สรุปผลการประชุมประจำปี ของ Big Hit Entertainment
2020-02-05 20:30:12
Advertisement
คลิก!!!

 

Big Hit Entertainment เพิ่งจะจัดงานแถลงข่าวใหญ่ประจำปี 2020 ไปเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ โดยในงานได้มีการประกาศข่าวใหม่ ทั้งวงไอดอลวงใหม่และแผนการในอนาคตของ บีทีเอส (BTS)

งานถูกจัดขึ้นที่ Dongdaemun Design Plaza โดยมีผู้บริหารจากทั้ง Big Hit Entertainment, Source Music และ Belift เข้าร่วมงาน

เริ่มงานด้วย บังชีฮยอก (Bang Si Hyuk) ซึ่งแถลงรายได้ของบริษัท Big Hit Entertainment ซึ่งอยู่ที่ 587.9 พันล้านวอน (ประมาณ 15,000 ล้านบาท) ในปี 2019 โดยคิดเป็นกำไรของบริษัท 97.5 พันล้านวอน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ซึ่งรายได้ทั้งหมดเกือบจะเป็น 2 เท่าของปี 2018 ซึ่งมีรายได้ 301.4 พันล้านวอน (ประมาณ 7,800 ล้านบาท)

คิมดงจุน (Kim Dong Jun) ซีอีโอด้านธุรกิจของ Big Hit Entertainment ซึ่งรับหน้าที่ดูแลเรื่องค่าตัวการแสดง, การจัดจำหน่ายอัลบั้ม และหาผู้ร่วมลงทุนธุรกิจ ได้อธิบายว่าความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทำให้รายได้ของบริษัทเติบโต ความหลากหลายที่พูดถึงอาทิเช่น คอนเสิร์ตของบีทีเอส, เนื้อหาเกี่ยวกับวงบนโลกออนไลน์ รวมถึงในโรงภาพยนตร์ 

ฮาเซจอง (Ha Se Jeong) อีกหนึ่งซีอีโอที่ดูแลด้านธุรกิจเช่นกันบอกว่า ทรัพย์สินทางปัญญาที่ถือโดย Big Hit Entertainment นั้นสนับสนุนให้สินค้าในป๊อป-อัพ สโตร์ประสบความสำเร็จเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น BTS POP-UP : HOUSE OF BTS ดึงดูดผู้คนกว่า 400,000 คน : โซล 180,000 คน : ญี่ปุ่น 120,000 คน และ เม็กซิโก 100,000 คน ซึ่ง Big Hit ยังคงทำงานเพื่อพัฒนาสินค้าโดยใช้ธีมจากแฟนฮิตของศิลปินเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มแฟนคลับ พร้อมทำออกมาในรูปแบบของที่ระลึก

 “BTS POP-UP : HOUSE OF BTS ไม่ใช่ที่ที่เอาไว้แค่ขายของที่ระลึก แต่ยังเป็นสถานที่ที่ทำให้หลายคนได้ชมมิวสิกวิดีโอ หรือ ฟังเพลงที่นั่นด้วย เราขอยืนยันความเป็นไปได้ที่จะขยายป๊อปอัพสโตร์นี้ออกไป และอาจถึงขั้นพัฒนาเป็นสวนสนุก”

ซออูซอก (Seo Woo Seok) ซีอีโอของบริษัท beNX ซึ่งดูแล Weverse ได้ออกมาพูดถึง แอพพลิเคชั่น Weply ที่เข้าถึงกลุ่มแฟนคลับได้อย่างดีเยี่ยม และผนวกรวมธุรกิจเข้าไปในคอมมิวนิตีของแฟนคลับ ยกตัวอย่างเช่นกันมีบริการแจ้งเตือนงานอีเว้นท์, ติดตามคิวหรือจำนวนผู้เข้าร่วมงานอีเว้นท์ต่างๆ และ แผนผังคอนเสิร์ต ซึ่งเหล่านี้ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้แก่แฟนคลับ นอกจากนี้แฟนคลับยังสามารถสั่งของที่ระลึกได้โดยตรงผ่านแอพพลิเคชั่น โดยต้องอยู่ในรัศมี 2.5 กิโลเมตรจากสถานที่จัดงาน ฟังค์ชั่นนี้ทำให้ของที่ระลึกที่ขายได้ในคอนเสิร์ตเดือนตุลาคม ปี 2019 มียอดขายมากกว่า ที่ขายได้ในงานคอนเสิร์ตเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2018 ถึง 2.1 เท่า

ซีอีโอ ยุนซอกจุน (Yoon Seok Jun) ของ Big Hit กล่าวบนเวทีว่า แฟนคลับเป็นจุดสำคัญใน ‘สูตรความสำเร็จของ Big Hit’ เขาบอกว่าจะพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อเปิดประสบการณ์ให้กับแฟนคลับได้อย่างเต็มที่และน่าประทับใจ 

ยุนซอกจุนเผยว่าบริษัทกำลังพิจารณาขยายบริเวณ “Play Zone” ซึ่งก่อนหน้านี้มีเฉพาะในคอนเสิร์ตที่เกาหลี แต่ในอนาคตคอนเสิร์ตทั่วโลกก็จะมีโซนนี้ และมีแผนจะทำ ‘หมู่บ้านของศิลปิน’ ในเมื่อที่จัดคอนเสิร์ต อย่างเช่น โรงแรมที่มีธีมบีทีเอส, ป๊อป-อัพ สโตร์ และงานนิทรรศการ นอกจากนี้แฟนคลับยังสามารถหาซื้ออาหารจานพิเศษและเครื่องดื่มแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น นอกจากนี้บริษัทกำลังจะร่วมงานกับ STUFISH ทีมออกแบบเวทีคอนเสิร์ต ที่ได้ร่วมงานกับ Jay-Z และ U2 เพื่อทำให้เวทีเวิร์ลทัวร์ของบีทีเอสสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ยุนซอกจุนปิดท้ายถึงศิลปินใหม่ที่จะเข้าร่วมใช้แอพพลิเคชั่น Weverse 

“ด้วยความพยายาม, ประสบการณ์ และความสำเร็จ เราพยายามปรับปรุงธุรกิจของเราให้ศิลปินมากขึ้นสามารถเข้าใช้งานได้ ทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ ไม่ใช่เฉพาะแค่ศิลปินของ Big Hit Entertainment เท่านั้น 

และศิลปินต่างค่ายแรกที่จะได้ร่วมงานกันคือ SEVENTEEN จาก Pledis Entertainment ที่กำลังจะเข้าร่วม Weverse” – ยุนซอกจุน

และไม่นานหลังจากการประกาศของยุนซอกจุน ทางด้าน Pledis Entertainment ก็ได้ประกาศว่า SEVENTEEN กำลังจะเข้าร่วม Weverse

จากนั้น ชินยองแจ (Shin Young Jae) รองประธาน Big Hit Entertainment ได้ขึ้นมาบนเวที เพื่อประกาศแผนการในอนาคตของบริษัท หลังจากประกาศความสำเร็จของบีทีเอส ที่ชนะรางวัล 81 รางวัล จาก 22 งานประกาศรางวัล เขาก็ได้ประกาศว่า TXT วงบอยแบนด์น้องใหม่ของ Big Hit Entertainment กำลังจะมีเวิร์ลทัวร์คอนเสิร์ตของตัวเอง

นอกจากนี้ยังประกาศว่า Big Hit Entertainment มีแผนจะเดบิวต์บอยแบนด์วงใหม่ในปี 2022 

จากนั้นหน้าที่บนเวทีถูกส่งต่อให้กับ โซซองจิน (So Sung Jin) ประธานค่าย Source Music เขาประกาศว่าจะมีการร่วมงานกันในโปรเจคเกิร์ลกรุ๊ประหว่าง Big Hit Entertainment และ Source Music ซึ่งจะเดบิวต์ในปี 2021 โดยโซซองจินเผยว่าทั้ง 2 บริษัทมีแผนจะสร้างเกิร์ลกรุ๊ปอันดับ 1 จากการร่วมมือกันในโปรเจคนี้ 

ยังมีการประกาศของ ชเวยุนฮยอก (Choi Yoon Hyuk) รองประธานค่าย Belift ที่ออกมาบอกว่าจะมีการเปิดตลาดบอยแบนด์เกาหลี และมีแผนจะทำบอยแบนด์หลายสัญชาติ ซึ่งคาดว่าจะเดบิวต์ในปี 2020 

ปิดท้ายด้วย บังชีฮยอก ที่ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง พร้อมประกาศโปรเจคที่ Big Hit Entertainment เตรียมไว้สำหรับปีใหม่นี้ ได้แก่ ซีรีส์ที่อ้างอิงมาจากวง BTS, วิดีโอเนื้อเพลง และ คาแรคเตอร์ไอเทมใหม่

เขายังเอาใจแฟนคลับต่างชาติ ที่มีปัญหาด้านภาษาเวลารับชมคอนเท้นท์ของศิลปิน บริษัทจะทำรายการสอนภาษาเกาหลี ในชื่อว่า “เรียนภาษาเกาหลีกับบีทีเอส” ซึ่งตัวอย่างรายการน่าจะออกมาช่วงเดือนมีนาคม 2020 รวมถึง โอมินฮวาน (Oh Min Hwan) ซีอีโอของ Superb ได้ประกาศว่าจะมีการพัฒนาเกมใหม่โดยใช้ บีทีเอส เป็นตัวละครในเกม

 “เราอยากทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า แฟนคลับ, ศิลปิน และธุรกิจ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในธุรกิจเพลง จะเติบโตไปด้วยกันอย่างแข็งแรงและยุติธรรม

เราจะพยายามทำให้โมเดลที่ Big Hit Entertainment สร้างขึ้นกลายเป็นมาตรฐานของวงการเคป็อป” – บังชีฮยอก

 

ที่มา  https://www.koreaboo.com

แปลโดย  http://popcornfor2.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X