Review: The Possession
2012-08-30 23:10:42
Advertisement
คลิก!!!

หนังอมตะบางเรื่องถูกยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้ง เป็นหนังอมตะ ไม่เพียงเพราะประสบความสำเร็จด้านรายได้ หรือได้ชิงออสการ์เท่านั้น แต่เพราะยังได้สร้างเทคนิคบางอย่างที่สดใหม่ของยุคนั้นให้นักสร้างหนังรุ่นหลังดำเนินตาม The Exorcist ที่ออกฉายในปี 1973 เป็นตัวอย่างที่ดีของหนังขึ้นหิ้งหรือหนังอมตะ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงได้ออสการ์มาสองรางวัล และประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อออกมาหลายภาค เทคนิคที่ใช้ในการสร้างความรู้สึกที่น่ากลัว และชวนขนลุกก็ได้มีอิทธิพลให้หนังรุ่นหลังเลียนแบบตามมานักต่อนัก แม้แต่เนื้อเรื่องของหนังเองที่เกี่ยวข้องกับผีเจ้าเข้าสิง และการขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้หนังรุ่นหลังมากมาย เมื่อเร็วๆ นี้ก็เช่น The Last Exorcism, The Rite, The Devil Inside และล่าสุดที่กำลังจะเข้าโรงฉายบ้านเราก็คือ The Possession ซึ่งยืมองค์ประกอบจากหนัง The Exorcist มาเกินครึ่ง และอาจยังทำได้ไม่ถึงครึ่งที่หนังคลาสสิคเคยทำไว้ แต่ก็สร้างความสยองขวัญได้ในระดับน่าพอใจครับ

The Possession เป็นผลงานหนังฮอลลีวู้ดเรื่องที่สองของผู้กำกับชาวเดนมาร์ก โอเล่ บอร์เนดัล หลังจากเรื่อง Nightwatch ในปี 1997 และครั้งนี้ก็ได้แซม ไรมี่ มาช่วยสนับสนุนในฐานะผู้อำนวยการสร้าง โดยเอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของกล่องไม้ที่นำโชคร้ายมาให้และเคยเป็นข่าวเล็กๆ ใน LA Times เมื่อปี 2004 มาสร้างเป็นหนัง ซึ่งตามข่าวบอกว่าเป็นกล่องที่ประมูลได้ผ่านทางอีเบย์ ที่ในกล่องมีทั้งปอยผม เศษเหรียญ กุหลาบแห้ง และอื่นๆ ที่เราเห็นกันในหนัง แต่ที่มองไม่เห็น และเชื่อกันว่ามีจริงก็คือดิบบัค (dibbuk) สัมภเวสีตามเรื่องเล่าปรัมปราของชาวยิว ที่จะเข้าสิงร่างกายคนเพื่อใช้เป็นทางออก หรือเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งในข่าวบอกว่าผู้ที่ได้ครอบครองกล่องไม้นี้ก็โชคร้ายกันต่างๆนานๆ หรือบางทีก็เจอเรื่องแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ

หนังเปิดฉากโดยบอกเราว่า “อิงจากเรื่องจริง” และแนะนำให้เราได้รู้จักกับอาถรรพ์ของเจ้ากล่องไม้ผีสิงกันก่อน จากนั้นก็แนะนำตัวละครหลักที่เป็นครอบครัวที่บ้านแตกครอบครัวหนึ่งชื่อว่าครอบครัวเบรเน็ก ที่ไคลด์ (เจฟฟรี่ ดีน มอร์แกน) ผู้เป็นพ่อ กับสเตฟานี่ (ไครา เซ็ดจ์วิค) ผู้เป็นแม่ ได้แยกกันอยู่มาราวหนึ่งปีแล้ว ทำให้ลูกสาวสองคนกลายเป็นเด็กมีปัญหานิดๆ โดยแฮนนาห์ (เมดิสัน ดาเวนพอร์ท) ลูกสาวคนโต กลายเป็นเด็กฉุนเฉียวและทำเป็นแกร่งเพื่อปกปิดความเศร้า ส่วนเอม (นาตาชา แคลีส) ลูกสาวคนเล็กวัยสิบขวบ ยังคงเพ้อฝันว่าสักวันพ่อกับแม่จะกลับมาคืนดีกัน ทั้งที่แม่ก็มีเบรทท์ (แกรนท์ ชอว์) แฟนหนุ่มคนใหม่ที่เป็นหมอฟัน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ต่อมา บทหนังก็ได้นำพากล่องไม้อาถรรพ์กับครอบครัวที่เป็นตัวเอกของเรื่องมาพบกัน เมื่อไคลด์ได้พาลูกสาวทั้งสองคนไปซื้อของที่บ้านหลังหนึ่งเอามาเลหลังขาย เอมถูกใจเจ้ากล่องไม้อย่างจังและขอให้พ่อซื้อ แม้ว่าจะมีลางบางอย่างเตือนเธอก่อนก็ตามว่าไอ้กล่องไม้นี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลแฝงอยู่นะตามสูตรของหนังสยองขวัญทุกเรื่องที่จะต้องมีอะไรมาเตือนตัวละครก่อน แล้วเมื่อเอมเปิดเจ้ากล่องผีสิงนี้ได้ เธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ตั้งแต่ก้าวร้าว กินจุ เหม่อลอย เหมือนที่เธอบอกว่า “เธอรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง” แต่ทุกคนก็เดาว่าอาจเพราะปัญหาบ้านแตกทำให้กลายเป็นเด็กมีพฤติกรรมแบบนั้น จนกระทั่งไคลด์พบว่าเอมหมกมุ่นกับกล่องไม้มากเกินไป และครูของเธอก็ตายอย่างผิดธรรมชาติตอนที่ยึดกล่องไม้ของเอมไป ทำให้เขาได้คิดว่าคงมีเรื่องเหนือธรรมชาติมาเกี่ยวข้อง ยิ่งเมื่อเขาเอากล่องไม้ทิ้งแล้วเอมยิ่งแสดงพฤติกรรมอันน่ากลัวมากขึ้นไปอีก ไคลด์จึงได้ศึกษาที่มาของเจ้ากล่องไม้นั่น และพบว่าเอมกำลังถูกผีสิง และในที่สุดก็ได้ลูกชายของแรบไบ (รับบทโดยนักร้องฮิปฮอป-เร้กกี้ แมทแททยาฮู) มาช่วยขับไล่วิญญาณร้าย

จะเห็นได้ว่าเนื้อเรื่องของหนังเอาแค่เรื่องจริงจากข่าวมาเป็นแค่แรงบันดาลใจเท่านั้น โครงเรื่องเอามาจาก The Exorcist เป็นหลักใหญ่ แล้วเปลี่ยนจากซาตานเป็นปีศาจเร่ร่อนดิบบัคแทน และใช้คำว่า “อิงจากเรื่องจริง” ไปเพื่อการตลาดมากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าพอลดระดับของมารร้ายที่เป็นอุปสรรคสำคัญของหนังจากระดับบอสใหญ่อย่างซาตานมาเป็นวิญญาณตามเรื่องเล่าปรัมปรา ความน่ากลัวของเรื่องราวจึงลดตามไปด้วย และการเอาชนะอุปสรรคก็ง่ายลงไปเช่นกัน และขณะที่ The Exorcist เป็นหนังผีที่บอกเล่าในเชิงสัญลักษณ์ถึงการรบระหว่างธรรมะกับอธรรมตามคติความเชื่อของคาทอลิก The Possession จะเป็นการเล่าในเชิงอุปมาถึงครอบครัวบ้านแตกที่ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา แล้วพ่อแม่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อสมานรอยร้าวเพื่อให้ลูกกลับมาเป็นคนเดิม

เทคนิคการสร้างความน่ากลัวของผู้กำกับบอร์เนดัลก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ ยังคงใช้เทคนิคเสียงดังตึงตังให้เราตกใจ และใช้เสียงเหมือนสายเปียโนดีดดึ๋งดึ๋งเวลาที่จะมีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้น ส่วนด้านภาพนั้นก็ยังใช้ฉากความมืด ลมพัดแรงๆ เหมือนหนังสยองขวัญที่เราเห็นมาเป็นสิบปี และก็มีฉากการจู่โจมของมอธที่อาจทำให้นึกถึงหนัง The Birds ด้วย แต่บอร์เนดัลยังคงใช้เทคนิคเหล่านี้สร้างความหลอนได้ในระดับน่าพอใจ และทำให้คนที่ไม่เบื่อหรือชินชากับสูตรเหล่านี้ตกใจได้อยู่ อย่างน้อยก็ทำให้ผมกลัวได้มากกว่าหนังเรื่อง The Rite ครับ

ส่วนฉากผีเจ้าเข้าสิงนั้น แม้จะไม่คลาสสิคและชวนสะอิดสะเอียนเท่าที่ลินดา แบลร์ แสดงไว้ใน The Exorcist แต่หนังก็ให้เด็กน่ารักอย่างนาตาชา แคลีส ได้ฉายแววด้านการแสดงด้วยฉากอารมณ์และพฤติกรรมที่หลากหลายตั้งแต่ก้าวร้าว เกรี้ยวกราด เศร้าสะเทือนใจ คลุ้มคลั่ง และพยาบาท (พร้อมทาขอบตาดำ) มาช่วยให้หนังชวนน่าติดตามได้ เธอเป็นเด็กที่ทั้งสวยและน่าจะมีแววรุ่งต่อไปหากเลือกรับงานดีๆ เสียดายแค่หนังน่าจะทำฉากปรากฏร่างของดิบบัคได้น่าสะพรึงกลัวมากกว่านี้ ฉากนั้นยังไม่มีพลังพอเท่าใบปิดหนังเลย

นักแสดงคนอื่นก็ส่งบทบาทที่ดูธรรมดาให้ดูมีสีสันมากขึ้น เจฟฟรี่ ดีน มอร์แกน มีเสน่ห์ในบทพ่อที่อบอุ่น และสามีที่น่ารักจนไม่น่าเชื่อว่าจะถูกภรรยาทิ้งได้ เช่นเดียวกับแมทแททยาฮูที่แม้จะออกน้อยฉากก็ดูมีเสน่ห์ขึ้นจอ และช่วยพักอารมณ์เคร่งเครียดได้ในบางขณะ ส่วนไครา เซ็ดจ์วิค ก็ทำหน้าที่ได้ดีในบทภรรยาและแม่ที่เจ้ากี้เจ้าการ

และเช่นเดียวกับหนังสยองขวัญแบบนี้ทุกเรื่อง ฉากจบก็จะทิ้งฉากบางฉากเอาไว้เผื่อจะได้มีภาคต่อ แต่คงต้องรอผลตอบรับจากผู้ชมว่าจะอยากให้หนังสูตรสำเร็จที่พอดูได้เรื่องนี้มีภาคต่อไหมครับ

คะแนน: 6.5/10

jediyuth.wordpress.com

onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X