ในวงการเคป๊อป หากพูดถึง ‘ศิลปินเดี่ยว’ เป็นหนึ่งในผู้ที่เริ่มต้นบุกเบิก และปูเส้นทางเคป๊อปให้มั่นคง และสามารถเติบโตไปทั่วโลกได้อย่างทุกวันนี้ คน ๆ นั้นจะไปใครไปไม่ได้นอกจาก ‘โบอา’ (BoA) คนนี้ เธอได้รับการยกย่องด้านสถานะมากมายจากทั่วโลกเนื่องจากผลงานความสำเร็จอันเป็นที่ประจักษ์ของเธอ ทั้งการได้ชื่อว่าเป็น ‘The first Korean singer to win No.1 on Japan’s Oricon Chart,’ ‘The first Korean singer to enter Billboard’s main chart,’ หรือแม้กระทั่ง ‘The first female singer in her 20s to hold an exclusive concert in the Main Auditorium of Sejong Center for the Performing Arts’ และอื่น ๆ อีกมากมายที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของเธอ

    ‘โบอา’ นั้นเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในฐานะศิลปินเดี่ยวของเธอในปี 2000 โดยในตอนนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ ‘13 ปี’ เท่านั้น และแน่นอน จนถึงทุกวันนี้ในปี 2020 ‘โบอา’ ก็ยังคงเป็นที่รู้จัก และได้รับการพูดถึงในฐานะ ‘The first’ และ ‘The best’ อยู่เสมอ เพราะแม้หลังจาก ‘20 ปี’ ‘โบอา’ ก็ยังคงเป็น ‘โบอา’ ที่พยายามทำงานหนักอย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวงการบันเทิง เพื่อส่งมอบความสุขให้แก่ทุก ๆ คน

จุดเริ่มต้นในเส้นทางของการเติบโตเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘The first’ และ ‘The best’ ของวงการบันเทิง    

    ‘โบอา’ ในวัย 13 ปี ได้เดบิวต์เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการปล่อยผลงานอัลบั้มแรกที่มีชื่อว่า ‘ID; Peace B’ โดยตั้งแต่เริ่มต้น ‘โบอา’ แสดงให้สาธารณะชนเห็นถึงทักษะด้านการร้องเพลง และการแสดงบนเวทีที่สุดยอดเกินอายุน้อย ๆ ของเธอเอง ผู้คนมากมายต่างตกใจ และชื่นชมในความสามารถอันเปล่งประกายของเธอ และด้วยเหตุนั้น ‘โบอา’ สามารถคว้าทุกรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากทุกเวทีการประกาศรางวัลในปีนั้นไปครองได้สำเร็จ 

    และในเดือนมีนาคม 2001 หรือเพียง 6 เดือนหลังจากการเดบิวต์ ‘โบอา’ ได้ปล่อยผลงานอัลบั้มพิเศษออกมาต่อยอดความสำเร็จของตัวเอง และนั่นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ ‘โบอา’ ได้มีโอกาสเริ่มต้นท้าทายตัวเองในตลาดต่างประเทศ ซึ่งทั้งใหญ่กว่า และแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดย ‘โบอา’ ได้เริ่มต้นทำกิจกรรมใน ‘ประเทศญี่ปุ่น’ อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2002 ด้วยการปล่อยผลงานอัลบั้มภาษาญี่ปุ่น

    เพลงภาษาญี่ปุ่นของ ‘โบอา’ นั้นได้รับกระแสต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสาธารณะชน เธอสามารถส่งเพลงของตัวเองให้ครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงระดับชาติอย่าง ‘Oricon’ ได้เป็นผลสำเร็จ ส่งผลให้นับตั้งแต่นั้นมา ‘โบอา’ กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับการจดจำในฐานะของ ‘Asia Star’ ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ 

    นอกจากนี้ ‘โบอา’ ยังเป็นเจ้าของผู้ครองสถิติการเป็นผู้ชนะรางวัลใหญ่ประจำปี (Daesang Award)’ จากงานประกาศรางวัล ‘SBS Gayo Daejeon ‘ที่เด็กที่สุด’ อีกด้วย (ผลงานอัลบั้ม NO.1) พร้อมกันนี้ ‘โบอา’ ยังได้รับรางวัล ‘Gold Prize’ จากงานประกาศรางวัล ‘Japan Record Award’ เป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน (2002-2004) อีกด้วย 

    สำหรับการทำกิจกรรมในประเทศญี่ปุ่น ‘โบอา’ ได้รับเชิญให้ปรากฎตัวในรายการเพลงประจำปีระดับชาติอย่าง ‘Kohaku Uta Gassen’ เป็นครั้งแรกในปี 2002 และลากยาวต่อเนื่องมาจนถึงปี 2007 ส่งผลให้ในขณะนี้ ‘โบอา’ เป็นเจ้าของสถิติ ‘The First Korean singer to attend the show, Kohaku Uta Gassen’ 6 ปีซ้อน ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีศิลปินเกาหลีคนไหนสามารถทำลายได้

    อีกหนึ่งสถิติความสำเร็จของ ‘โบอา’ ที่ยังไม่มีศิลปินเกาหลีคนไหนสามารถทำลายลงได้คือ ‘การจำหน่ายซีดีอัลบั้มได้มากกว่า 1 ล้านเพลงตั้งแต่ในวันแรกที่วางขาย’ ซึ่งอัลบั้มดังกล่าวถือเป็นอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ในญี่ปุ่นของ ‘โบอา’ โดยเพลงในอัลบั้มดังกล่าวนั้นก็สามารถไต่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงระดับชาติอย่าง ‘Oricon’ ได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน (ทั้งในหมวดของ ‘Daily’ และ ‘Weekly’)

    หลังจากเป็นที่รู้จักในวงกว้างโดยสาธารณะชนชาวญี่ปุ่น ‘โบอา’ ก็ปล่อยผลงานอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นออกมาอย่างต่อเนื่องมากมายถึง 7 อัลบั้มด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าผลงานทุก ๆ อัลบั้มของเธอนั้นล้วนได้รับความนิยม จนถึงในระดับที่ว่าครั้งหนึ่ง ‘โบอา’ ได้รับเลือกให้เป็น ‘ศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของปี (อันดับที่ 2)’ ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอสามารถเอาชนะศิลปินคนอื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้    

    จากการประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในเกาหลี และญี่ปุ่น ‘โบอา’ ได้เริ่มต้นท้าทายตัวเองอีกครั้งด้วยการเดบิวต์เข้าสู่ ‘ตลาดเพลงในอเมริกา’ เป็นครั้งแรกในปี 2008 ด้วยผลงานเพลง ‘Eat You Up’ และแน่นอน การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในตลาดอเมริกาของ ‘โบอา’ นั้นได้รับกระแสตอบรับอย่างอบอุ่น โดย ‘โบอา’ กลายเป็นที่รู้จักอีกครั้งในฐานะ ‘The First Korean singer to enter Billboard 200 – the main chart of Billboard’ ได้ในที่สุด (ด้วยผลงานอัลบั้มที่มีชื่อว่า ‘BoA’) 

    ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่ ‘โบอา’ ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘The first female singer in her 20s to hold an exclusive concert in the Main Auditorium of Sejong Center for the Performing Arts’ ซึ่งนั่นส่งผลให้ ‘โบอา’ กลายเป็นหนึ่งใน ‘The best (artist) of all time’ ของวงการเคป๊อปในที่สุด

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งตัวเลขสถิติ และความสำเร็จที่ ‘โบอา’ สร้างขึ้นนั้นส่งผลอย่างมากต่อ ‘วัฒนธรรมไอดอลเคป๊อป’ และ ‘กระแส Hallyu’ ที่เป็นอยู่อย่างในปัจจุบันนี้ ทั้งความทักษะความสามารถ ความพยายา และความไม่เกรงกลัวต่อการท้ายทายของ ‘โบอา’ ร่วมกันกับแรงสนับสนุน และกลยุทธ์การตลาดอันแยบยลของค่ายต้นสังกัด ‘SM Entertainment’ เส้นทางอาชีพ ‘K-pop’ ก็ถูกสร้างขึ้น และมอบโอกาสให้ศิลปินรุ่นน้องอีกมากมายได้ทำตามความฝันของตัวเอง

    นอกจากนี้ ปัจจัยเหล่านั้นยังเป็นเหมือนตัวช่วย ที่ส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นดีขึ้น ส่งผลให้ทั้ง ‘โอกาส’ และ ‘ความฝัน’ ของเหล่าศิลปินรุ่นน้องมีพื้นที่ที่กว้างขึ้น และยาวนานขึ้นในการพยายามสร้างสรรค์ ต่อยอดความสำเร็จ และรักษาสถานะในวงการบันเทิงของตัวเอง กล่าวคือ ‘โบอา’ นั้นเป็นดั่ง ‘ไอดอลในอุดมคติ’ อย่างแท้จริง

ไฟแห่งความกระตือรือร้นที่ไม่เคยมอดไหม้ – ความสำคัญของการ ‘กล้า’ ที่จะท้าทาย

    อีกหนึ่งคำยกย่องในสถานะของ ‘โบอา’ ก็คือ ‘Queen of Performance’ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ‘โบอา’ นั้นไม่เคยหยุดนิ่ง และต้องการที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีมากขึ้นอยู่เสมอ ‘โบอา’ ไม่เคยกลัวที่จะลองท้าทาย และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง โดยในทุก ๆ ครั้งที่ปล่อยอัลบั้มใหม่ ‘โบอา’ มักจะกลับมาด้วยภาพลักษณ์ที่สาธารณะชนคาดไม่ถึงอยู่เสมอ

    ตั้งแต่การแสดงทักษะ ‘Shaking dance’ ในเพลง ‘My Name’ – การเต้นสไตล์ ‘Piggyback dance’ ในเพลง ‘Girls on Top’ – การริเริ่ม ‘Couple dance’ ในเพลง ‘Only One’ – การโชว์ ‘Fanning dance’ ในเพลง ‘Kiss My Lips’ – ไปจนถึงการบุกเบิก ‘Handstand dance’ ในเพลง ‘Woman’ เจ้าของฉายาศิลปินเคป๊อปในตำนานคนนี้ก็ผ่านมาแล้วทุกอย่าง

    นอกจากนี้แล้ว ภายหลังเพลง ‘Only One’ ที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2012 นั้น ‘โบอา’ ยังได้เริ่มแสดงทักษะความสามารถ ‘ด้านการโปรดิวซ์เพลง’ ของตัวเองอีกด้วย โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมา ‘โบอา’ เลือกที่จะเขียนเนื้อร้อง ทำนอง และเรียบเรียงผลงานเพลงในอัลบั้มของเธอด้วยตัวเองอยู่เสมอ – ในอัลบั้มที่ 8 อย่าง ‘Kiss My Lips’ ‘โบอา’ เขียนเนื้อเพลงทั้งหมดทุกเพลงด้วยตัวเอง และในอัลบั้มที่ 9 อย่าง ‘Woman’ ‘โบอา’ แต่งเพลงเองทั้งหมด (ทั้งเขียนเรื้อร้อง ทำนอง และเรียบเรียงเพลง) เป็นจำนวน 4 เพลงด้วยกัน

      ด้วยเพราะความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง ‘เสน่ห์การแสดงบนเวีที’ ของ ‘โบอา’ นั้นไม่เคยต้องพบกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ เพราะเธอใส่ทั้งหัวใจ และพลังงานที่มีอย่างเต็มที่กับทั้งการร้อง และการเต้นของตัวเองให้ทุก ๆ เวทีที่ทำการแสดง เพราะแบบนั้น แม้จะเป็นเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว แต่ภาพของ ‘โบอา’ บนเวทีนั้นยังคงเปล่งประกายอย่างงดงามอยู่เสมอ

    ความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเอง ‘เคยชิน’ หรือ ‘อิ่มตัว’ กับการแสดงบนเวทีนี้ยังส่งผลให้ ‘โบอา’ ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งในผลงานภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง ‘Make Your Move’ ที่ออกอากาศไปในปี 2014 อีกด้วย โดย ‘โบอา’ นั้นรับบทเป็น ‘อายะ – หัวหน้าทีมเต้นที่มีชื่อว่า COBU’ ซึ่งแน่นอนว่า ‘โบอา’ นั้นได้รับทั้งคำชมเกี่ยวกับทักษะการเต้น และการแสดงของเธอ

    หลังจากโอกาสในฮอลลีวูด ‘โบอา’ กลับมาท้าทายทักษะด้านการแสดงของตัวเองอีกครั้ง ด้วยการรับบทในละครเรื่อง ‘Hope for Dating’ (ออกอากาศผ่านช่อง KBS 2TV) ร่วมถึงยังมีผลงานอื่น ๆ อีกทั้งละคร ‘Listen to Love’ (ออกอากาศผ่านช่อง JTBC) และภาพยนตร์ ‘Big Match’ และ ‘Autumn Sonata’

    ในส่วนของการรายวาไรตี้โชว์ของ ‘โบอา’ ก็มีทั้ง ‘K-pop Star’ และ ‘The Fan’ ที่เป็นการร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ SBS รวมไปจนถึงรายการ ‘The Voice of Korea’ และ ‘Produce 101 Season 2’ ที่ออกอากาศผ่านช่องรายการ Mnet ซึ่ง ‘โบอา’ ก็ล้วนสร้างความประทับใจให้กับสาธารณะชนในทุก ๆ รายการที่เธอมีส่วนร่วม ผ่านการแสดงทักษะการเป็นครูผู้ฝึกสอนผู้ทั้งเข้มงวด และทุ่มเท อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่ต้องการให้ผู้เข้าแข่งขันพยายามอย่างเต็มที่ และกลายเป็น ‘ที่มีเพอร์เฟ็ค’ มากที่สุดอีกด้วย

    และจนถึงทุกวันนี้ แม้จะสามารถเรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกอย่าง แต่ ‘โบอา’ ก็ยังคงไม่หยุดพยายามที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า และเหตุผลเดียวที่ ‘โบอา’ ยังคงเลือกที่จะทำแบบนั้นคือ “ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องคิดว่า ‘ฉันยังไม่ได้ลองทำสิ่งนี้เลย’ มันทำให้ฉันคิดว่าตัวฉันเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำมัน” ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ ‘SM Entertainment’ ยังคงบริหารจัดการ และให้โอกาส ‘โบอา’ ในการทำสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

    ตั้งแต่การแสดงบนเวที การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเริ่มต้นใหม่ การแสดงละครทางโทรทัศน์ การแสดงภาพยนตร์ทางจอเงิน ไปจนถึงการร่วมเป็นคณะกรรมการผู้ตัดสิน ‘โบอา’ เธอทำมาแล้วทุกอย่าง และนั่นคือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าศิลปินรุ่นน้อง ให้พวกเขาเหล่านั้นพยายามในเส้นทางของตัวเองอย่างสุดความสามารถ โดยไม่กลัวความท้าทายใหม่ ๆ