“เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คน แฉกลับเมียอารมณ์รุนแรง ซัดมูลนิธิปวีณาฯควรไตร่ตรองก่อน
2012-10-09 21:52:39
Advertisement
คลิก!!!

“เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คนที่เกิดกับเมียคนแรก แถลงโต้กลับไม่เคยซ้อม “น.ส.ตรีทิพยนิภา” เมียคนปัจจุบัน ย้ำตนมากกว่าที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย แฉเมียเป็นคนอารมณ์รุนแรง ส่วนที่อีกฝ่ายบอกว่าตนให้เงินใช้วันละ 300 ก็ไม่จริง ยันเลี้ยงดูอย่างดี ก่อนซัดมูลนิธิปวีณาฯควรไตร่ตรองข้อมูลให้ดีก่อน 
       
       หลังจากตลกดัง “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว กรณีที่เจ้าตัวถูก น.ส.ตรีทิพยนิภา โนจา ภรรยา พร้อมด้วย ด.ช.มิกซ์ อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรชาย ออกมาร้องเรียนกับ มูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พร้อมแฉว่า ถูกตนทำร้ายร่างกายมานานหลายปี โดยตลกดังยืนยันไม่เคยทำร้ายภรรยาเลย มีแต่อีกฝ่ายที่ลงมือทำร้ายตบตีตนมากกว่า กระทั่งมีรายงานว่า อยู่ๆ ทางด้านของ น.ส.ตรีทิพยนิภา ก็เกิดเปลี่ยนใจไม่แจ้งความเอาผิดเหลือเฟือแล้ว โดยบอกว่าจะขอกลับไปคุยกันก่อน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
       
       ล่าสุดวันนี้(9 กันยายน) เหลือเฟือ มกจ๊ก ได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขึ้นที่ร้านอาหาร “บ้านเหลือเฟือ” ถนนพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นร้านของตนเอง โดยมีลูกสาว 2 คน “วนิดา” อายุ 18 ปี และ “มุกลินทร์” อายุ 12 ปี ที่เกิดกับภรรยาคนแรกที่หย่ากันไป 10 ปี มาร่วมแถลงด้วย ทั้งนี้ตลกดังยืนกรานว่า ไม่เคยซ้อมภรรยา มีแต่ตนที่เป็นฝ่ายโดนทำร้ายมากกว่า แต่ยอมรับว่าตนและภรรยามีปากเสียงกันบ่อยจริง ส่วนมากเป็นเรื่องเงิน ทั้งนี้เจ้าตัวยังได้ซัดไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองข้อมูลก่อนรับเรื่อง เนื่องจากข่าวที่เกิดขึ้นตนได้รับความเสียหายมาก โดยระหว่างแถลงข่าวเหลือเฟือมีน้ำตาคลอดตลอดเวลา ส่วนลูกสาวก็ถึงกับร้องไห้ออกมา
       
       “ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายเมีย ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น วันที่ 27 กันยายน เขาก็ยังอยู่ที่ร้านอยู่ ก็ยังอยู่ด้วยกัน แต่พอเช้าวันที่ 28 เขาบอกว่าจะไปวัดแล้วก็หายไปเลย แล้วอยู่ๆ ก็มาเป็นข่าวผมก็งง แล้วแผลที่เขาเอามาให้ดูถ้าเขาโดนผมทำร้ายจริงๆ ก็คงไม่ได้หายเร็วขนาดนั้น แต่นี่หน้าก็ยังปกติ ผมมากกว่าที่ถูกทำร้ายจนมีแผลที่ไหปลาร้าข้างซ้าย ตอนนี้แผลเริ่มหายแล้วแต่ผมก็ถ่ายรูปเก็บไว้อยู่”
       
       “ผมไม่เคยทำร้ายเขาแน่นอน ส่วนมากก็จะเป็นการเอามือมาปกป้อง ผลักออก ถามว่าทำร้ายมั้ย ก็เวลาผลักเขาอาจจะล้มหรือเปล่า ผมไม่เคยทำร้าย แล้วต่อให้เขาทำร้ายผมแค่ไหนก็ไม่เคยคิดที่จะไปแจ้งความ ต่อให้เขาทำผมจนตายผมก็คงไม่ทำเขา แต่ตอนนี้ผมต้องพูด เพราะต้องพูดในฐานะที่เป็น เหลือเฟือ มกจ๊ก เป็นคนที่สังคมรู้จัก ผมโดนกระแสสังคมประณามว่าผมทำร้ายเมีย ผมเสียใจที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไร ถึงตอนนี้เขาจะไม่แจ้งความแล้วแต่ผมก็ต้องออกมาอธิบายให้สังคมเข้าใจ”
       
       “เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง อย่างตอนที่ผมคุยงานกับเพื่อน เขาถามว่าจะกลับรึยัง เขาก็โมโหแล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์ชนท้ายรถผม ส่วนที่ 4 ปีที่แล้วที่เขาบอกว่าผมทำร้ายเขา จริงๆ แล้วเขากินเหล้าดองยาแล้วเมา แล้วกล้มหัวทิ่มไปเอง เรื่องผมให้เงินใช้วันละ 300 ร้อย ก็ไม่จริง เพราะที่ผ่านมาก็ให้เงินใช้ตลอด ผัวเมียก็กระเป๋าเงินเดียวกันอยู่แล้ว อย่างถ้าผมวางเงินไว้ 5 พัน เขาก็เอาไปใช้หมด ผมก็ต้องถามว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง”
       
       “ที่มีปัญหากันเรื่อยมาก็เป็นปัญหาทั่วไป รวมถึงปัญหาเรื่องเงินด้วย แต่ผมก็ยืนยันว่าส่งเสียอย่างดี เขาเป็นคนชอบไปเที่ยว เวลาลูกปิดเทอมเขาก็จะชอบหาเรื่องไปเที่ยว เพื่อสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา อย่างผมไปฝากเงินไว้ให้ค่าเทอมลูก เขาก็จะไปถอนออกมาแล้วก็พาลูกไปเรียนที่เชียงใหม่ พอไปแล้วเงินหมดก็เลยกลับมา แล้วก็มีหนี้สินกลับมาด้วย สุดท้ายก็ต้องเอาลูกกลับมาเรียนที่กรุงเทพ แล้วเขาก็จะเป็นแบบนี้ตลอด”
       
       “แล้วเขาจะเป็นคนที่ติดเฟซบุ๊กมาก เวลาเล่นเฟซบุ๊กจะเล่นเหมือนตัวเองเป็นโสด อย่าง ใครยังโสดอยู่มั้ย อิอิ อะไรแบบนี้ แล้วก็จะชอบหอบลูกไปหาคนโน้นคนนี้ บอกว่าไม่มีตังค์นะ ทำตัวน่าสงสาร อย่างเพื่อนของเขาที่เล่นเฟซบุ๊กก็จะมาบอกผมว่า ไก่(ชื่อเล่นของภรรยา)ขึ้นอีกแล้วนะ ถ่ายรูปกินข้าวกับมาม่า วันนี้ต้มไข่ให้ลูกกิน ทั้งที่กับข้ามก็มีอยู่เต็มโต๊ะ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำแบบนี้ อย่างเวลาเขาออกมากินก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย ผมก็บอกว่าจะออกมาด้วย แต่พอผมโทรไปก็ไม่ได้อยู่หน้าปากซอย แต่ไปกินที่ร้านอาหารกับเพื่อน ผมยืนยันว่าเลี้ยงดูลูกกับเมียอย่างดี เพราะมีลูกที่เกิดกับเมียเก่า 2 คน แล้วก็เขากับลูกชาย”
       
       “ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมา ถามว่าถ้าเขาติดต่อกลับมาจะคืนดีมั้ย จริงๆ เขาก็ทำเรื่องแบบนี้บ่อยจนชินแล้ว ผมก็เป็นคนใจกว้างพอ แต่อยากให้มาคุยกัน ผมก็ยังอยู่ที่บ้านหลังเดิม มีอะไรก็อยากให้เข้ามาคุย ไม่ควรจะไปทำแบบนี้ เขาทำไว้เจ็บ ผมคงจะทำเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต”
       
       “ส่วนผลกระทบเรื่องงานก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ผมก็ต้องออกมาพูดให้ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ งานที่ผมจะไปช่วยเหลือเด็กที่ขอนแก่นคนก็คิดว่าผมจะยกเลิกไปแล้วเพราะมีข่าวนี้ ผมยังยืนยันว่ายังทำอยู่ และคนก็ยังให้การสนับสนุนอยู่ ถึงยังไงผมก็ยังไม่ท้อ เมื่อก่อนเคยคิดว่าจะฝากผีฝากไข้เขา แต่พอมาเจอแบบนี้ก็คิดว่าถ้าผมเป็นอะไรไป ถ้าผมเป็นอัมพฤกษ์คงจะโดนปาดคอเหมือนในข่าวแน่นอน”
       
       “อีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะพูดก็คือ ที่ผ่านมาการทำงานของมูลนิธิปวีณาผมก็ชื่นชม แต่อยากให้ไตร่ตรองให้ดี และพิจารณาข้อมูลที่มันเกิดขึ้นก่อน เขามีหน้าที่ดูแลผู้หญิงและเด็ก ซึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่ก็คือเด็กผู้หญิงเหมือนกันอยากให้ช่วยดูแลด้วย”

 

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X