รีวิว The Flash (2023)
2023-06-16 18:39:24
Advertisement
คลิก!!!

ถ้ามัลติเวอร์สของ Marvel ที่ถูกบอกเล่าผ่าน Doctor Strange in The Multiverse of Madness ดูมืดหม่นจนเหมือนจะกลายเป็นหนังสยองขวัญ แถมการเดินทางข้ามมิติไปมา ยังดูสับสนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวละครมีอะไรบ้าง The Flash ฉบับปี 2023 ที่นำแสดงโดย เอซรา มิลเลอร์ คือ หนังเปิดจักรวาลมัลติเวอร์สของ DC ที่จะมาทำหน้าที่อธิบายความทับซ้อนของเวลา รวมถึงอธิบายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในแบบเข้าใจโคตรง่าย ไม่ซับซ้อน สมกับเป็นตัวละครสกิลสุดโกงของ DC ที่ถูกส่งให้มาทำหน้าที่ Reset จักรวาล ต้อนรับการมาถึงของนายใหญ่คนใหม่อย่าง “เจมส์ กันน์”

 

พูดถึงในแง่ความสนุกของหนัง ต้องยอมรับว่าก่อนจะเข้าโรงภาพยนตร์ เราตั้งความหวังไว้กับหนังพอสมควร ซึ่งในมุมของความบันเทิง และการกระจายบทบาทให้กับตัวละคร The Flash บริหารจัดการเวลาสองชั่วโมงกว่า ๆ ได้ดีมาก โดยแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็นสามพาร์ทด้วยกัน คือ พาร์ทของไทม์ไลน์ปัจจุบัน ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของ “แบร์รี่ อัลเลน” ก่อนวันที่ศาลจะมีคำตัดสินความผิดในคดีที่พ่อของเขาถูกจำคุกข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเอง พาร์ทของการย้อนอดีต ที่แบร์รี่ ตัดสินใจย้อนไปเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง จนทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดตามมามากมาย

 

เสน่ห์อย่างนึงที่ต้องชื่นชม หากมองข้ามปัญหาส่วนตัวของนักแสดงนำ คือ การสวมบทบาทเป็นตัวเองสองเวอร์ชันของ “เอซรา มิลเลอร์” ที่ออกแบบความแตกต่างระหว่างช่วงวัยไว้ได้ดีมาก โดยทีผู้ชมยังคงเข้าใจได้ ว่าพื้นฐานความคิดของทั้งสองคน คือคน ๆ เดียวกัน ต่างกันตรงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา แถมเวลาเข้าคู่กันยังฮาแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าบรรยากาศในโรงหนัง The Flash ใส่มุกเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้หลายฉากเลย แต่ถ้าใครโฟกัสที่นักแสดงสมทบ ตัวละครเสริมที่หนังแนวมัลติเวอร์สมักจะดึงนักแสดงเวอร์ชันก่อนหน้ามาใช้งาน รับรองว่าไม่ผิดหวัง โดยเฉพาะแฟน Batman กับ Superman สองตัวละครเสาหลักของฝั่ง DC มีมาให้ว้าวแน่นอน

 

สำหรับฉากการต่อสู้ใหญ่ ๆ หนังออกมาแบบมาได้มีสีสัน ไม่เน้นความพัง แต่เน้นโชว์สกิล สมกับที่มี The Flash เป็นพระเอก และดึงตัวร้ายหลักอย่าง “นายพลซอด” รับบทโดย ไมเคิล แชนนอน กลับมาปล่อยพลังพังแกนโลกอีกครั้งในปีนี้ โดยรวมแล้ว เราเลยมองว่า่ The Flash เป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีในระดับเกินความคาดหวังของผู้ชม และน่าจะเป็นตัวเปิดจักรวาล DC รูปแบบใหม่ของ “เจมส์ กันน์” ให้เดินไปได้อย่างสนุกในแบบที่เรารอคอย

 

ความยาวของหนัง 2 ชั่วโมง 24 นาที

มี End Credit 1 ตัว จะดูก็ได้ หรือไม่ดูก็ได้ ใบ้ให้แค่ว่าไม่โดนแกงแน่นอน

 

อย่าลืมมาวิ่ง Reset จักรวาลไปกับ “แบร์รี่ อัลเลน”

รับชม The Flash (2023) 15 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X