โรต้าไวรัสวายร้ายลงกระเพาะ (รักลูก)
เรื่อง : เมธาวี

ไวรัสลงกระเพาะ โรคธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เพราะถ้ามีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต มาเช็กกันค่ะว่าลูกมีอาการเข้าข่ายเป็นโรคนี้หรือเปล่า

หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง ลูกติดเชื้อไม่ควรพาลูกน้อยไปสถานที่ที่มีคนแออัด มีคนป่วย นอกจากนี้ โรงเรียนหรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีเด็กจำนวนมากอยู่รวมกัน ก็มีโอกาสสูงที่เด็กเล่นด้วยกัน แล้วจะติดเชื้อมาจากเพื่อนได้ง่าย

เช็กอาการ...ลูกเป็นไวรัสลงกระเพาะหรือเปล่า!

.....คลื่นไส้อาเจียน

.....ถ่ายเหลวเป็นน้ำ

.....มีไข้ ปวดศีรษะ

.....ปวดท้อง

ถ้ามีอาการข้างต้น ลูกอาจติดเชื้อเป็นไวรัสลงกระเพาะได้ ทารกที่ไม่สามารถพูดได้ ให้สังเกตอาการร้องผิดปกติ จับท้องแล้วร้องงอแงไม่หยุด มีไข้ ถ่ายเหลว ซึ่งอาการมักจะแสดงหลังรับเชื้อมาแล้ว 1-2 วัน และเชื้ออยู่นานได้ 1-10 วันเลยค่ะ

แล้วลูกน้อยติดเชื้อมาได้อย่างไร ไปตามหาสาเหตุกันค่ะ

สาเหตุวายร้าย...ไวรัสลงกระเพาะ

ไวรัสลงกระเพาะ เป็นโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อ ผ่านทางการกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้ออยู่ และเชื้อวัสที่เป็นตัวการที่พบได้บ่อยคือ โรต้าไวรัส โนโรไวรัส อดีโนไวรัส เบอร์ 40 41 ชาโพไวรัส แอสโตรไวรัส และคาลซิไวรัส เป็นต้น เหล่านี้เป็นโฉมหน้าของวายร้าย เมื่อลูกน้อยได้รับเชื้อจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และบ่อยครั้งก็มักมีอาการถ่ายเหลวตามมา ซึ่งนั่นหมายถึงมีการติดเชื้อไวรัสทั้งในระบบกระเพาะและลำไส้ ดังนั้นถ้าลูกน้อยมีอาการน่าสงสัย ต้องพาไปพบคุณหมอนนะคะ เพราะเจ้าไวรัสตัวร้ายเหล่านี้ชอบอยู่กับเด็ก ๆ อยู่แล้วค่ะ

โรต้าไวรัส...ตัวการทำร้ายลูก

สำหรับโรคไวรัสลงกระเพาะเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกช่วงวัย และทุกเชื้อชาติ แต่เชื้อไวรัสแต่ละชนิดจะพบในกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน เช่น อดีโนไวรัส แอสโตรไวรัส มักพบในเด็กเล็ก แต่ก็พบในเด็กโต และผู้ใหญ่ได้ ส่วนโนโรไวรัสพบได้ในทุกอายุรวมถึงเด็กโตและผู้ใหญ่

ส่วนไวรัสที่ต้องระวังคือ โรต้าไวรัส พบมากในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี และในทารกขวบปีแรกมักจะติดเชื้อได้ง่าย เพราะว่าภูมิต้านทานยังต่ำ ดังนั้นในช่วงขวบปีแรก ควรดูแลทั้งเรื่องความสะอาดเวลาที่ลูกกิน และไม่ควรใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ เพราะถ้าลูกน้อยติดเชื้อมาแล้ว แม้อาการจะรุนแรงหรือไม่ก็ตาม ก็บั่นทอนสุขภาพของลูกน้อยเหมือนกันค่ะ

อย่าวางใจ...อาการอาจรุนแรงได้

ในเด็กที่ติดเชื้อ มักจะมีอาการอาเจียนร่วมกับถ่ายเหลวอาการมีตั้งแต่รุนแรงน้อย เช่น มีอาเจียน หรือถ่ายเหลว แต่ยังกินได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง มักหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ไปจนถึงมีอาการรุนแรงมาก เช่น อาเจียนหรือถ่ายเหลวมาก กินอาหารไม่ได้ ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มาก อาจมีอาการหน้ามืด กระหม่อมบุ๋ม ตาโหล และไม่ปัสสาวะหรือปัสสาวะออกน้อย ในกรณีนี้อาการรุนแรง ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ ในบางรายหากเสียน้ำมาก อาจรักษาไม่ทัน ส่งผลให้อาการรุนแรงถึงช็อกและเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ไวรัสอาจลงไปที่ลำไส้ มีอาการท้องเสียหลายวัน และอาจพบภาวะแทรกซ้อน เช่น ผิวลำไส้ถูกทำลาย ทำให้การดูดซึมอาหารทำได้ไม่ดี หรืออาจมีการพร่องของเอนไซม์แลคเตสที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม ทำให้กินนมแล้วถ่ายเหลว ท้องอืด ก้นแดง ตามมาด้วยค่ะ

ดังนั้น ควรใส่ใจดูแล และสังเกตอาการผิดปกติของลูกน้อย แต่บางครั้งอาจเกิดการสับสนกับอาการท้องเสียธรรมดาได้ แล้วจะต่างกันอย่างไร มีคำอธิบายมาให้แล้วค่ะ

ไวรัสลงกระเพาะ Vs ท้องเสีย ต่างกันอย่างไร

ท้องเสีย = มักมีอาการถ่ายเป็นน้ำวันละ 3 ครั้งขึ้นไปหรือถ่ายมีมูกเลือดปนอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งสาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ สารพิษ อาหารเป็นพิษ หรือกินอาหารไม่สะอาด

ไวรัสลงกระเพาะ = มีอาการอาเจียนเด่นกว่า อาจท้องเสียหรือไม่มีก็ได้ มีสาเหตุมาจากเชื้อโรต้าไวรัส อย่างไรก็ตามคุณหมอจะทำการวินิจฉัยอย่างละเอียดอีกครั้งค่ะ

การวินิจฉัยโรค คุณหมอจะซักประวัติ และตรวจร่างกาย ถ้าเป็นเด็กเล็ก มีไข้หวัดนำมาก่อน ต่อมามีการอาเจียน ไม่มีประวัติกินอาหารไม่สะอาด มักทำให้นึกถึงไวรัสลงกระเพาะ หากมีถ่ายเหลวร่วมด้วยอาจเป็นกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส หากเด็กมีประวัติกินอาหารไม่สะอาด ไม่ได้อุ่นให้ร้อน หรือมีคนหลายคนที่กินอาหารร่วมกัน มีอาการเช่นเดียวกัน มักนึกถึงอาหารเป็นพิษ ส่วนในกรณีที่ท้องเสีย จากเชื้อแบคทีเรียหรือพยาธิ มักมีอาการปวดท้อง มีไข้สูงถ่ายเป็นมูกเลือดปนด้วย

แต่ถ้าตรวจแล้วสาเหตุไม่ชัดเจน อาจต้องใช้การตรวจอุจจาระและส่งเพาะเชื้อเพื่อยืนยันบางโรค เช่น โรต้าไวรัส สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสในอุจจาระ เพื่อยืนยันได้ให้แน่นอนอีกครั้ง เพื่อจะได้ดูแลรักษาลูกน้อยได้ถูกต้อง

รักษาหนูเป็นไวรัสลงกระเพาะ

การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรง หากไม่รุนแรงจะรักษาด้วยการให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน และให้สารน้ำทดแทนให้เพียงพอ โดยการให้ดื่มน้ำเกลือแร่ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ ในเด็กที่เริ่มกินอาหารเสริมควรให้กินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย ในช่วงที่ไม่สบาย

เด็กที่มีอาการท้องเสียเนื่องจากากรขาดเอนไซม์แลคเตสร่วมด้วยนั้น จะให้เปลี่ยนนมเป็นนมที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส บางครั้งให้จุลินทรีย์ด้วยเพื่อปรับสภาพสมดุลของลำไส้ของลูกน้อย ส่วนในเด็กที่มีอาการรุนแรงกินไม่ได้ และขาดน้ำมาก อาจจำเป็นต้องเข้านอนโรงพยาบาลเพื่อให้สารน้ำทดแทนทางเส้นเลือด แล้วอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ

ดูแล...เมื่อลูกเป็นไวรัสลงกระเพาะ

การดูแลเบื้องต้น สามารถทำได้เองโดยประเมินอาการเบื้องต้นว่ารุนแรงเพียงใด หากมีอาเจียน ถ่ายเหลวเล็กน้อย แต่สามารถกินสารน้ำเกลือแร่ทดแทนได้ ไม่ซึม ร่าเริง ปัสสาวะสีออกใส มีไข้ต่ำ ๆ สามารถให้นอนพักที่บ้าน แล้วให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้อาเจียน น้ำเกลือแร่ กินอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่ายได้

สิ่งสำคัญคือ อย่าให้ขาดน้ำเกลือแร่ การดื่มน้ำเปล่าทดแทน หรือการผสมน้ำเกลือแร่ผิดส่วน อาจทำให้เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติได้ เวลาดื่มน้ำเกลือแร่ควรจิบทีละนิดช้า ๆ ส่วนในรายที่กินนมแล้วถ่ายทันที ท้องอืดมาก ก้นแดง อาจมีปัญหาเรื่องการดูดซึมร่วมด้วย และถ้าอาเจียนมาก ถ่ายเหลวกินไมได้ ไข้สูง ซึม มือเท้าเย็น ควรไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ

ป้องกันอย่างไร

ลูกน้อยที่เริ่มเข้าสู่วัยเตาะแตะ ควรสอนให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งคัดหลั่งของผู้ที่มีอาการป่วย อย่าให้อมของเล่น หรือเอามือเข้าปาก ต้องทำความสะอาดของเล่นหรือพื้นผิวที่ใช้ร่วมกันกับเด็กหลายคน กินอาหารควรใช้ช้อนกลาง แยกแก้วน้ำดื่ม กินอาหารและดื่มน้ำที่สะอาดปรุงสุก ที่สำคัญกินนมแม่ เพราะมีความสะอาดบริสุทธิ์กว่าอาหารชนิดไหน ๆ ค่ะ

นอกจากนี้เชื้อไวรัสบางชนิด เช่น โรต้าไวรัส สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนป้องกันโรต้าไวรัส โดยการให้ฉีดวัคซีน 2-3 ครั้ง ในช่วงอายุ 2-6 เดือน ก็เป็นเกราะป้องกันให้ลูกน้อยสุขภาพแข็งแรงแล้วค่ะ

รู้อย่างนี้แล้ว เวลาที่ลูกมีอาการอาเจียน หรือถ่ายเหลว อย่าตกใจ ให้สังเกตดูอาการเบื้องต้น แล้วพาไปพบคุณหมอโรคไวรัสลงกระเพาะก็เป็นแค่เรื่องจิ๊บจิ๊บค่ะ

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม