ล่าสุดมีละครญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกเรื่องเข้ามาฉายที่ไทยอีกแล้วค่ะ นั่นก็คือเรื่อง “Saikou no Jinsei no Owarikata” มีชื่อภาษาไทยว่า “ของขวัญแด่วันสุดท้าย” ละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่นักแสดงนำที่เป็นตัวท็อปของวงการบันเทิงญี่ปุ่น แต่เนื้อหาสาระของเรื่องก็มีความโดดเด่น สร้างความประทับใจให้คนดูได้ไม่น้อยเลยค่ะ ละครเรื่องนี้มีความน่าสนใจขนาดไหน ตามมาอ่านได้ในบทความรีวิวนี้เลยค่ะ

“Saikou no Jinsei no Owarikata” เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “คนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายทำให้เราสงสัยว่า เราเกิดมาทำไม” เป็นคำถามที่น่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ ถ้าอยากรู้คำตอบ ต้องค้นหาในละครเรื่องนี้เลยค่ะ

ละครเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร?

“Saikou no Jinsei no Owarikata” เป็นเรื่องราวชีวิตของครอบครัว “อิฮาระ” มีสมาชิกในบ้าน 6 คน คือ พ่อ เคนโต (พี่ชายคนโตต่างมารดา รับบทโดย Sorimachi Takashi) มาซาโตะ (พี่ชายคนรอง รับบทโดย Yamashita Tomohisa) ฮารุกะ (พี่สาวคนโตของบ้าน รับบทโดย Maeda Atsuko) ฮายาโตะ (น้องชายคนเล็ก รับบทโดย Chinen Yuri) และโมโมโกะ (น้องสาวคนสุดท้อง รับบทโดย Ono Ito) โดยมีพ่อเพียงคนเดียวที่เป็นเสาหลักของบ้าน หาเงินเลี้ยงลูกๆ ในบ้านจากการทำธุรกิจ “รับจัดงานศพ” 

ต่อมาพ่อได้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน พร้อมๆ กับ “เคนโตะ” พี่ชายคนโตของบ้าน ที่ได้หนีหายออกจากบ้านไป โดยที่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว เคนโตะมักจะชอบหนีหายไปจากบ้านเป็นประจำ ด้วยความไม่สบายใจ จากความรู้สึกที่ว่าเป็นลูกคนละแม่ เมื่อครอบครัว “ฮิฮาระ” ต้องสูญเสียพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านไป พร้อมกับพี่ใหญ่ของบ้าน ผู้ที่สมควรจะมารับหน้าที่ดูแลบ้านและครอบครัวต่อจากพ่อก็ต้องเป็น “มาซาโตะ” และต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการ “จัดพิธีงานศพ” งานที่เขาไม่ได้มีใจรัก 
 

ตั้งแต่วันที่มาซาโตะมารับหน้าที่นี้ เขาก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัวที่มักจะไม่ค่อยลงรอยกัน และยังต้องออกตามหา “เคนโตะ” พี่ชายที่หนีออกจากบ้านไปให้เจอ พร้อมกับการปรากฏตัวของชายแก่ลึกลับคนหนึ่ง ที่ชอบแวะเวียนมาที่บ้านของมาซาโตะเป็นประจำ 

เมื่อมาซาโตะได้มาทำงานนี้ไปเรื่อยๆ ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับผู้คน และความตายมากขึ้น จากที่รู้สึกไม่ชอบอาชีพนี้ กลับค่อยๆ ทำไปด้วยภาคภูมิใจ พร้อมกับค่อยๆ ค้นพบคำตอบของคำถามที่ว่า “คนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องตายทำให้เราสงสัยว่า เราเกิดมาทำไม” 


ความน่าสนใจของละครเรื่องนี้
1. มีรางวัลการันตี พร้อมเรตติ้งที่ดีไม่เบา
ละครเรื่องนี้มีรางวัลการันตีจากเวที “Nikkan Sports Drama Grand Prix” เป็นรางวัลที่จัดทำโดยหนังสือพิมพ์ Nikkan Sports ที่จะทำผลสำรวจจากนักอ่าน หลังจบละครญี่ปุ่นในแต่ละฤดูกาล สำหรับละครเรื่องนี้ได้กวาดรางวัล “ละครยอดเยี่ยมประจำฤดูหนาว” ไปครอง และยังไม่หมดแค่นี้นะคะ นักแสดงของเรื่องนี้ก็ได้คว้ารางวัลไปด้วย ทั้งหนุ่ม “ยามะพี” ที่คว้ารางวัล “นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม” ไปครอง ส่วนสาว “นานะ” นางเอกของเรื่องก็ได้รางวัล “นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม” ไปครองค่ะ ส่วนเรตติ้งเฉลี่ยก็อยู่ที่ 10.9 ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียวค่ะ

2. ทีมนักแสดงระดับตัวท็อปในวงการญี่ปุ่น
นำทีมโดย “ยามะพี” ซุปเปอร์สตาร์ของญี่ปุ่น ที่คนไทยหลายคนรู้จัก พร้อมแท็กทีมมากับดารารุ่นน้องที่ฮ็อตไม่แพ้กันอย่าง “อัตจัง” อดีตสมาชิกวง AKB48 ที่มารับบทเป็นน้องสาวยามะพี ที่มีปมด้อยเรื่องร่างกาย กับ “จิเน็น ยูริ” สมาชิกวง Hey! Say! JUMP ที่มารับบทเป็นน้องชายตัวยุ่งของบ้าน รวมถึงนางเอกของเรื่องอย่าง “Eikura Nana” ที่รับบทเป็นตำรวจสาว “ยูกิ” มาคอยช่วย “มาซาโตะ” สืบหาข้อเท็จจริงของผู้ตาย พร้อมค้นหาเรื่องราวความจริงการตายของปู่เธอที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ 

3. “รับจัดงานศพ” อีกหนึ่งอาชีพญี่ปุ่นที่น่าสนใจ
 

ที่ชามะนาวตัดสินใจดูละครเรื่องนี้ก็มีส่วนมาจากเรื่องราวของอาชีพ “รับจัดพิธีงานศพ” นี่แหละ ถ้าให้เทียบกับอาชีพในไทยก็คงจะคล้ายๆ กับอาชีพ “สัปเหร่อ” แต่ก็มีความต่างค่ะ อาชีพนี้จะรับหน้าที่ตั้งแต่การไปรับศพจากตำรวจ เก็บรักษาศพ จนไปถึงการจัดพิธีงานศพทุกอย่างในงาน และสิ่งสำคัญของอาชีพนี้คือ ต้องทำให้คนที่ยังเหลืออยู่ได้รู้สึกซาบซึ้ง และเห็นคุณค่าของชีวิตที่กำลังจะจากไปอย่างมีความหมาย ถ้าดูเรื่องนี้ เราก็จะได้เห็นกันค่ะว่า คนที่ประกอบอาชีพนี้เนี่ย เขาต้องทำอะไรกันบ้าง อาชีพที่ดูไม่น่าจะรื่นรมย์สักเท่าไร แต่ก็เป็นอีกอาชีพที่น่าภูมิใจเลยทีเดียวค่ะ

4. ออกแนวสืบสวนเบาๆ
 

ด้วยความที่อาชีพจัดพิธีงานศพนี้ ต้องทำให้คนที่ยังอยู่ได้เห็นถึงคุณค่าของชีวิตที่กำลังจะจากไปอย่างมีความหมาย “มาซาโตะ” จึงจำเป็นต้องออกไปสืบหาเรื่องราวของผู้ตายว่า เป็นใคร มาจากไหน มีความในใจอะไรที่คนรอบข้างยังไม่เคยรู้ เขาต้องเป็นผู้บอกต่อสิ่งที่ยังค้างคาใจให้คนที่ยังอยู่ได้เข้าใจ หรือเคลียร์เรื่องที่เคยบาดหมางให้จบลงด้วยดี บวกกับบางกรณี ผู้ตายก็เป็นศพไร้ญาติ ผู้ทำหน้าที่จัดงานศพก็มีความจำเป็นที่ต้องสืบเรื่องราวให้ได้ว่าคนคนนั้นคือใคร หรือบางทีก็ยังไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงของผู้ตาย “มาซาโตะ” และตำรวจต้องออกตามสืบหาความจริงไปด้วยกัน เพื่อให้วิญญาณเหล่านั้นได้จากไปอย่างสงบสุข

5. ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนตาย งานศพ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวจนขนหัวลุกค่ะ แต่เป็นละครที่ดูแล้วเกิดความรู้สึกที่ดี เกิดความเห็นใจมนุษย์ด้วยกัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของชีวิต

6. ดูแล้วบ่อน้ำตาแตก ซาบซึ้งไปกับความหมายของคำว่า “ชีวิต”
 

จุดเด่นของละครเรื่องนี้อยู่ที่ตรงนี้เลยค่ะ! ก็เนื้อเรื่องมันออกจะซาบซึ้ง กินใจ กลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ เป็นละครที่ถ่ายทอดมุมชีวิตของผู้คนได้อย่างหลากหลาย และทำให้เห็นว่าความตายมันอยู่ใกล้ชีวิตเรามากกว่าที่คิด ในขณะที่เรากำลังใช้ชีวิตไป ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก็น้อยลงทุกที 
 

ทางที่ดีที่สุด เราควรใช้ทุกวินาทีไปกับสิ่งที่เราต้องการทำจริงๆ แล้วใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า หาสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเราให้เจอ และอยู่กับสิ่งนั้นให้นานที่สุด โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว แม้บางทีอาจจะเต็มไปด้วยปัญหา ทะเลาะกันบ้าง แต่คนที่รู้จักเรามากที่สุด และอยู่เคียงข้างเราตลอดไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพไหนก็ตามก็คือ “ครอบครัว” รวมทั้งคนรอบข้างคนอื่นๆ ที่ใช้ชีวิตร่วมกับเรามา ก็ควรให้ความสำคัญ แทนที่จะโกรธหรือเกลียดกัน ก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ สร้างความทรงจำที่ดีต่อกัน 

เมื่อตายไป มนุษย์เราจะยังคงจำเรื่องราวต่างๆ ได้ไหมนั้น ไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่คนยังอยู่รับรู้ได้อย่างแน่นอนก็คือ... ต่อให้คนนั้นตายจากไป คนคนนั้นจะอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ
 

เพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากติดตามชมละครญี่ปุ่นเนื้อหาสาระดีดี เรื่อง “Saikou no Jinsei no Owarikata” หรือ “ของขวัญแด่วันสุดท้าย” ก็สามารถรับชมได้ทางช่อง ThaiPBS ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.05-11.58 น. ค่ะ


เรื่องโดย : ChaMaNow www.marumura.com