ในโลกของการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชน การเพิ่มประสิทธิภาพคลังสินค้าถือได้ว่าสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งชั้นวางสต๊อกสินค้าก็เป็นหนึ่งโซลุชันสำคัญนั้น

              ด้วยองค์ประกอบที่บทบาททั้งประโยชน์และการใช้งาน ทำให้ชั้นวางสต๊อกสินค้ากลายเป็นระบบสำคัญที่ต้องทำให้มีประสิทธิภาพสูงมากที่สุด เพราะนอกจากจะมีหน้าที่ในการเก็บสินค้าแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโฟลว์ที่ไหลลื่นในขั้นตอนการผลิต และการดำเนินงานในภาพรวมอีกด้วย ซึ่งใรบทความนี้เราก็ได้นำกลยุทธ์บางอย่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพคลังสินค้าในระดับอุตสาหกรรมมาฝากกัน ตามไปดูกันเลย

1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการและข้อกำหนดก่อน

              เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้คลังสินค้า การจะไปทำเรื่องสั่งซื้อชั้นวางสต๊อกสินค้าทันทีโดยไม่ได้สำรวจความต้องการของคลังก่อน ถือเป็นเรื่องที่ผิดแบบมหันต์ เพราะสเต็ปที่ถูกต้องจะต้องเริ่มจากการประเมินความต้องการขยายคลังของธุรกิจ ไปพร้อม ๆ กับข้อกำหนดเฉพาะทางเสียก่อน เช่น ประเภทสินค้าคงคลัง ขนาดและน้ำหนักของสินค้า อัตราการหมุนเวียน และข้อกำหนดในการเข้าถึง ซึ่งเมื่อประเมินทั้งหมดนี้จนครบแล้ว คุณก็จะสามารถกำหนดระบบชั้นวางสต๊อกสินค้าได้อย่างชัดเจน พร้อมจัดวางระบบและสั่งซื้อได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง

2. การใช้พื้นที่แบบแนวตั้ง

              สำหรับการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจและช่วยเพิ่มความจุได้ดีไม่น้อย คือการจัดระบบขยายพื้นที่แบบแนวตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก เพราะระบบดังกล่าวจะช่วให้คุณสามารถจัดเก็บสินค้าอุตสาหกรรมได้อย่างเท่าทวี ผ่านการจัดวางแบบซ้อนสินค้าคงกลังในแนวสูง เพื่อเพิ่มพื้นที่สต๊อกให้เพียงพอ โดยคำแนะนำด้านการใช้เทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับระบชั้นวางสต๊อกสินค้าเองก็มีหลากหลาย เช่น ระบบชั้นวางแบบลึกสองชั้นหรือระบบชั้นลอยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น

3. การใช้ระบบอัตโนมัติละเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ

              กลยุทธ์สุดท้ายที่อยากแนะนำ คือการประยุกต์ใช้เครื่องมือที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับคลังสินค้าอุตสาหกรรม อย่างพวกระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เช่น สายพานลำเลียง ระบบหุ่นยนต์หยิบสินค้า และการสแกนบาร์โค้ดที่สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานที่ผิดพลาดได้เป้นอย่างดี นอกจากนี้การใช้ระบบชั้นวางสต๊อกสินค้ารวมกับระบบการจัดการคลัง (WMS) เองก็สามารถช่วยเหลือในขั้นตอนการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี เพราะจะช่วยให้พนักงานสามารถมองเห็นสินค้าคงคลังได้ตามเวลาจริง ไปพร้อม ๆ กับการติดตามคำสั่งซื้อและวิเคราะห์เพิ่มเติม ก่อนจะนำไปย่อยเป็นข้อมูลเพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพขั้นตอนการดำเนินงานในแผนงานถัด ๆ ไป