อีจองแจเผยว่า Squid Game ทำให้เขาต้องกลับมาคิดใหม่ว่าเขามองโลกอย่างไร
2022-11-18 12:39:20
Advertisement
คลิก!!!

ซีรีส์แนวดิสโทเปียทำให้อีจองแจโด่งดังไปทั่วโลกและได้รางวัล Emmy ตอนนี้เขาได้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นระทึกขวัญจารกรรม

 

ณ โรงหนัง West End อีจองแจกล่าวขอโทษผู้ชมจำนวนมากเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง Hunt ผลงานการกำกับล่าสุดของเขาซึ่งเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญทางการเมืองแนว OTT ที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นด้วยพื้นหลังประเทศเกาหลีในปี 1980 ภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่งเข้าฉาย อีจองแจเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ ซีรีส์และคอหนัง อีจองแจพูดผ่านล่ามว่า

“มีซับไตเติ้ลผิดไปครับ มันขึ้นว่า ‘keep my eyes on you’ แต่จริง ๆ แล้วมันควรจะเป็น ‘watch over you’ ถึงความหมายมันจะเหมือนกันแต่มันก็เป็นความแตกต่างของภาษาอยู่ดีซึ่งมันไม่ถูกต้องเท่าไรนักในเรื่องนี้ ผมขอโทษจริง ๆ ครับ”

 

ท่ามกลางระเบิด การยิงปืน และการฆาตกรรมอย่างลึกลับ ซึ่งเป็นการพลิกเรื่องอย่างรวดเร็วใน 2 ชั่วโมงจะมีสักกี่คนที่สังเกตเห็นซับบรรยายที่มีความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ จึงเห็นได้ว่าอีจองแจมีความรับผิดชอบ ไม่ปล่อยปละละเลยในฐานะที่เขาเป็นทั้งนักเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะมีประสบการณ์ในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ถึง 30 ปีและเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศ แต่อีจองแจก็ได้เดบิวท์ฝีมือการกำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง Hunt และด้วยบทนำของเขาจากซีรีส์เรื่อง Squid Game ที่ฉายทาง Netflix ทำให้นักแสดงชายวัย 49 อย่างเขาได้เป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก คนทั่วทั้งโลกกำลังจับตามองเขาอยู่

 

“ผมอยู่ในวงการบันเทิงในฐานะนักแสดงมาหลายสิบปี ก่อนที่ผมจะเริ่มทำหนังเรื่องนี้ผมคิดว่าผมเข้าใจในอุตสาหกรรมวงการบันเทิงและการสร้างหนังแล้ว แต่กลายเป็นว่าการเขียนบท การกำกับ การผลิต การดูแลทีมงานและนักแสดงเปิดมิติใหม่ให้ตัวผมเลยครับ”

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวในช่วงปี 1980 ด้วยฉากหลังของสงครามเย็นที่ตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ภาพยนตร์มีความซับซ้อนมากราวกับว่าต้องดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว อีจองแจรับบทเป็นหนึ่งใน 2 หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่แข่งกันในเกาหลีใต้ เมื่อผู้หลบหนีจากทางเกาหลีเหนือยืนยันว่ามีไส้ศึกอยู่ในกลุ่มของพวกเขา หัวหน้าหน่วยข่าวทั้ง 2 และทีมได้รับมอบหมายให้กำจัดไส้ศึกโดยสอบสวนกันเอง การเปิดฉากด้วย high-octane ที่ให้เห็นถึงความพยายามที่จะเอาชีวิตประธานาธิบดีเกาหลีใต้บนผืนแผ่นดินอเมริกาโดยมีแผนการลอบสังหารอีกครั้งหนึ่ง ลำดับเหตุการณ์บางอย่างขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ในขณะที่เหตุการณ์อื่น ๆ ถูกแต่งขึ้นในภาพยนตร์แอคชั่นนี้ที่ไม่ควรไว้ใจในเรื่องราวของภาพยนตร์เลย

 

อีจองแจใช้เวลา 4 ปีในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งเขียนเนื้อเรื่องซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบจนได้บทที่เขาหวังว่าจะทำให้ผู้ชมตั้งคำถามว่าความเชื่อของตัวละครเกิดขึ้นได้อย่างไรและทำไม ตอนแรกอีจองแจไม่มีความตั้งใจที่จะกำกับภาพยนตร์เอง เขากล่าวว่า “ผมหาผู้กำกับหลายคนที่จะมากำกับเรื่องนี้ แต่พอผมบอกถึงวิสัยทัศน์ของผมที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับหลายท่านก็บอกว่าผมขอมากเกินไป” อีจองแจกล่าวว่าแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเองที่จะปฏิเสธโอกาสที่เข้ามา “มันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงบางอย่างจากประวัติศาสตร์เกาหลีซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อน อีกความคิดหนึ่งก็คือการรักษาสมดุลของตัวละครหลัก 2 คนเป็นเรื่องยาก” เพราะลำดับของโคงเรื่องนั้นมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ ในช่วงปี 1980 ทั้งวอชิงตันดีซี เกาหลี (เหนือและใต้) ไทยและญี่ปุ่น “ว่ามาเถอะ ในหนังผมมีแทบทุกอย่างที่พูดมาเลยครับ” อีจองแจยิ้ม “สุดท้ายผมเลยกำกับเองซะเลย”

 

“ผมใช้เวลาเยอะมากในการเตรียมภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ทีมงานมีประสบการณ์มากกว่า ดังนั้นผมจึงบอกพวกเขาไปตรง ๆ แต่แรกเลยว่า ‘ผมเป็นมือใหม่ ยังมีอะไรที่ไม่รู้อีกมาก สอนผมด้วยนะครับ’” อีจองแจประชุมกับทีมงานทุกแผนกอยู่เรื่อย ๆ และใช้เวลาช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ทำการบ้านด้วยตนเอง “ผมถ่ายงานแสดงไปทั้งหมด 7 งานในขณะที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ไปด้วย” เขากล่าว

 

อีจองแจเป็นตัวอย่างของคนที่ชีวิตเคยยากลำบากมาก่อนและไม่กลัวที่จะต้องดิ้นรน เขาเกิดและเติบโตที่โซล เมื่อตอนวัยรุ่นเคยทำงานที่คาเฟ่ย่านคังนัม ระหว่างนั้นดีไซน์เนอร์ฮายงซูเห็นแววการเป็นนายแบบของเขา อีจองแจเผยว่า “ผมหวังว่าจะได้งานที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายใน แต่งานเดินแบบก็น่าจะดีเหมือนกัน หลังจากนั้นผมก็ได้รับการติดต่อกลับมา” แล้วเขาก็เริ่มไปแคสงานโฆษณาทางโทรทัศน์

 

“แล้วผมก็ถูกเลือกให้ไปโฆษณาช็อคโกแลตซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในเกาหลี จนผมได้ไปแคสรายการโทรทัศน์อย่าง Feelings” เพียงแค่ข้ามคืน ชื่อของอีจองแจก็เป็นชื่อติดปากที่สมาชิกในครอบครัวที่ได้ดูรายการนี้พูดถึง ปี 1994 เขาได้แสดงซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่อง The Young Man รับบทเป็นนายแบบจอมบงการ อีจองแจเผยว่า

“ในตอนนั้นผมยังไม่ได้เตรียมตัวจะเป็นนักแสดงเลยด้วยซ้ำ ผมตั้งสติก่อนถึงจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร มันไม่สนุกเลยในตอนนั้น เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวสำหรับผมเลยล่ะครับ ผมกลัวมาก แล้วผมก็ตระหนักได้ว่าผมต้องเรียนรู้ด้านนี้ ผมเลยเรียนมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับด้านนี้ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท พอผมมีเวลาผมก็เรียนรู้งานกับแอคติ้งโค้ช ผมต้องเรียนรู้ให้มันถูกต้องน่ะครับ”

 

ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เส้นทางอาชีพของอีจองแจนั้นมีหลากหลายแนว ทั้งการแสดงตลกและซีรีส์ ไม่ว่าจะพล็อตที่เกี่ยวกับการปล้นหรือเรื่องราวที่แสนโรแมนติก จนมีผู้ชมจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จากนั้นในเดือนกันยายน 2021 Squid Game ได้ออกอากาศผ่านทาง Netflix และดังเป็นพลุแตก เรื่องราวของผู้เข้าแข่งขันหลายคนที่เข้าแข่งขันในเกมสำหรับเด็กเพื่อชิงเงินรางวัลก้อนโต ความน่ากลัวที่แสนตื่นเต้นในซีรีส์ไม่มีข้อกังขาใด ๆ เป็นอีกครั้งที่ชื่อเสียงของอีจองแจเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน แต่คราวนี้จากที่เป็นแค่สมบัติของชาติกลับกลายเป็นสมบัติระดับนานาชาติแทน

 

อีจองแจกล่าวถึงความสำเร็จของ Squid Game ว่า “แน่นอนครับว่าผมมีความสุข แต่เป็นความสุขปนความเศร้านะครับ จริงอยู่ที่ว่ามันเป็นเรื่องดีที่ผู้ชมกำลังทั่วโลกดูสื่อเกาหลี และพวกเขาก็ซาบซึ้งไปกับมัน แต่ถ้าคุณคิดถึงธีมของ Squid Game คือเราอยากจะรวยไปจนถึงจุดไหน อีกไกลแค่ไหนถึงจะพอกับสิ่งที่มนุษย์ถูกบังคับให้ทำหรือให้ไป ความจริงที่สะท้อนกับหลายคนทั่วโลกเป็นสิ่งที่น่าห่วงครับ พอดูแล้วคุณจะรู้สึกว่ามันคือเรื่องจริงของคนเราเลยหนิ มันทำให้ผมเศร้าครับ”

 

Squid Game สร้างมาเพื่อให้คนดูจนเสพติด ซีรีส์เรื่องนี้มีมูลค่าการผลิตที่สูงและการแสดงที่ไร้ที่ติ แต่ก็เป็นการสำรวจขีดจำกัดที่มนุษย์ทำและก่อให้เกิดผลกระทบ อีจองแจอธิบายว่า “เราต้องแสดงประสบการณ์ที่ตัวละครเหล่านี้เจอจนถูกผลักดันให้ทำอย่างนั้นซึ่งมันแย่มาก ยิ่งฉากเกมสวยงามมากเท่าไรก็ยิ่งดูเป็นเด็กและสนุกสนานมากขึ้นเท่านั้น แต่นั่นเท่ากับว่าตัวละครแต่ละตัวเจอบททดสอบที่น่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เพราะเราเป็นนักแสดงไงครับ เราเลยต้องแสดงออกมาให้ดี”

 

การแสดงได้เปลี่ยนชีวิตของเขาในเส้นทางของอาชีพนักแสดง อีจองแจแสดงความเห็นว่า “ผมคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน Squid Game มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนเราจะเกิดมาแล้วได้ทำทุกอย่าง และมันทำให้ผมคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ พวกเราหลายคนใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย มันทำให้ผมคิดใหม่ว่าผมมองโลกอย่างไร

 

เมื่อเดือนกันยายน 2022 อีจองแจได้สร้างประวัติศาสตร์ ณ โรงละคร Microsoft ที่ลอสแองเจอลิส เขาได้รางวัล Emmy สาขานักแสดงนำจากซีรีส์ เป็นครั้งแรกที่รางวัลนี้มอบให้กับนักแสดงชาวต่างชาติ (ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ) และอีจองแจก็ยังเป็นนักแสดงชาวเอเชียคนแรกอีกด้วยที่ได้รางวัลนี้ อีจองแจกล่าวว่า “โลกกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กัน เราเห็นการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น และเราตระหนักว่าในศิลปะและวัฒนธรรม ภาษาไม่ใช่สิ่งสำคัญอันดับแรก” ในประวัติศาสตร์ก่อน ๆ นักแสดงที่ไม่ได้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ต้องพูดภาษาอังกฤษเพื่อให้เป็นที่รู้จักในฮอลลีวูด แต่อีจองแจได้พิสูจน์ว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป อีจองแจได้แคสซีรีส์เรื่อง Star Wars The Acolyte ซึ่งกำลังจะออกอากาศเร็ว ๆ นี้ เป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าจากทั่วโลก ในตอนนี้เขาเป็นผู้นำทางวัฒนธรรมเกาหลี

 

“แน่นอนครับว่าผมรู้สึกกดดัน มันเป็นความรู้สึกของความรับผิดชอบ แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในตอนที่ผมยังอายุน้อยกว่านี้ ผมคงคิดว่า 'ว้าว ผมต้องทำงานหนักขึ้นและทำให้ผู้คนประทับใจ' แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการตระหนักถึงสิ่งที่วัฒนธรรมเกาหลีสามารถบรรลุได้ ซีรีส์เกาหลีที่ยอดเยี่ยมเรื่องอื่น ๆ ในตอนนี้ก็สามารถประสบความสำเร็จได้บนเวทีโลกเช่นกัน น่าตื่นเต้นนะครับ”

 

มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เขาเดบิวท์ในผลงานภาพยนตร์ โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ทั้งในเรื่องคอนเซปต์และการนำเสนอ เมื่อถามอีจองแจว่าจะทำภาพยนตร์อีกไหม เขาขอเวลาคิดประมาณ 1 นาทีและตอบพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ขอผมพูดหน่อยนะครับ มันจะไม่ง่ายเลยที่จะทำหนังแอคชั่นที่ทั้งกำกับและแสดงไปด้วยในเวลาเดียวกันถ้าผมได้ทำหนังอีกครั้งคงจะเป็นอีกแนวนึงไปเลย” แม้แต่คนที่มีประสบการณ์ในการทำงานในวงการบันเทิงอย่างอีจองแจยังมองว่าการอยู่หน้ากล้องและหลังกล้องพร้อมกันเป็นเรื่องยาก และเขาอาจทำมันเพียงครั้งเดียวพอ

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X