Review: Dr. Seuss’ The Lorax
2012-07-30 22:24:47
Advertisement
คลิก!!!

 

ข้าคือโลแร็กซ์ ข้าเป็นเทพรักษ์แห่งป่านี้ ข้าพูดแทนต้นไม้” เจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วตัวสีส้ม และมีหนวดเขี้ยวดูภูมิฐาน ตัวเอกของหนัง Dr. Seuss’ The Lorax แนะนำตัวเองแก่ชายหนุ่ม ผู้ที่กำลังตัดต้นไม้ในป่า ซึ่งหนังอนิเมชั่นจากค่ายหนังยูนิเวอร์แซลเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่ได้ทำหน้าที่พูดแทนต้นไม้ได้ดีจริงๆ ครับ ตัวหนังอาจจะยังขาดๆ เกินๆ อยู่บ้าง แต่การได้ช่วยปลูกฝังให้ผู้ชม โดยเฉพาะผู้ชมเด็กๆ ให้รักต้นไม้ เห็นประโยชน์ของต้นไม้ หนังทำหน้าที่ได้ดีมากเหมือนตัวละครโลแร็กซ์เอง

The Lorax เป็นงานดัดแปลงจากหนังสือภาพสำหรับเด็กที่เต็มไปด้วยจินตนาการของ ดร.ซูส (นามปากกาของธีโอดอร์ จีเซล) ซึ่งถูกติมพ์ตั้งแต่ปี 1971 เคยถูกดัดแปลงออกมาในรูปของการ์ตูนสั้นมาก่อน ส่วนฉบับล่าสุดนี้ได้สองผู้กำกับคริส เรนวด กับ ไคย์ล บอลดา และสองผู้เขียนบท ซินโค พอล กับ เคน ดอริโอ ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังอนิเมชั่นฮิต Despicable Me มารับหน้าที่ดัดแปลงเป็นฉบับหนังอนิเมชั่นเรื่องยาว ใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิกในการสร้างสรรค์ที่เต็มไปด้วยสีสันอันสดใส และถ่ายทำออกมาในรูปแบบสามมิติแจ่มแจ๋ว ให้ดูทันสมัยเหมาะกับผู้ชมในยุคนี้

หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำให้เรารู้จักเมืองในจินตนาการของดร.ซูส ที่ชื่อว่า “ธนีดวิลล์” (Thneed-ville) เมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ ปกปิดโลกภายนอก ทุกสรรพสิ่งในนั้นมีแต่พลาสติก ต้นไม้และดอกไม้ก็ยังเป็นพลาสติก และแม้ว่าชาวเมืองต้องซื้ออากาศบริสุทธิ์มาหายใจ พวกเขาก็เข้าใจว่าโลกในกำแพงแห่งนี้ดีที่สุดแล้ว ไม่ควรที่จะต้องออกไปข้างนอก ทั้งนี้เพราะมร.โอแฮร์ (ร็อบ ริกเกิล) มหาเศรษฐีนักธุรกิจใหญ่ของเมืองต้องการให้ชาวเมืองเข้าใจเช่นนั้น เพื่อที่ตัวเองจะได้กอบโกยจากการขายอากาศบริสุทธิ์ได้ต่อไป แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อเด็กหนุ่มน้อยวัย 12 ที่ชื่อเท็ด (แซ็ค แอฟรอน) อยากเอาใจออเดรย์ (เทย์เลอร์ สวิฟต์) เด็กสาวที่เขาหลงรักด้วยการที่จะหาต้นไม้ของจริงเป็นๆ มาให้เธอ เท็ดทราบจากคุณยาย (เบ็ตตี้ ไวท์) ผู้ที่แม้จะแก่ แต่ก็เฟี้ยวน่าดู ว่าถ้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับต้นไม้ ต้องไปถามเอาจากวันซ์-เลอร์ (เอ็ด เฮล์มส์) ชายแก่ประหลาดที่อยู่นอกกำแพงเมือง

เท็ดได้ทราบความจริงจากวันซ์-เลอร์ว่า ตัวของวันซ์-เลอร์ นี่เองที่เป็นต้นเหตุให้ต้นไม้หายไปหมด เพราะในวัยหนุ่มนั้น เขาได้ตัดต้นไม้เพื่อเอาไปทำเสื้อผ้าสารพัดประโยชน์ที่เรียกว่า “ธนีด” แม้ว่าจะได้รับการเตือนและขัดขวางแล้วจาก โลแร็กซ์ (แดนนี เดอ วีโต้) เทพรักษ์แห่งป่า วันซ์-เลอร์สัญญาว่าจะไม่ตัดต้นไม้อีก แต่ใช้วิธีเก็บเกี่ยวแทน แม่ผู้โลภมากของวันซ์-เลอร์ได้โน้มน้าวให้ลูกชายเห็นว่ามันทำให้ชักช้า และการตัดต้นไม้ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ทำให้เขาผิดคำสัญญาที่ให้แก่โลแร็กซ์ ทำการตัดต้นไม้จนโกร๋น และเมื่อต้นไม้ต้นสุดท้ายถูกตัดลงจนกลายเป็น “ต้นไม่” วันซ์-เลอร์ก็ได้พบความจริงว่าเขาไม่เพียงทำลายที่อยู่ที่อาศัยของสัตว์ป่าที่เคยเป็นเพื่อนรัก จนทุกตัวต้องหนีไปอยู่ที่อื่น ทำให้โลแร็กซ์ต้องเดินทางกลับสวรรค์เพราะไม่มีต้นไม้ให้ปกป้องแล้ว เขายังได้ทำลายตัวเอง เพราะเมื่อไม่มีต้นไม้แล้วเขาก็ไม่มีอาชีพอีกต่อไป

เมื่อเท็ดรู้ความจริงทั้งหมด ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวของเท็ดแล้วที่จะทำให้ต้นไม้ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง วันซ์-เลอร์ได้มอบเมล็ดต้นไม้สุดท้ายให้เท็ดเอาไปปลูก ให้โอกาสที่ต้นไม้จะได้มีชีวิตบ้าง และเพื่อที่จะได้ให้เพื่อนๆ ที่จากไปของเขาได้กลับมา ทำให้เกิดเรื่องราวการผจญภัยเล็กๆ ตามมาเพราะมร.โอแฮร์ไม่ต้องการให้มีต้นไม้เกิดขึ้น เพราะต้นไม้นั้นผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้ฟรี เขาจะขายอากาศบริสุทธิ์ให้ใครอีกไม่ได้ ด้วยความที่เป็นหนังอนิเมชั่นใส แนวรักษ์โลก คุณคงเดาตอนจบได้ไม่ยากว่าเท็ดจะทำได้สำเร็จไหม

งานกำกับและเขียนบทของ The Lorax อาจยังสู้ Despicable Me ผลงานก่อนหน้านี้ของทีมงานนี้ มุขตลกในหนังทำออกมาได้เพียงขำแบบหึๆ เท่านั้น ยังไม่รู้สึกว่ามีมุขไหนโดนอย่างจริงจังสำหรับผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นมุขตลกใสๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่เป็นเด็กครับ ฉากผจญภัยก็ดูธรรมดาไปนิดสำหรับผู้ชมวัยผู้ใหญ่เช่นกัน แต่ก็น่าจะทำให้เด็กวัยประถมลุ้นเอาใจช่วยตัวละครได้ อย่างไรก็ดี หนังมีตัวละครที่น่ารัก และงานถ่ายภาพสามมิติที่งามงด มาช่วยทดแทนด้านความสนุกของเนื้อเรื่องสำหรับผู้ชมวัยผู้ใหญ่ได้บ้าง

การเล่าเรื่องในหนังบางครั้งดูเนือยไปนิด ทั้งนี้เพราะผู้สร้างพยายามที่จะเติมอะไรเข้ามาในหนังให้ยาวกว่าต้นฉบับที่เป็นงานเขียนประกอบภาพสั้นๆ แค่ 45 หน้า ทำให้เรื่องราวดูจะไม่ค่อยเดินหน้าไปเท่าไหร่ อย่างหนึ่งที่ผู้สร้างเติมเข้ามาก็ให้หนังได้ยาวขึ้นเป็น 86 นาที ก็คือการใส่เพลงเพื่อเล่าเรื่องราว แต่ไม่ใช่ทุกเพลงที่ช่วยให้หนังสนุกขึ้นได้ บางเพลงดูยืดยาดเกินไปด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เติมเข้ามาแล้วประสบความสำเร็จอย่างมากก็คือการสร้างตัวละครที่ไม่มีอยู่ในต้นฉบับได้มีเสน่ห์ เช่นตัวร้ายอย่างมร.โอแฮร์ เป็นต้น ซึ่งดูจะกลายเป็นตัวละครที่ร้ายแบบฮาๆ และขโมยซีนอยู่หลายฉาก

The Lorax อาจไม่ใช่หนังที่จะดูสนุกสำหรับผู้ใหญ่ และสารเรื่องการอนุรักษ์ต้นไม้ในหนังก็ดูจะเป็นอะไรที่ตื้นๆ สำหรับผู้ใหญ่ แต่นี่ก็เป็นหนังที่ผู้ใหญ่ควรพาเด็กเข้าไปดูครับ เป็นหนังใสๆ ที่เหมาะแก่การปลูกฝังให้เด็กรักต้นไม้อย่างมาก และความบันเทิงก็เหมาะแก่ผู้ชมที่เป็นเด็กจริงๆ

 

jediyuth.wordpress.com

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X