เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram kellytanapat, กันตนา

เคลลี่ ธนะพัฒน์ แจงยื่นฟ้อง นายฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล พ่อ กรีน อัษฎษพร เพื่อปรับความเข้าใจกัน ขอพูดความจริงกันทีเดียวในศาล ยันฝ่ายหญิงไม่ได้เข้าข้างตนเอง

กลายเป็นมหากาพย์เรื่องยาวไปซะแล้ว หลังจากนักแสดงหนุ่ม เคลลี่ ธนะพัฒน์ ยื่นฟ้องร้อง นายฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล พ่อของนางเอกสาว กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล แฟนสาว ฐานหมิ่นประมาทและเปิดเผยจดหมายอันเป็นความลับ จนเกิดกระแสฮือฮาไปทั่วในขณะนี้ โดยล่าสุดพ่อของกรีน ได้ออกมาเปิดใจผ่านสื่อว่า ไม่คิดจะกีดกันความรักของทั้งคู่ แต่ขอให้ลูกสาวเรียนจบก่อน งานนี้จึงได้มีการสอบถามไปยัง เคลลี่ อีกครั้ง

ทั้งนี้ เคลลี่ เผยว่า เรื่องนี้จริง ๆ ก็อย่างที่เขาเคยพูดไปแล้วว่า ไม่ได้ต้องการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องทรัพย์สินเงินทองอะไร เขาทำไปเพียงเพื่อจะมีคนกลางมารับฟังเหตุผล มาปรับความเข้าใจกันและกัน และจะได้พูดความจริงทั้งหมด ซึ่งเขาอยากจะพูดครั้งเดียวที่ศาล ในวันที่ 20 พ.ค. นี้ ไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะสงสาร กรีน อัษฎาพร พร้อมชี้แจงว่า ในวันนั้นที่ตนเองให้สัมภาษณ์เรื่องฟ้องร้องพ่อกรีน แล้วมีภาพออกมาว่าเธออยู่กับเขา ไม่ได้หมายความว่าเธออยู่ข้างเขา แต่เพราะวันนั้นพวกเขาไปอยู่ในงานเดียวกันเท่านั้น

สำหรับข่าวที่ว่า กรีน อัษฎาพร ไม่ได้กลับบ้านเลยเป็นเวลา 10 เดือนแล้วนั้น เคลลี่ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง กรีน กลับบ้านและอยู่ที่หอพักด้วย ตามประสานักศึกษาที่ต้องทำงานกับกลุ่มเพื่อน ไม่ได้ออกมาอยู่กับเขาแต่อย่างใด เธอก็ใช้ชีวิตนักศึกษาของเธอ ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ส่วนเรื่องที่พ่อกรีน บอกว่าอยากให้รอฝ่ายหญิงเรียนจบก่อน ซึ่งก็อีกเพียงปีเดียว เคลลี่ เผยว่า เขาเข้าใจว่าต้องมีคนถามถึงเรื่องนี้ สำหรับเขา เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของอนาคต เขารักเธอ แต่ก็ไม่อยากให้มีปัญหา หวังว่าเรื่องครั้งนี้จะสามารถเคลียร์กันได้

เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า ทำไม เคลลี่ ถึงไม่หาโอกาสคุยกับ พ่อกรีน ก่อนหน้านี้ ดาราหนุ่มตอบว่า หากเขามีทางที่ดีกว่านี้ ทำไมเขาจะไม่ทำ อย่างที่บอกแล้วว่า เขาไม่ได้ทำเพื่อศักดิ์ศรี แต่ทำเพื่อจะได้เข้าใจกันและกัน อยู่ในศาลทุกคนต้องพูดความจริง ซึ่งจุดประสงค์ของเขาคือ อยากจะเคลียร์ให้จบ จะได้เข้าใจกัน พูดความจริงกัน และอยากให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำในเรื่องการส่งจดหมายหาผู้ใหญ่ หาบริษัทที่เขาทำงานด้วยตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา มันกระทบหน้าที่การงานของเขา เขาจึงต้องฟ้องร้อง แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรอีกฝ่าย เขาเคารพ และเชื่อว่าความดี ความถูกต้องจะช่วยให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่อดทน แล้ววันหนึ่งความจริงจะเปิดเผยออกมาเอง