|
ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนภาวะความผิดปกติในร่างกาย อาจทำให้ใครหลายคนประสบเข้ากับปัญหาภาวะมีบุตรยาก ไปจนถึงมีความเสี่ยงที่ทารกจะมีความผิดปกติสูง ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมลดความเสี่ยงที่บุตรจะเกิดมามีความผิดปกติ การตรวจ PGD ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งในผู้ที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก ตลอดจนคู่สามีภรรยาที่ต้องการมีบุตรทั่วไป
แล้วการตรวจ PGD คืออะไร มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจมากแค่ไหน มาหาคำตอบได้ในบทความนี้กัน
การตรวจ PGD คืออะไร
การตรวจ PGD หรือ Preimplantation Genetic Diagnosis คือ การตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสุขภาพและโครโมโซมของตัวอ่อนในครรภ์เพื่อหาความผิดปกติทางพันธุกรรม ตลอดจนโรคที่แฝงอยู่ในพันธุกรรมอย่างธาลัสซีเมีย โรคเลือดไม่หยุด ไปจนถึงโรคประสาทไขสันหลังเสื่อม
การตรวจสอบดังกล่าวนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและชีวิตของทารกที่เกิดมา ตลอดจนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของคุณแม่และการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังช่วยให้ทราบถึงสุขภาพของตัวอ่อนภายในครรภ์อีกด้วย
ตรวจ PGD ได้เมื่อไหร่
หลายคนอาจเข้าใจว่า การตรวจ PGD สามารถตรวจได้ตั้งแต่ตัวอ่อนเริ่มปฏิสนธิ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ตั้งครรภ์สามารถนำตัวอ่อนมาตรวจ Preimplantation Genetic Diagnosis ได้ใน 2 ช่วงเวลา คือ เมื่อตัวอ่อนอายุได้ 3 วัน และ เมื่อตัวอ่อนอายุได้ 5 วัน
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะตรวจ PGD ทุกครั้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของคุณพ่อและคุณแม่ก่อน ซึ่งจะตรวจถึงความผิดปกติแฝงและความผิดปกติที่เด่นชัด จากนั้นจึงนำมาวิเคราะห์ถึงโอกาสที่ตัวอ่อนจะมีความผิดปกติในด้านต่าง ๆ
หลังจากการตรวจ PGD แล้วพบว่า ตัวอ่อนมียีนที่ไม่ดี หรือ มียีนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในอนาคต ทางแพทย์จะให้ปรึกษากับทางคุณพ่อและคุณแม่อีกครั้งเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป ซึ่งอาจทำได้ตั้งแต่การผสมตัวอ่อนใหม่ หรือ เสนอแผนการรักษาอื่น ๆ ต่อไป
ตรวจได้เฉพาะผู้ที่มีบุตรยากใช่หรือไม่?
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า การตรวจ PGD เป็นการตรวจสำหรับผู้ที่มีบุตรยาก หรือ ผู้ที่ต้องการใช้เทคโนโลยีพิเศษในการมีบุตรเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คู่สามีภรรยาทั่วไปสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพร่างกายของตนเอง ตลอดจนความผิดปกติอื่น ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจมีลูกได้เช่นกัน ซึ่งการตรวจในส่วนนี้สามารถช่วยให้ทุกคนวางแผนการมีบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เท่านี้ ทุกคนก็เข้าใจถึงรายละเอียดและความจำเป็นของ PGD หรือ Preimplantation Genetic Diagnosis เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังว่ารายละเอียดที่นำมาฝากในบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงความสำคัญของการตรวจ PGD มากขึ้นนะ