้องขอบคุณที่ฉันขับรถเก่ง ฉันเลยสามารถไปนั่นไปนี่ได้ รู้สึกตกใจเหมือนกันที่คนต่างชาติจำฉันได้ ฉันเริ่มคิดว่าฉันต้องใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้ในอนาคต” 

ในช่วง 3-4 ปีแรกหลังจากที่เธอเดบิวต์ พัคโซดัมได้รับฉายาว่า ‘ข้าราชการ’ เพราะเธอทำงานหนักมาก ขนาดคนรู้จักของเธอยังบอกว่าให้ผ่อนคลายบ้าง แต่เธอไม่เข้าใจคำเตือนในตอนนั้น ในปี 2023 นี้เป็นปีที่พัคโซดัมเดบิวต์ครบรอบ 10 ปี เธอบอกว่า

“ฉันคิดว่าฉันต้องก้าวต่อไปด้วยการถามตัวเองว่า ‘เธอโอเคจริงๆใช่ไหม?’ เพื่อจะได้ [ทำงานแสดง] ไปอีกนานๆ”

“Phantom” จะเข้าฉายในวันที่ 18 มกราคม

ที่มา   (1) (2)