สรุปภาพรวม และคำอำลาตัวละคร ในซีรีส์ Start-Up
2020-12-07 15:30:16
Advertisement
คลิก!!!


บทความโดยคุณ Nottchakun
https://www.facebook.com/NottchakunWriter
บทความนี้ได้รับอนุญาตแล้วจากผู้เขียนแล้ว


-----------------

ตลอดเส้นทางของซีรีส์เรื่อง Start-Up
เรื่องราวมากมายให้พวกเราค้นพบ เรียนรู้ และเติบโต
ตัวละครแต่ละตัวล้วนเกิดขึ้นอย่างมีเหตุมีผล
พวกเขาเป็นทั้งแรงผลัก แรงดึง และแรงต้านของกันและกัน
ซึ่งทั้งหมดนั้น ถูกเชื่อมโยงเข้าไว้ด้วยกันผ่านวิกฤติ และโอกาส
ที่ในชีวิตจริงของเหล่า Start Up ต้องเจอกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่เสมอ
.
ใน EP16 ที่ใช้ชื่อตอนว่า ScaleUp ถือว่าเป็นบทสรุปของเรื่องราว
และการเดินทางอันยากลำบาก นับตั้งแต่วันที่เด็กหนุ่มสามคน
ตัดสินใจกอดคอกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า "ซัมซานเทค" บนชั้นดาดฟ้า
และฝ่าฟันร่วมกันมา จนได้เจอกับผู้คนมากมายที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
.
ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับวันที่ จีพยอง เดินออกมาจากบ้านเด็กกำพร้า
พร้อมกับป้ายรางวัลที่เขาได้รับมา ทั้งโดดเดี่ยว และไม่มีใครให้พึ่งพิง
แต่แล้วในวันที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ผู้หญิงที่เป็นเหมือนกับจุดเริ่มต้นเรื่องราวครั้งใหม่ในชีวิตของเขา
.
เมื่อมองภาพรวมจากสองด้านแบบนี้ เราจะเห็นว่าทั้งชีวิตของ จีพยอง
และของทีมซัมซานเทค ล้วนเริ่มต้นมาจากจุดที่ใกล้เคียงกัน
นั่นคือการแสวงหาความสำเร็จที่สร้างขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง
และความสำเร็จนั้น ไม่ได้เป็นแค่ชื่อเสียง หรือเงินทองเท่านั้น
แต่ยังหมายถึงครอบครัว และคนที่เรารักด้วย
.
ต่อไปนี้ คือบทสรุปของแต่ละตัวละคร
ที่ผมจะพาทุกคนโบกมือลาพวกเขาไปพร้อมๆกันครับ

 

:: ฮันจีพยอง ::

"อย่าโดดเดี่ยวอีกเลยนะ จีพยอง" นั่นคือคำที่คุณย่าพูดกับเขา
ชายหนุ่มนักบริหาร ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
เขายังคงเป็น "หนุ่มน้อย" ในสายตาคุณย่าเสมอ...
และเป็น "เจ้าเด็กดี" ที่อยากมีครอบครัวเป็นของตัวเอง
ชีวิตของเขาแทบจะทั้งชีวิตไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่นัก
เพราะเขามาจากบ้านเด็กกำพร้า สถานที่ ที่เต็มไปด้วยการแย่งชิง
มันทำให้เขากลายเป็นคนขี้ระแวง แสดงออกไม่เก่ง
แถมพูดขอบคุณก็ไม่ค่อยเป็น และมีกำแพงทางความรู้สึกที่สูงชันมาก
.
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฮันจีพยอง ก็ยังคงเป็นตัวละครที่ใครหลายคนตกหลุมรัก
เพราะในความเป็นคนพูดตรง และมีโลกส่วนตัวสูงของเขานั้น
เขาได้ซ่อนความเจ็บปวด และความเหงาเอาไว้ ไม่ให้ใครรู้
เพราะมันคือจุดอ่อนของเขา เขาไม่เคยเปิดเผยตัวเองในฐานะฮีโร่
หรือคนที่มีบทบาทสำคัญอะไรมากนัก เขามักจะบอก ดัลมี ว่า
มันเป็นเพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะตัวเขา และสิ่งที่เขาทำก็เป็นเพราะทดแทนบุญคุณเท่านั้น
.
แต่ในฐานะผู้ชม เราต่างก็รู้ดีว่า ผู้ชายคนนี้ มีดีมากกว่าจะเป็นคนเย็นชาแบบนั้น
วันที่เขารู้ว่า คอมเมนต์ของเขาทำให้พี่ชายของ ยงซาน ฆ่าตัวตาย
เขาถึงกับล้มป่วย และไม่กล้าเผชิญหน้ากับใคร เพราะเอาแต่ทบทวนตัวเอง
วันที่เขารู้ว่าหัวใจของ ดัลมี อยู่ที่ใคร แต่ โดซาน มัวแต่เปรียบเทียบตัวเองกับเขา
เขาขับรถไปที่บ้านของโดซาน เพื่อบอกให้ โดซาน กล้าหาญที่จะเป็นตัวเอง
.
ดังนั้น ถ้าจะมีเรื่องไหน ที่ทำให้เรารู้สึกดีใจไปกับ "ฮันจีพยอง"
เรื่องนั้นก็คือ ในที่สุดเขาก็รู้จักวิธี ที่จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
เขารู้จักวิธีที่จะยิ้ม หัวเราะ ชื่นชม และมองคนในมุมที่ต่างออกไป
เหมือนกับที่จดหมายของ ดัลมี เมื่อ 15 ปีก่อน
คอยปลอบโยนเขาในฐานะเพื่อนเพียงคนเดียวตลอดมา
.
ขอบคุณ ฮันจีพยอง ที่ทำให้เรารู้ว่า บางครั้งการเป็นพระรองก็ไม่ได้แย่เสมอไป
เพราะการได้คอยสนับสนุน และมองเห็นใครบางคนเติบโด ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเช่นกัน

 

:: นัมโดซาน ::

ถ้าพูดถึงตัวละครที่มีพัฒนาการมากที่สุดในซีรีส์เรื่อง Start-Up
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตัวละคร นัมโดซาน คือตัวละครที่มีพัฒนาการมากที่สุดในเรื่อง
เราเห็นเขาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเนิร์ดนั่งจ้องหน้าจอคอม ปากพูดแต่เรื่องตัวเลข และสถิติ
ฝันอยากเป็นเจ้าของบริษัท แต่ก็ไม่เคยพา ซัมซานเทค ประสบความสำเร็จได้จริงๆสักที
จนมาถึงวันที่เขากลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว ไม่เดินหลังค่อม ไม่งอแง หรือวิ่งหนีปัญหาอีกต่อไป
และที่สำคัญเขาคือคนที่ได้ครอบครองพื้นที่ในหัวใจของ "ซอดัลมี"
.
อะไรทำให้ โดซาน เปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้ขนาดนั้นในรอบหลายปี
คำตอบของคำถามนี้ คงไม่มีใครอื่นนอกจาก "ซอดัลมี"
หญิงสาวที่เขาพบครั้งแรก ผ่านตัวหนังสือในจดหมาย
ที่ฮันจีพยองเอามาให้อ่าน และขอให้เขาสวมรอยเป็นนัมโดซานแทนตัวเอง
และนับตั้งแต่วันนั้น ที่เขาตัดสินใจไปพบกับเธอ ชีวิตของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เธอได้กลายเป็นทั้งเป้าหมาย และเป็นทั้งแรงบันดาลใจ
ให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆวัน
.
"ทำเรื่องเข้าใจผิด ให้กลายเป็นจริง" นั่นคือข้อความที่เขาเขียนไว้ที่ SandBox
เพราะเขาต้องการเอาชนะความทรงจำ 15 ปี ที่อยู่ในจดหมาย
เขาจึงต้องพยายามมากขึ้น เพื่อเป็น นัมโดซาน ตัวจริงของเธอให้ได้
เพราะเป้าหมายของเขา ไม่ใช่สิ่งของ หรือเงินทองอีกต่อไป แต่เป็นคน
คนที่เขาอยากจะอยู่กับเธอตลอดไป คนที่เขาอยากให้เธอมีความสุข
และคอยอยู่เคียงข้างเพื่อสนับสนุนเธอทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
.
ขอบคุณ นัมโดซาน ที่ทำให้เราได้รู้ว่าพลังของความรักนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน
ถึงแม้ว่าเราจะมีเพียงแค่ "มือ" อย่างเดียวเพื่อที่จะเอาชนะใจของใครสักคนก็ตาม

 

:: ซอดัลมี ::

"...ฉันจะเป็นแบบนาย..." นั่นคือวันที่เธอตัดสินใจลาออกจากบริษัท
และก้าวเดินไปบนเส้นทางของการเป็น Start Up เช่นเดียวกับที่พ่อของเธอเคยทำไว้
จะว่าไปแล้วชีวิตของ ซอดัลมี ไม่ใช่ชีวิตที่ง่ายดาย เธอไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
แถมยังต้องทำงานแทบจะถวายชีวิตให้กับบริษัทที่ไม่เห็นคุณค่าของเธอ
ตรงกันข้ามกับ วอนอินแจ พี่สาวของเธอ
ที่ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในฐานะผู้บริหารระดับสูง
.
ซอดัลมี จึงนับว่าเป็นตัวละครที่มีจุดเริ่มต้นมาจากศูนย์อย่างแท้จริง
เธอไม่มีทั้งเงินทุน ไม่มีทั้งคอนเนคชั่น หรือคนที่ให้การสนับสนุน
แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเดินตามความฝัน เพราะมันคือสิ่งเดียว
ที่จะทำให้ชีวิตของเธอต่างออกไปจากเดิม
.
"การเดินทางโดยไร้แผนที่" นี่คือปรัชญาที่ผมชอบมากในซีรีส์เรื่องนี้
และถูกหยิบยกมาใช้ในหลายฉาก หลายเหตุการณ์
โดยเฉพาะ EP15 ที่โดซาน พูดถึงเรื่องการเดินทางโดยไร้แผนที่
.
มันเป็นเรื่องจริง ที่การวางแผนก่อนจะทำอะไรนั้นเป็นเรื่องดี
แต่ก็เป็นเรื่องจริงอีกเช่นกัน ที่หลายคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการวางแผน
โดยที่ไม่ยอมออกเดินทางไปไหนเลย
กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็พลาดโอกาสดีๆไปอย่างน่าเสียดาย
.
แต่ ซอดัลมี ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอตัดสินใจ และตั้งคำถาม
ในเรื่องที่ยังไม่มีใครคิดว่าบริษัทควรจะไปถึงตรงไหน
เธอเป็นทั้งคนที่จุดประกายเรื่อง โปรเจค TARZAN
และเป็นคนที่ตั้งเป้าว่าจะสเกลอัพบริษัท ทั้งที่ยังไม่มีการขายสินค้าใดๆ
นี่คงเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ทำไมวันนั้น
โดซาน ถึงเลือกที่จะจับมือกับ ดัลมี แทน อินแจ
และเป็นมือๆเดียว ที่เธอจับไว้ตั้งแต่วันแรก
จนถึงวันที่เธอกับเขาได้แต่งงานกัน
.
ขอบคุณ ซอดัลมี ที่ทำให้เรารู้ว่าการรักใครสักคนไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากมาย
แต่จงรักในตัวตนของเขา และรักในทุกสิ่งที่เขาเป็น

 

:: ซออินแจ ::

"หนูละอายเกินกว่าที่จะมาในชื่อวอนอินแจ"
เธอพูดประโยคนั้นกับคุณย่า หลังจากที่ไม่ได้กลับมาหานานหลายปี
สำหรับใครหลายคนนี่คือตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนที่สุดตัวหนึ่งของเรื่อง
เธอมีความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ มั่นใจ และเด็ดขาด ต่างกับ ดัลมี
แต่ภายใต้คาแรคเตอร์ของ "วอนอินแจ"
ยังคงมีอีกตัวละครที่ซ่อนอยู่ในนั้น นั่นคือ "ซออินแจ"
หลานสาวที่กอดคุณย่าแล้วร้องไห้เป็นเด็กขี้แย
จนเราแทบจะลืมภาพความเป็น CEO ของเธอไปเลย
แต่นั่นแหละ คือ เสน่ห์ของการเป็นพี่น้องกัน
.
ในช่วงต้นของซีรีส์ หลายคนไม่ชอบตัวครนี้
เพราะดูเหมือนเธอจะพยายามแย่งทุกอย่างไปจาก ดัลมี
เธอไม่เลือกที่จะอยู่กับพ่อ เธอเลือกที่จะใช้ชีวิตสบาย
แถมยังขโมยความทรงจำเรื่อง ชิงช้าพื้นทราย ไปเป็นของตัวเอง
.
แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องชื่นชมคนเขียนบท
ที่สามารถพาเธอกลับมาหาครอบครัวได้อย่างน่าประทับใจ
และไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่อยากต้อนรับเธอกลับมา
แต่ในทางตรงกันข้าม เรากลับรู้สึกตื่นตัน ที่ในที่สุดแล้ว
ครอบครัวตระกูล "ซอ" ก็ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที
.
ขอบคุณ ซออินแจ ที่ทำให้เรารู้ว่า ความกล้าหาญ ไม่ใช่แค่การได้ลองทำอะไรใหม่ๆ
แต่ยังหมายถึงการกลับได้กลับไปแก้ไขสิ่งที่เราเคยพลาดไปได้อีกด้วย

 

:: คุณย่าวอนด็อก ::

ถ้าจะมีรางวัล MVP ให้กับตัวละครที่ทรงคุณค่าที่สุดในเรื่อง
ผมก็อยากมอบรางวัลนั้น ให้กับคุณย่า เพราะทุกฉากที่คุณย่าออกมา
ไม่ใช่แค่ทำให้ตอนจบของเรื่องนี้สมบูรณ์แบบเท่านั้น
แต่ความรู้สึก และความรักของตัวละคร ยังส่งผ่านมายังผู้ชม
จนพวกเราหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอีกด้วย
.
ขอชื่นชมคนเขียนบท ที่สามารถออกแบบตัวละครได้อบอุ่นมากขนาดนี้
ทุกครั้งที่คุณย่าเอามือประคองแก้มของ จีพยอง หรือกอดใครสักคน
เราสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น และความรักที่คุณย่ามีให้คนๆนั้นจริงๆ
จนผมรู้สึกว่าตัวละครนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ถูกพูดถึงไปอีกนาน
และเป็นทัวแทนของการส่งต่อความดีให้กับผู้คนอีกมากมาย
เพราะคุณย่า คือ จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี "นุนกิล"
และคุณย่าคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ จีพยอง
ลงทุนส่วนตัวกว่า 300 ล้าน ให้กับโปรเจคโกกิลดง
.
ภาพที่คุณย่ามองเห็นอย่างชัดเจนใน EP สุดท้าย
พวกเราเองก็มองเห็น และซาบซึ้งไปกับภาพครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนั้นเช่นกัน
.
ขอบคุณ คุณย่า ที่ทำให้เรารู้ว่าความรัก
และความอบอุ่นที่แท้จริงนั้น หน้าตาเป็นยังไง

 

:: ซอชอนมยอง ::

"พ่อไม่ได้ลาออกเพราะถูกทุบตี
แต่พ่อลาออกมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับโลกใบใหม่"
.
นี่คือตัวละครที่เป็นจุดเริ่มต้นของ ทั้ง SandBox และ TARZAN
แม้ว่าชีวิตของตัวละครตัวนี้จะสั้น และมีช่วงเวลาให้เราซึมซับไม่นาน
แต่เราสามารถเห็นปณิธาน และความฝันของตัวละครนี้ได้ตลอดเส้นเรื่องเลย
.
เหมือนที่เขาเคยบอกกับประธานยุนไว้ว่า
การทำธุรกิจแล้วล้มลงบนพื้นซีเมนต์คงจะเจ็บมาก
แต่ถ้าล้มลงบนพื้นทราย ก็คงไม่ต้องกลัวอะไร
เพราะอย่างน้อยทรายก็ช่วยรับการกระแทกเอาไว้ได้
.
เช่นเดียวกับที่ Sand Box เกิดขึ้นมา
ก็เพื่อเป็นพื้นที่สนับสนุนความหวัง และความฝันของคนรุ่นใหม่
เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกใบเดิม ให้กลายเป็นโลกใบใหม่ที่ดียิ่งกว่า
.
ขอบคุณ คุณพ่อ ที่ทำให้เราเห็นโลกในอนาคตชัดเจนขึ้น
และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะล้ม

 

:: คิมยงซาน ::

นี่คืออีกหนึ่งตัวละครที่เติบโตขึ้นเช่นกันนับตั้งแต่วันแรก
เพราะเขาคือคนที่มีปมเบื้องหลัง เป็นความตายของพี่ชาย
เขาโทษทุกอย่าง ทุกคนที่เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเรื่องนี้ มีคนที่ต้องรับผิดชอบ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บนโลกของการแข่งขัน และโลกของธุรกิจ
ความจริงมักจะโหดร้ายแบบนี้เสมอ และมันไม่มีที่ว่างให้ความอ่อนแอเลย
.
ในฉากที่เขายอมรับฟังคำพูด และคำติของ จีพยอง
คือ EP ที่ปลดล็อคความรู้สึกของเขามากที่สุด
และทำให้เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นประธาน
.
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นต้นเหตุของความผิดพลาด
และทำให้ ทีมซัมซานเทค ต้องแตกออกจากกัน
แต่ก็ไม่มีใครโกรธเขา ทั้งโดซาน และซอลซาน
ต่างก็เข้าใจ และไปทำงานที่ ทูสโท เพื่อยงซาน
เพราะสำหรับพวกเขาทั้งสามคน การขาดใครไปสักคน
ก็เท่ากับว่าพวกเขา ไม่ใช่ ซัมซานเทค อีกต่อไป
.
ขอบคุณ คิมยงซาน ที่ทำให้เรารู้ว่าความแค้นไม่ได้ช่วยอะไร
แต่การมีเพื่อนทีดี และการมองโลกด้วยความจริงต่างหากที่จะทำให้เราเติบโต

 

:: อีซอลซาน ::

ถ้าจะให้คำนิยามกับตัวละครนี้ คำนั้นคงเป็น "ไม่เสแสร้ง"
เพราะภายใต้บุคลิกที่ดูซื่อๆ และไม่ค่อยทันคนของ ซอลซาน
กลับมีบางอย่างที่ ซาฮา ตามหามานาน แต่ไม่เคยเจอจากใครเลย
นั่นคือ "ความจริงใจ"
.
ถ้าเขาเสียใจ เขาก็พูดออกมา
ถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็พูดออกมา
ถ้าเขาหึง เขาก็แสดงออกมา
.
บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่ ซาฮา มองหา
มากกว่าผู้ชายที่เก่งกว่าเธอ
.
ในมุมของความเป็นเพื่อน ซอลซาน เป็นเหมือนจุดเชื่อม
ระหว่าง โดซาน กับ ยงซาน ถ้าใครจำจุดเริ่มต้นของ ซัมซานเทค ได้
ก็มาจากวันที่ ซอลซาน ถูกแรนซัมแวร์เล่นงาน
จนเดือดร้อนทั้ง โดซาน และยงซาน ต้องมาช่วย
.
เมื่อมองในมุมนี้ ซอลซาน จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้น
ที่ทำให้เกิดการรวมตัวกันของ ซัมซานเทค ขึ้นมา
และเป็นตัวละครที่ได้รับความรัก ความเอ็นดูจากผู้ชมเช่นกัน
.
ขอบคุณ อีซอลซาน ที่ทำให้เรารู้ว่า บางครั้งเงินก็ไม่สำคัญ
เท่ากับความสุขที่ได้ร่วมฝ่าฟันโชคชะตาไปกับคนที่เราไว้ใจ

 

:: จองซาฮา ::

ถ้า ซออินแจ คือตัวละครที่เต็มไปด้วยมาดผู้นำที่เด็ดเดี่ยว
จองซาฮา ก็คือตัวละครที่มั่นใจในความเป็นตัวเอง
เธอไม่เคยง้อใคร ไม่เคยก้มหัวให้ใคร
แต่เธอเชื่อมั่นในการมองคนของเธอ
.
ในฉากที่ ซอดัลมี คุกเข่าเพื่อขอร้องให้เธอมาทำงานด้วย
มันไม่ใช่เหตุผลเพื่อสนองอีโก้ของตัวเธอเอง
แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกว่า ถ้าคนที่เธอจะไปเป็นลูกน้องกล้าทำขนาดนี้เพื่อบริษัท
เป้าหมายของบริษัทที่สำคัญกว่าบุคลากรอย่างเธอ ดัลมี ก็คงทุ่มเทเต็มที่เช่นกัน
.
ในมุมนี้ จองซาฮา จึงเป็นเหมือนตัวละครที่มาช่วยเติมความสมบูรณ์ให้กับ ซัมซานเทค
และในขณะเดียวกัน ความเป็นธรรมชาติของทีม ซัมซานเทค
ก็ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็นอีกคนเช่นกัน
ท้ังการรู้จักที่จะรับฟัง และรู้จักที่จะทำงานเป็นทีม
และที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้เธอได้พบ ซอลซาน
ผู้ชายธรรมดาๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้คิดจะตามหาเหมือนกัน
.
ขอบคุณ จองซาฮา ที่ทำให้เรารู้ว่า
บางครั้ง แค่ความจริงใจ และความเป็นคนธรรดา
ก็เอาชนะคำว่า "เก่งกว่า" ได้เหมือนกัน

 

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคน
ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ถึงบรรทัดสุดท้ายนี้
.
จงอย่าลืมจุดเริ่มต้นว่าคุณทำธุรกิจเพราะอะไร
จงอย่าลืมจุดเริ่มต้นว่าคุณฝันจะเป็นแบบไหน
และอย่ายอมให้ความฝันของใคร
มาแทนที่ความฝันของเรานะครับ
.
- FOLLOW YOUR DREAM -
.
จนกว่าจะกลับมาพบกันใหม่ในซีรีส์เรื่องต่อไปครับ

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X