ชเวจินซิล (Choi Jin Sil) เป็นอีกหนึ่งในนักแสดงหญิงที่ได้รับฉายาว่า ‘นักแสดงหญิงแห่งชาติ’ ของประเทศเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตามเธอมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เด็กจากครอบครัวที่หย่าร้าง, เติบโตมาในบ้านที่ยากจนกับพี่ชายและแม่คนเดียวที่เลี้ยงเธอมา และความฝันที่อยากจะประสบความสำเร็จในซักวันหนึ่ง

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ชเวจินซิลเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนางแบบ เธอถ่ายโฆษณาของ Samsung ที่เธอรับบทเป็นแม่บ้านที่ทุ่มเทเต็มที่เพื่อครอบครัว ทำให้เธอได้รับความสนใจและความนิยม จากนั้นในปี 1988 เธอได้เดบิวต์การแสดงในบทนักแสดงสมทบจากเรื่อง 500 Years of Joseon ของช่อง MBC หลังจากนั้น 2 ปี เธอเดบิวต์ในผลงานภาพยนตร์เรื่อง North Korean Partisan In South Korea ตลอดระยะเวลา 20 ปีของอาชีพนักแสดง เธอมีผลงานภาพยนตร์ 18 เรื่อง และซีรีส์ 20 เรื่อง, ผลงานโฆษณา 140 ชิ้น และได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากงาน Grand Bell Award ครั้งที่ 33
 

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงในวงการของเธอมาพร้อมเรื่องราวที่น่าหดหู่ ชเวจินซิลตกเป็นเหยื่อของข่าวลือบนอินเตอร์เน็ตและไซเบอร์บูลลี่

ในปี 1994 แบบยองซู อดีตผู้จัดการของเธอ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการถูกฆาตกรรมโดยผู้จัดการที่คอยขับรถให้เธอ ชเวจินซิลถูกเชิญไปเป็นพยานในคดีดังกล่าว แต่กลับมีข่าวลือว่าเธอร่วมฆาตกรรมในครั้งนี้ด้วย แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานก็ตาม

ข่าวดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเธอ และในปี 1995 ชเวจินซิลเจอกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่และมักจะถูกสะกดรอยตามอยู่เสมอ ในปี 1994 และ 1998 เธอเกือบถูกลักพาตัว

ปี 2000 ชเวจินซิลได้แต่งงานกับ โชซองมิน นักเบสบอลอาชีพ และกลายเป็นประเด็นร้อนในเกาหลี ในปี 2001 พวกเขามีลูกชายด้วยกันชื่อว่า ฮวานฮี และในปี 2003 ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน ชื่อว่า จุนฮี อย่างไรก็ตามชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ไม่ได้มีความสุขอย่างที่คิดไว้

โชซองมินมักจะบอกกับสาธารณะว่าภรรยาของเขาไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามโชซองมินต่างหากที่เป็นคนผิด มีรายงานว่า โชซองมินนอกใจ และเป็นหนี้แม่และพี่ชายของชเวจินซิลจำนวนมหาศาล นอกจากนี้เขายังทำร้ายร่างกายชเวจินซิลอยู่เป็นประจำ รวมถึงในปี 2002 ตอนที่เธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่ 2 อยู่ด้วย แต่โชซองมินกลับให้ข่าวว่าเป็นการทะเลาะกันทั้ง 2 ฝ่าย

ในปี 2004 เขาทำร้ายเธออีกครั้ง และในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน เขาได้ทำการฟ้องหย่า

ชเวจินซิลได้แจ้งความอดีตสามีของเธอข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่เพื่อที่จะชนะคดีให้ได้รับสิทธิ์เลี้ยงดูลูกของเธอ เธอต้องถอนแจ้งความทั้งหมด และยกหนี้ที่เขาติดครอบครัวของเธอไว้ ถึงแม้ชเวจินซิลจะชนะได้เลี้ยงดูลูก แต่โชซองมินก็ได้สิทธิ์ในการมาเยี่ยม จากนั้นเขาก็ใส่ร้ายป้ายสีเธอผ่านทางอินเตอร์เน็ตจนในที่สุดเธอก็ทนไม่ได้ ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองคือเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัวในปี 2004 แต่แทนที่จะได้รับความเห็นใจ สิ่งที่เธอได้รับกลับเป็นการลงโทษมากยิ่งขึ้น

ในตอนนั้น ชเวจินซิล เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของบริษัทก่อสร้างและวิศวกรชินฮัน เมื่อเธอออกมาเปิดเผยหลักฐานภาพถ่ายที่โดนทำร้าย เธอกลับถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยบอกว่าเธอทำตัวไร้เกียรติ ไม่คู่ควรกับการร่วมงานกับบริษัท เพราะเปิดเผยภาพหน้าบวกฟกช้ำต่อหน้าสาธารณะชน บริษัทยังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเธอ แต่ชเวจินซิลชนะคดีนี้

ในปี 2005 ชื่อเสียงของเธอกลับมาอีกครั้งจากผลงานการแสดงเรื่อง My Rosy Life ตามมาด้วยเรื่อง Last Scandal ในปี 2008 เรื่องนี้ได้รับความนิยมจนมีการพิจารณาผลิตซีซั่น 2 แต่ชเวจินซิลจากไปก่อนที่จะได้เริ่มถ่ายทำ 

เดือนกันยายน ปี 2008 อันแจฮวาน สามีของ จองซอนฮี นักแสดงตลกชื่อดัง ถูกพบว่าเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ของตัวเอง เขาฆ่าตัวตาย ข่าวรายงานว่าเพราะเครียดเรื่องหนี้ ชเวจินซิลเป็นเพื่อนสนิทของจองซอนฮี เธอได้มาร่วมงานศพของเขาด้วย ซึ่งในงานเห็นได้ชัดว่าชเวจินซิลดูไม่สบายใจ

หลังจากงานศพไม่นาน มีข่าวลือทั่วอินเตอร์เน็ตว่า ชเวจินซิลคือเจ้าหนี้ของของซอนฮี ทำให้หลายคนคิดว่าเธอคือตัวเร่งให้อันแจฮวานฆ่าตัวตาย ชเวจินซิลแจ้งความเพื่อให้ตำรวจตามตัวคนปล่อยข่าวลือนี้ และตำรวจได้จับกุมพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัยที่อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือเท็จนี้

อย่างไรก็ตามความเครียดหลายครั้งทำให้ ชเวจินซิล ตัดสินใจฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ปี 2008 เธอถูกพบว่าแขวนคอตาย การตายของเธอทำให้เกิดการเลียนแบบการฆ่าตัวตายหลายครั้งในประเทศ จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยอนเซเปิดเผยว่า การฆ่าตัวตายของชเวจินซิลทำให้เกิดการกระตุ้นความรู้สึกของใครอีกหลายคนที่เรียกว่าปรากฎการณ์ Werther และทำให้อัตราการฆ่าตัวตายสูงขึ้น 16.23% ในเวลานั้น

ถึงแม้เธอจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ชเวจินซิลยังถูกปฏิบัติอย่างไม่ได้รับการเคารพอยู่อีกหลายครั้ง ในวันที่ 4 มิถุนายน ปี 2009 ศาลฏีกาได้พิจารณาคดีระหว่างชเวจินซิลกับบริษัทชินฮันใหม่ และตัดสินว่า เธอมีความผิดฐานที่ไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณะชนได้ ไม่กี่วันต่อว่า สมาคมเครือข่ายสตรีเกาหลี ได้ออกมาประณามคำตัดสินนี้ 

“ตอนที่ผู้คนเจ็บปวด เขาหรือเธอต้องรักษาเกียรติของพวกเขาไว้ด้วยการเปิดเผยความเสียหายและเรียกร้องให้กฎหมายช่วยเหลืออย่างที่ชเวทำ” 

1 เดือนหลังการตัดสินนี้ ในวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2009 ขี้เถ้าของชเวจินซิลถูกขโมยจากสถานที่เก็บกระดูของเธอ ตำรวจตามล่าหาตัวขโมย และได้นำที่เก็บกระดูกของเธอมาไว้ที่สุสานที่ใหม่ซึ่งสวนรำลึกเล็กๆได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเธอ

ไม่นานหลังจากชเวจินซิลเสียชีวิต พี่ชายและผู้จัดการของเธอได้ฆ่าตัวตายเช่นกัน จุนฮีลูกสาวของชเวจินซิลได้ออกมาบอกว่าเธอไม่ลงรอยกับคุณยาย ซึ่งได้รับสิทธิ์ดูแลหลานหลังจากชเวจินซิลเสียชีวิต จุนฮีได้เปิดเผยภายหลังว่าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง และหลังชเวจินซิลเสียชีวิตไป 4 ปี โชซองมิน อดีตสามีของเธอก็ได้ฆ่าตัวตายลงเช่นกัน
 

ถึงแม้ช่วงการมีชีวิตอยู่ของชเวจินซิลจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เธอยังมีเพื่อนที่ดีที่ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิชเวจินซิล ซึ่งก่อตั้งโดยนักแสดงตลกอียองจา, จองซอนฮี, ฮงจินคยอง, อีโซรา, ชเวฮวาจอง และออมจองฮวา

ที่มา  koreaboo