คดีของคังจีฮวาน (Kang Ji Hwan) : เกิดอะไรขึ้นบ้างในเวลา 2 ชั่วโมง 35 นาที?
2020-09-13 09:18:58
Advertisement
คลิก!!!

คังจีฮวาน (Kang Ji Hwan) ถูกตัดสินว่า เมาและล่วงละเมิดทางเพศทีมงาน 2 คนที่กำลังนอนหลับ

อย่างไรก็ตามกว่าจะตัดสินได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคังจีฮวานได้พูดถึงเหตุการณ์ในส่วนของเขาและยื่นอุทธรณ์ 2 ครั้งแล้ว และตอนนี้เขาได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาเรียบร้อยแล้ว

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับคดีของคังจีฮวาน?

1.คังจีฮวานโทรเรียกให้ทีมงานหญิงมาดื่มด้วยกัน 

2.เขาล็อคประตูห้องของเหยื่อและข่มขืนเธอ 

3. เหยื่อหนีออกไปได้เพราะความช่วยเหลือจากเพื่อน

ข้อมูลในข้อ 1 – 3 นี้ถูกสื่อรายงานออกไป ซึ่งข้อมูลบางส่วนยังผิดพลาดอยู่

4. เหยื่อเดินไปรอบบ้านด้วยชุดชั้นใน

5.คราบอสุจิของคังจีฮวานไม่พบบนตัวเธอ 

6.คังจีฮวานไม่ได้ล็อคห้องของเธอ เธอยังสามารถใช้ KakaoTalk ได้อย่างปกติ
 

ข้อ 4-6 คือรายละเอียดที่เพิ่งรายงาน หลักๆแล้วเหตุการณ์ส่วนใหญ่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องของคังจีฮวานไม่เป็นความจริง ต้องแยกกันระหว่างข้อมูลข้างต้น และการกระทำผิดของคังจีฮวาน


Dispatch ได้ทำการรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับคดีของคังจีฮวาน ทำไมคังจีฮวานต้องยื่นอุทธรณ์จนถึงชั้นศาลฎีกา? คดีนี้ดูตรงไปตรงมาแต่จริงๆแล้วซับซ้อน

เรามาเริ่มจากวันที่เกิดเหตุก่อนดีว่า ไทม์ไลน์ของเหตุการณ์อยู่ข้างล่างนี้แล้ว:

18.18 : คังจีฮวานเมา ผู้หญิงสองคนคือ A และ B พาคังจีฮวานไปที่ห้องชั้น 3 

18.48 น. – 18.50: หลังจากอาบน้ำ A และ B ปรากฏตัวที่ชั้น 2 ผู้หญิงทั้ง 2 คนอยู่ที่ห้องรับแขกซักพัก ก่อนจะกลับไปที่ห้องที่อยู่ชั้นนี้
20.15  - 20.17 : คังจีฮวานออกมาจากห้องที่ชั้น 3 เขาลงมาที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 จากนั้นเดินไปตามทางเดินชั้น 2 (ห้องของเหยื่ออยู่ระหว่างทางเดินชั้น 2)

20.30 : A ส่งข้อความทาง KakaoTalk ไปบอก C เพื่อนสนิทของเธอ ก่อนหน้านั้นเวลา 14.09 น. C ส่งข้อความถามเธอมาว่า “รู้จักคนชื่อ oo ไหม?” เธอเลยตอบเพื่อนเธอไปว่า “รู้จัก” ในเวลานี้
20.46 : คังจีฮวานเดินจากทางเดินชั้น 2 ไปที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 เขาดื่มน้ำเสร็จแล้วก็เดินไปที่ทางเดินชั้น 2
20.53: คังจีฮวานปรากฏตัวอีกครั้งที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 เขานั่งที่บาร์ แล้วไปนั่งโซฟา เขาเล่นกีตาร์ ร้องเพลง และหลับไป

1 ชั่วโมงหลังจากนั้น ตำรวจมาถึงที่บ้าน คังจีฮวานเปิดประตูและถูกจับกุม


บริเวณชั้น 2 มีห้อง 3 ห้อง แต่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพได้แค่ช่วงทางเข้าโถงทางเดิน และตอนที่เขาเข้าไปในห้อง

ตำรวจสันนิษฐานว่าการข่มขืนน่าจะเกิดขึ้นระหว่างเวลา 20.30 – 20.46 น. เป็นช่วงเวลาหลังจากที่ A พิมพ์ข้อความหาเพื่อนของเธอ (ตอน 20.30 น.) จนถึงช่วยที่คังจีฮวานกลับมาที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 (เวลา 20.46 น.)


แล้วห้องไหนบนชั้น 2 คือห้องที่เกิดเหตุ? แล้วอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้น?

นางสาว A บอกว่าเธอถูกลวนลาม ในขณะที่ B บอกว่าเธอถูกข่มขืน ส่วนคังจีฮวานบอกว่าเขาจำอะไรไม่ได้ และได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา 

 

ทำไมคังจีฮวานยังยื่นอุทธรณ์?

คังจีฮวานกำลังเดิมพัน (?) กับ 3 ความจริง คือ 1.เหยื่อสามารถป้องกันตัวได้, 2.ยังมีเรื่องน่าสงสัยในคำให้การที่ไม่ตรงกันของทั้งหมด และสุดท้ายผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์

 

 

1.พิจารณาว่าเหยื่ออยู่ในสภาวะที่ขัดขืนได้หรือไม่

คังจีฮวานถูกกล่าวหาว่าข่มขืนกระทำชำเรา แต่ข้อหานี้เมื่อพิจาณาจากการที่ A ยังสามารถส่งข้อความหาเพื่อนได้ตอน 20.30 น. และตามคำให้การของคังจีฮวานบอกว่าวันนั้น A ดื่มน้อยกว่าปกติ หลังจากเธอพาคังจีฮวานไปที่ห้องนอนที่ชั้น 3 เธออาบน้ำ และตรวบสอบเงินที่คังจีฮวานให้ นั่นหมายถึงเหยื่อไม่น่าจะอยู่ในสภาพที่ขัดขืนไม่ได้ ด้านของคังจีฮวานบอกว่า “คณะผู้พิพากษาให้น้ำหนักต่อคำว่าไม่สามารถขัดจืนได้มากเกินไป ทั้งที่คำให้การของ A ขัดแย้งกับสภาพตามความเป็นจริงและหลักการทั่วไปอย่างไม่สมเหตุสมผล

“นางสาว A เข้าไปในห้องเวลา 19.00 น. และจากนั้นเวลา 20.30 น. เธอตอบข้อความที่ส่งมาตั้งแต่บ่ายสอง เพราะฉะนั้นช่วงที่แชทใน KakaoTalk อยู่ เธอหลับไปพักหนึ่งเหรอ? และเธอรู้สึกตัวว่ากางเกงชั้นในถูกดึงออกตอนที่เธอลืมตาขึ้นเหรอ? คณะผู้พิพากษาพิจารณาแค่คำให้การของ A เท่านั้น”

คณะผู้พิพากษาเชื่อคำให้การของ A เพราะเธอบอกว่าก่อนวันเกิดเหตุเธอได้นอนเพียง 3-4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และการที่ A เมาในตอนนั้นก็เป็นเรื่องที่ฟังขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้

 

การพิจารณาคดีครั้งแรก : “ข้อความบน KakaoTalk เป็นการตอบสั้นๆ เหมือนว่า A ส่งข้อความนั้นตอนที่เธอกำลังจะหลับ หรือกำลังง่วงมาก (เมื่อพิจารณาตามคำให้การและสถานการณ์ในตอนนั้น) A ยืนยันว่าในตอนนั้นเธอเมาและง่วงนอน ทำให้เธอขัดขืนไม่ได้”

 

2. คังจีฮวานบอกว่า A ได้เปลี่ยนคำให้การ เขาบอกว่าคำให้การของเธอเปลี่ยนให้คดีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ตำรวจ อัยการ และมาถึงศาล ทำให้อยากให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคำให้การ

A ได้ให้การในห้องสืบสวนว่า “ฉันรู้สึกว่ามีคนกำลังสัมผัสอวัยวะเพศของฉัน ความเจ็บทำให้ฉันตื่น และคังจีฮวานกำลังกอดฉันจากข้างหลัง”

จากนั้นในการพิจารณาคดีครั้งที่ 1 A ได้เปลี่ยจากจับอวัยวะเพศ เป็น ก้น “ฉันตื่นมาเพราะรู้สึกว่าคังจีฮวานกำลังถูข้างลำตัวของฉัน” ฝั่งของคังจีฮวานได้ยืนยันว่าคำให้การนั้นเปลี่ยนไป พวกเขาค้านเรื่องนี้ “การเข้าใจผิดระหว่างอวยัวะเพศกับก้นเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าคำให้การของ A นั้นยากที่จะเชื่อถือ”


อย่างไรก็ตามคณะผู้พิพากษายังคงยืนยัน โดยใช้ข้อมูลของ B เธอให้การว่า “ฉันนอนหลับและตื่นขึ้นมา ตอนนั้นฉันรู้สึกเจ็บ และกางเกงชั้นในของฉันถูกถอดออก” ซึ่งเธอให้การตรงกันทุกครั้ง

การพิจารณาคดีครั้งที่ 2 “A บอกตอนถูกตำรวจสืบสวนว่า ‘รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศ’ ในศาลเธอบอกว่า ‘ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกมีคนมาถูตัวและรู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศใกล้กับก้น’ แม้ว่ามันจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคำให้การนั้นไม่น่าเชื่อถือ”

 

3. ผลการตรวจ DNA ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ระหว่างการสืบสวนของทั้งตำรวจ อัยการและศาล A ยืนยันว่า “หลังจากฉันตื่น กางเกงฉันในของฉันถูกถอดออก ในขณะที่ชุดชั้นในถูกดึงลงไปอยู่ต่ำกว่าเข่า”

ถ้าความทรงจำของ A ในเรื่องนี้ถูกต้อง DNA ของคังจีฮวาน ต้องอยู่บนชุดชั้นในของเธอ

แต่ว่าจากการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เกาหลีพบว่า ไม่มี DNA ของคังจีฮวานถูกพบบนชุดชั้นในของเธอเลย


ทำให้คังจีฮวานมีโอกาสสอบถามถึงความน่าเชื่อถือและถูกต้องของคำให้การของ A อีกครั้ง

“A บอกว่ากางเกงในของเธอถูกถอดออก ถ้าคังจีฮวานข่มขืนเธอจริง DNA ของเขาต้องอยู่บนกางเกงชั้นในของเธอ แต่จากการตรวจสอบไม่พบ DNA ของเขา”

อย่างไรก็ตาม DNA ของคังจีฮวานถูกพบบนผ้าอนามัย (แต่เลือดประจำเดือนและ DNA ของ A ไม่พบบนมือหรือผ้าปูที่นอนของเขา)

 

แล้วจะอธิบายข้อขัดแย้งระหว่างคำให้การกับผลตรวจ DNA อย่างไร? ลองไปดูเอกสารอุทธรณ์ของฝ่ายคังจีฮวาน

“DNA ถูกตรวจพบบนผ้าอนามัยเท่านั้น และไม่พบบนชุดชั้นใน? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง รอยเลือดแม้แต่นิดเดียวน่าจะต้องตรวจเจอบนมือของคังจีฮวาน, ร่างกาย, ชุดชั้นใน หรือผ้าปูเตียงหรือเปล่า?”

คณะผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีครั้งแรกได้พิจารณาหลักฐานที่บอกว่าไม่พบ DNA ของคังจีฮวานบริเวณอวัยวะเพศของ A ทำให้ข้อหาในการกระทำความผิดลดลง “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยืนยันว่าคังจีฮวานจับอวัยวะเพศของ A”


คณะผู้พิพากษาที่รับคำยื่นอุทธรณ์ พิจารณาในแนวทางที่แตกต่างออกไป ถ้ามีการค้นพบ DNA ของคังจีฮวานบนผ้าอนามัยของ A ตัวคังจีฮวานเองนั่นแหละที่ต้องออกมาอธิบายว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ใช่ฝั่งผู้เสียหายที่ต้องออกมาอธิบาย


“DNA ของ A บนอวัยวะเพศน่าจะติดไปกับผ้าอนามัย และมีความเป็นไปได้ด้วยว่าคังจีฮวานอาจจะจับผ้าอนามัยนั้น ข้อหาข่มขืนไม่สามารถปฏิเสธได้เพียงแค่ไม่พบ DNA ของ A บนมือของคังจีฮวาน” 


ทางฝั่งของคังจีฮวานได้ออกมาอธิบายเรื่องนี้ โดยยกตัวอย่างว่า DNA สามารถถูกเคลื่อนย้ายได้หลายทาง และนี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้

“ทั้ง A และ B ใส่กางเกงของคังจีฮวาน พวกเธออาบน้ำและใช้ผ้าขนหนูของเขา นอนบนเตียงของเขา พวกเธออยู่ในบ้านเขานานกว่า 10 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น DNA ของคังจีฮวานอาจไปอยู่บนผ้าอนามัยของ A ได้จากความเป็นไปได้หลายทาง”

 

ฝ่ายคังจีฮวานได้ส่งหลักฐานให้กับศาล เป็นข้อความใน KakaoTalk ช่วงที่ A อ้างว่าเกิดเหตุ, ภาพจากกล้องวงจรปิด ระหว่างพวกเขาออกจากชั้น 1 ไปชั้น 2, ตอนกำลังดื่ม และอีกหลายเหตุการณ์ เพื่อพิจารณาบรรยากาศในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ

คังจีฮวานต้องพยายามจำช่วงเวลา 16 นาทีที่เขาอยู่ในห้องที่มีผนังสีแดงบนชั้น 2 ให้ได้ เขาจะเอาชนะคดีจากคำให้การที่บอกว่า ‘ผมจำอะไรไม่ได้เลย?’ ได้หรือไม่ หรือว่าจะแพ้คดีจากคำให้การของผู้เสียหายที่บอกว่า ‘ฉันถูกข่มขืน’

คังจีฮวานได้ยืนอุทธรณ์แก่ศาลฎีกาไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม เขาพยายามจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในข้อหาใช้กำลังข่มขืน และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาคดีของศาลฎีกา

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X