|
เตือน"เชื้อเอชไอวี"ไม่ใช่ของขวัญวาเลนไทน์ (คมชัดลึก)
เครือข่ายผู้ติดเชื้อเตือนผู้ติดเอดส์ อย่าคิดแพร่เชื้อวันแห่งความรัก แนะสังคมอย่ารังเกียจกลุ่มติดเอชไอวีลดปัญหา "ล้างแค้น" กรมสุขภาพจิตย้ำวัยรุ่นตั้งสติและใช้ถุงยางป้องกัน หากคิดมีเซ็กส์ "วันวาเลนไทน์"
วันวาเลนไทน์ของทุกปีมักมีกิจกรรมรณรงค์ให้วัยรุ่นระวังเอดส์ ทั้งแจกถุงยางอนามัย แจกแผ่นปลิว พวงกุญแจ ฯลฯ แต่ปีนี้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขแสดงความกังวล เมื่อเห็นผลสำรวจการเฝ้าระวังพฤติกรรมกลุ่มนักเรียน ม.5 ที่ชี้ชัดว่า เด็กกลุ่มนี้ใช้ถุงยางอนามัยแค่ร้อยละ 27 เท่านั้น
เชื้อเอดส์แพร่กระจายได้หลายวิธี แต่ร้อยละ 80 จะผ่านทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองหรือคู่รักมีเชื้อเอดส์ในตัว แต่นอกเหนือจากความไม่ตั้งใจแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่แพร่เชื้อเอดส์ให้ผู้อื่นด้วยความตั้งใจ หรือด้วยความแค้นนั่นเอง
เรื่องราวของ นายโสภา ภิรมย์ ตำรวจเก๊วัย 33 ปี ที่มีพฤติการณ์ปล้นชิงทรัพย์พร้อมข่มขืนเด็กวัยรุ่นหลายสิบคนใน จ.อำนาจเจริญ เป็นข่าวเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา คงไม่ใช่เรื่องสะเทือนอารมณ์ผู้คนในสังคมเท่าไรนัก หากเขาไม่เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาข่มขืนเด็กวัยรุ่นหญิงไปแล้วกว่า 50 ราย เพราะต้องการแพร่เชื้อเอดส์...
"ผมสำนึกผิดแล้ว จะเอาผมไปฆ่าทิ้งหรือประหารชีวิตก็แล้วแต่กฎหมายจะลงโทษ ที่ทำอย่างนี้เพราะรู้สึกผิดหวังในชีวิต คิดอย่างเดียวว่า เมื่อติดเอดส์แล้วต้องตาย เลยประชดชีวิต ไม่ได้คิดถึงความเสียหายของเด็กที่ยังมีอนาคตไกลอีกหลายคน อยากบอกคนมีเชื้อเอดส์ว่า อย่าคิดไปทำลายคนอื่นอีก ชีวิตเราเมื่อผิดพลาดต้องยอมรับได้..." นายโสภาพูดต่อสื่อมวลชนระหว่างถูกสอบปากคำ
ถึงกรณีนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก ที่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรู้สึกคับแค้นใจ จนอยากแพร่เชื้อร้ายให้ผู้อื่นต่อ เมื่อต้นปี 2552 ตำรวจจับกุมหนุ่มขับสปีดโบ๊ทริมชายหาดพัทยา ที่สารภาพว่า รู้สึกโกรธแค้นจากการเที่ยวหญิงบริการแล้วติดเอดส์ จึงชักชวนลูกค้าสปีดโบ๊ทให้ไปมีเซ็กส์ด้วย คาดว่ามีเหยื่อติดเอดส์จากตัวเองแล้วไม่น้อยกว่า 20 คน
เช่นเดียวกับกรณีอื้อฉาวในเมืองจันทบุรี 5 ปีที่แล้ว ซึ่งมีข่าวลือว่าเด็กวัยรุ่นหญิงอายุ 15 ปีรายหนึ่ง ติดเชื้อเอดส์จากการถูกข่มขืน จึงแก้แค้นแพร่เชื้อเอดส์ให้แก่กลุ่มเพื่อนชาย โดยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์จะแอบเจาะถุงยาง รายงานข่าวอ้างว่า อาจมีผู้ชายติดเชื้อเอดส์จากวัยรุ่นหญิงรายนี้เกือบ 100
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ยอมรับว่า ในแง่มุมจิตวิทยาแล้ว ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มีพฤติกรรมอยากแพร่เชื้อร้ายให้ผู้อื่นนั้น เพราะรู้สึกอยากแก้แค้นสังคม เนื่องจากบางคนมีความคับข้องอยู่ส่วนลึกของหัวใจ และสะสมไว้มากจนต้องระบายออกมา หากไม่ได้รับการเยียวยาด้านจิตใจอย่างถูกวิธี บางรายก็อาจทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย หรือทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีการต่าง ๆ
"กมล อุปแก้ว" อดีตประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ประเทศไทย ชี้ถึงปัญหานี้ว่า ผู้ตั้งใจแพร่เชื้อเอดส์ก็เพราะพวกเขาเป็นเหยื่อของ "อคติในสังคมไทย" เมื่อคนในสังคมส่วนใหญ่รังเกียจผู้ติดเชื้อเอดส์ การกระทำดังกล่าวทำให้บางคนคิดว่า ถ้าเขาเอาเชื้อเอดส์ไปแพร่เยอะ ๆ คนก็จะเป็นเอดส์มาก ความรู้สึกรังเกียจผู้ติดเอดส์ในสังคมไทยก็จะหมดไป
"วิธีแก้ไขและป้องกันที่ถูกต้องคือ ก่อนที่หน่วยงานตรวจเลือดจะบอกผลแก่ผู้ติดเชื้อเอดส์ ควรให้คำปรึกษาผ่านผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่บอกตรง ๆ และควรบอกในห้องส่วนตัว ถือเป็นความลับส่วนบุคคล จากนั้นอธิบายให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้าใจว่า เชื้อเอดส์ไม่ใช่โรคร้ายที่น่ากลัวอีกต่อไป มียาต้านไวรัส มีวิธีการปฏิบัติตัวที่ทำให้อายุยืนไปอีกหลายสิบปี สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้ อีกทั้งสังคมต้องให้โอกาสเขาเหล่านี้ด้วย"
ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่ว้าวุ่นใจ หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้ออยากรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร สามารถปรึกษาได้ที่สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323
ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม