|
ประเทศสิงคโปร์ในขณะนี้ กำลังมีกระแส เรื่องโจทย์คณิตศาสตร์กวนๆ ในการสอบวัดระดับสมอง นักเรียนอายุ 15 ปี ของสถาบันการศึกษาด้านคณิตศาสตร์ หลังจากมีผู้โพสต์โจทย์ข้อนี้ลงบนเฟซบุ๊ก ก็มีชาวสิงคโปร์จำนวนมากต่างกังวลถึงความยากของข้อสอบ ที่อาจทำให้นักเรียนเครียดจนเกินไป คำถามเจ้าปัญหานี้ เป็นเรื่องของเด็กหญิงเชอริล กับเพื่อน 2 คน ชื่ออัลเบิร์ตและเบอร์นาร์ด โดยเชอริลให้เพื่อนทั้ง 2 คนเดาว่าเธอเกิดวันไหน พร้อมกับให้คำใบ้ไปเล็กน้อย ซึ่งเชอริลใบ้ว่า วันเกิดของเธออยู่ใน 10 วันดังต่อไปนี้
15 พฤษภาคม 16 พฤษภาคม 19 พฤษภาคม
17 มิถุนายน 18 มิถุนายน
14 กรกฎาคม 16 กรกฎาคม
14 สิงหาคม 15 สิงหาคม 17 สิงหาคม
โดยเชอริลเธอได้บอกเดือนเกิดของตนเองให้อัลเบิร์ตทราบ ส่วนเบอร์นาร์ดจะรู้แค่วันที่ และคำใบ้อีกอย่างที่ให้มาก็คือคำพูดของ อัลเบิร์ตและเบอร์นาร์ด
อัลเบิร์ต : I don’t know when Cheryl’s birthday is, but I know that Bernard doesn’t know too. (ผมไม่รู้ว่าเชอริลเกิดวันไหน แต่ผมรู้ว่าเบอร์นาร์ดก็ไม่รู้เหมือนกัน)
เบอร์นาร์ด : At first I don’t know when Cheryl’s birthday is, but I know now. (ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเชอริลเกิดวันไหน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วหละ)
อัลเบิร์ต : Then I also know when Cheryl’s birthday is. (ถ้าอย่างนั้น ผมก็รู้แล้วเหมือนกัน ว่าเชอริลเกิดวันไหน)
หลังจากที่การเผยแพร่คำถามนี้ออกไป ก็ทำให้เกิดประเด็นข้อถกเถียงกันบนสื่อออนไลน์ในสิงคโปร์ บางคนโมโหว่าโจทย์นี่มันกดดันเด็กเกินไป บางคนก็ว่า อัลเบิร์ตและเบอร์นาร์ด คงใช้เวลาแก้โจทย์นานซะจนตกหลุมรักกันเอง ก่อนที่จะไขปัญหาของเชอร์ริลสำเร็จ บางคนก็แนะนำให้เลิกใช้สมอง แล้วถามวันเกิดเชอร์ริลไปตรงๆเลย พร้อมกับให้ช่อดอกไม้เธอไปด้วย จะได้ยอมเฉลย ส่วนบางคนก็บอกให้ไปเพิ่มเชอริลเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก เพราะบนเฟซบุ๊กจะแจ้งวันเกิดของเธอเอาไว้
ด้าน ผู้อำนวยการบริหารของโรงเรียนนี้ระบุว่า โจทย์คณิตศาสตร์ข้อนี้ เป็นการฝึกฝนให้นักเรียนเรียนรู้จักคิดแบบมีเหตุมีผลและฝึกทักษะการคิด วิเคราะห์ เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน โดยโจทย์ข้อนี้ไม่ได้มีสำหรับเด็กทุกคน แต่โจทย์ข้อนี้จะทำให้เด็กที่ฉลาดอยู่แล้ว มีความแหลมคมยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โจทย์ข้อนี้ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์มาช่วยแก้ปัญหากันเลยทีเดียว แล้วก็ได้คำตอบมาว่า เชอริลเธอเกิด วันที่ 16 กรกฎาคม นั่นเอง
อยากรู้วิธีการหาคำตอบ : คลิกเลย , คลิกเลย
source : BBC
ขอขอบคุณที่มา http://www.springnews.co.th/