ตายไปนานกว่า 3 ปีได้แล้ว แถมมีการตัดสินผู้กระทำผิดตามกระบวนการศาลยุติธรรมไปแล้วด้วย แต่เรื่องราวควันหลงการเสียชีวิตของ ไมเคิ่ล แจ็กสัน ''ราชาเพลงป็อป'' ชื่อก้องโลก เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2009 ยังคงอยู่ในความสนใจ ล่าสุดไม่รู้ทำอีท่าไหน หนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลีส ไทม์ส ไปขุดคุ้ยอีเมลลับจำนวนมากมายมหาศาล ที่เป็นการส่งโต้ตอบกันภายในบริษัทจัดคอนเสิร์ตสั่งลาของ แจ็กโก้ ระบุว่า แจ็กโก้ ไม่ต่างจากศพเดินได้ตั้งแต่แรกแล้ว

ไมเคิ่ล เสียชีวิตในวัย 50 ปี ซึ่งมีการตัดสินไปแล้วว่า ดร.คอนราด เมอร์เรย์ อดีตแพทย์ประจำตัว มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาท จากการให้ยานอนหลับชนิดรุนแรง โปรโพฟอล เกินขนาด ถูกตัดสินโทษจำคุก 4 ปี เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่อยู่ในความสนใจคือ สภาพก่อนตายของ ไมเคิ่ล ว่าเป็นยังไงแน่ เพราะช่วงเสียชีวิตนั้น หลายๆ ฝ่ายบอกว่า ไมเคิ่ล ดูแข็งแรงดี และตั้งอกตั้งใจซ้อม ซึ่งแฟนๆ สามารถดูได้จากภาพยนตร์ ''This Is It'' ที่ แจ็กโก้ ทั้งร้องทั้งเต้น

แต่ข้อเท็จจริงอาจไม่ใช่แบบนั้นเมื่อ นสพ.แอลเอ ไทม์ส ไปได้อีเมลลับรวมแล้วกว่า 250 หน้า ระบุว่า ไมเคิ่ล ร่อแร่ตั้งแต่แรก และดูไม่น่าจะรอดมาตลอด ซึ่งปัญหานั้นรวมถึงการที่ แจ็กโก้ ติดเหล้า และกลัวว่าตัวเองจะแสดงไม่ไหว เนื่องจากคอนเสิร์ตที่จะระเบิดขึ้นใน ลอนดอน เดือนกรกฎาคม ปีเดียวกัน (2009) มันมาราธอน หฤโหดกว่า 50 รอบ แต่สิ่งที่ชัดเจนจากอีเมลพวกนี้คือฝ่ายบริหารของ ''เออีจี ไลฟ์'' ทราบดีว่า แจ็กโก้ มีปัญหา

''เอ็มเจ ขังตัวเองอยู่ในห้อง เขาเมา และห่อเหี่ยว'' แรนดี้ ฟิลลิปส์ ผู้บริหารเออีจี ไลฟ์ ส่งเมลถึง ทิม ไลเวค ประธานบริษัทเออีจี ไลฟ์ เดือนมีนาคม 2009 โดย ไลเวค ตอบกลับไปทันทีว่า ''นี่คุณอำผมเล่นหรือเปล่า?'' ซึ่ง แรนดี้ ตอบกลับมาว่า ''ผมตะโกนใส่เขาเสียงดังจนกำแพงสะเทือนแล้ว เขาอยู่ในอารมณ์เฉื่อยชา หมดสภาพ เกลียดตัวเอง และสงสัยว่านี่สมควรจะเป็นเวลาโชว์หรือเปล่า''

ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เอ็มเจ อยู่ที่ ลอนดอน เพื่อรองานแถลงข่าวประกาศการแสดงคอนเสิร์ต โดยปรากฏว่าเขามาร่วมงานสายไป 90 นาที ซึ่ง ''ไทม์ส'' นสพ.ท้องถิ่น ตั้งข้อสังเกตว่า ไมเคิ่ล ดู ''ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และแปลกๆ'' ขณะที่ แรนดี้ เขียนในอีเมลว่า ''เขากลัวตาย'' โดย แรนดี้ บอกว่า สุดท้ายแล้วเป็นเขา กับผู้จัดการของ ไมเคิ่ล ที่ช่วยกันลาก ไมเคิ่ล มาแต่งตัวไปงานแถลงข่าวจนได้

ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ และไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่า คอนเสิร์ตจะมีขึ้นได้ แต่ เออีจี ไลฟ์ อ้างว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป เพราะทำสัญญากันไปแล้ว โดยอีเมลของ พอล กองกาวาเร่ อีกหนึ่งผู้บริหารของบริษัท ส่งหา แรนดี้ มีใจความว่า ''เราจะยอมให้งานนี้ถูกบีบให้ยกเลิกแบบที่ เอ็มเจ พยายามทำให้เกิดขึ้นอยู่ ไม่ได้ เขาเหลาะแหละ และเปลี่ยนใจตามความต้องการของตัวเองไปมา เขาดิ้นไม่หลุดแล้ว เขาไม่มีทางเลือก''

จากนั้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ แจ็กโก้ จะลาโลกไปในที่สุด เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2009 ด้าน เคนนี่ ออร์เตก้า ซึ่งจัดเป็นผู้กำกับฯ คอนเสิร์ต ได้เตือนสติ แรนดี้ ฟิลลิปส์ ว่า ไมเคิ่ล นั้นมี ''สัญญาณเด็ดชัดบ่งชี้ให้เห็นถึงอาการวิตก, หวาดกลัว และหมกมุ่นกับตัวเอง'' โดย ออร์เตก้า เสนอว่าควรจัดให้ แจ็กโก้ ได้อยู่ในความดูแลของจิตแพทย์ แต่ประเด็นนี้กลายเป็นว่าทาง เออีจี ไลฟ์ ไม่เห็นด้วย

ความสำคัญของอีเมลต่างๆ เหล่านี้ ช่วยชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ตรงกันข้ามกับที่ เออีจี เคยนำเสนอในช่วงที่ ไมเคิ่ล เสียชีวิตใหม่ๆ ที่นั่งยันนอนยันว่า ไมเคิ่ล มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี นอกจากนี้ยังมีผลต่อรูปคดีระหว่างบริษัทเออีจี กับบริษัทประกัน ที่ต้องจ่ายเงินกรณีที่คอนเสิร์ตไม่สามารถดำเนินการได้ โดยทางบริษัทประกันต้องการให้ยกเลิกการบังคับจ่ายเงินค่าชดเชย โดยจะอ้างว่าทาง เออีจี ปกปิดสภาพที่จะร่อแร่ของ แจ็กโก้ นั่นเอง

http://www.siamdara.com