เลือกคู่ครองอย่างไรไม่ให้เจอ "แบดบอย"
2014-09-21 14:07:57
Advertisement
คลิก!!!

       เป็นธรรมชาติของผู้ชาย เมื่อเขาชอบพอสาวคนใด ก็เกิดความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาของผู้หญิง ไม่ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเลวร้าย ยียวนกวนสังคมสักเพียงใด เขาก็พร้อมที่เปลี่ยนแปลงตัวเองมาแต่งตัวเนี้ยบ ใส่น้ำหอม ซื้อของไปฝาก พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ดูแลเอาอกเอาใจได้สารพัด อย่างไรก็ดี ความพยายามเหล่านั้นไม่อาจรับประกันได้ว่า ภายในจิตใจของผู้ชายคนนี้จะเปลี่ยนไปเหมือนรูปภายนอกที่ถูกปรุงแต่ง เขาอาจมีบางสิ่งที่ "ร้ายกาจ" หรือ "เห็นแก่ตัวอย่างมาก" ซ่อนอยู่ลึก ๆ เหมือนเดิมก็เป็นได้


        วันนี้ ทีมงาน Life & Family จึงขอชวนท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับความ "ร้ายกาจ" ในแบบของผู้ชายกันให้มากขึ้น โดยเราได้รับเกียรติจากคุณหมอยุทธนา ภาระนันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการให้คำปรึกษาและเวชศาสตร์ครอบครัวที่จะมาชี้ให้เห็นว่า หนุ่ม ๆ ทั้งหลายมีความร้ายแบบใดแฝงอยู่ในตัวกันได้บ้าง ไปติดตามกันเลยค่ะ
       
       "ลักษณะของผู้ชายร้ายกาจ มีองค์ประกอบของความเห็นแก่ตัวเป็นหลัก อาจแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่1. เด็กเลี้ยงแกะ ลักษณะนี้จะเป็นคนพูดไม่จริง ว่าร้ายนินทา ใส่ร้าย รับปากแล้วไม่ทำตาม 2. กระทิงดุ คนลักษณะนี้คือชอบใช้กำลัง ทำร้ายคู่กรณี ก่อวิวาท ดุร้าย มุทะลุ 3. สุนัขป่ากรณีนี้คือคนที่ปลอมตัวมาเป็นแกะ คล้าย ๆ จะให้ดูว่าข้างนอกดี แต่ภายในมีความโลภแฝงอยู่ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่ปรานีใคร และ 4. ค้างคาวดูดเลือด คือ เป็นคนชอบเอาเปรียบ เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เย่อหยิ่งจองหอง ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครก่อน" คุณหมอยุทธนากล่าว
       
       "ทั้งสี่แบบนี้ พื้นฐานคือความเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบันที่นิยมการอยู่ก่อนแต่ง ซึ่งการอยู่แบบนี้ฝ่ายหญิงเสียเปรียบ งานวิจัยบอกว่า ความสัมพันธ์แบบอยู่ก่อนแต่งนั้น แม้จะอยู่กันได้ แต่มักอยู่กันไม่ค่อยยืด เพราะไม่ได้อยู่ร่วมกันแบบอุทิศตัว เผื่อไม่ชอบใจขึ้นมาก็จะได้แยกทางกันได้ ซึ่งการอยู่แบบนี้ทำให้ความผูกพันเป็นหนึ่งเดียวแบบชีวิตคู่ไม่มี หากทะเลาะกันแรง ๆ ก็แยกทางกัน ยิ่งในโลกปัจจุบันมีสิ่งล่อลวงเยอะ สมมติหน้าตาดี ก็มีสาวมารออีกมาก พอมีสิ่งยั่วยุเข้ามาก็ทำให้การร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างจริงจังขาดหายไป"
       
       สำหรับผู้ที่เจอกับหนุ่มร้ายกาจและต้องการถอนตัวถอนใจจากให้ได้นั้น คุณหมอได้ให้แนวทางเอาไว้ 5 ขั้น หรือจดจำง่าย ๆ ว่า RULER ดังนี้
       
       1. Recognizing ขอให้ผู้ที่ต้องการตัดใจเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง รับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องไปเก็บกด บางคนอาจแต่งเป็นเพลง เขียนไดอารี เพื่อระบายมันออกมาก็ได้เช่นกัน
       
       2. Understanding ในขั้นนี้คือการทำความเข้าใจในอารมณ์ที่เกิดขึ้น ว่าตนเองกำลังเกิดอารมณ์เช่นใดอยู่
       
       3. Labeling ระบุชื่อของอารมณ์ และทิศทางที่เราจะจัดการกับมัน เช่น ถ้าเขาไปจีบคนอื่น อารมณ์หึงออกมา หรือเขาออกไปหาคนอื่น อารมณ์เหงาออกมา จากนั้นก็มาควบคุมเรื่องทิศทาง เช่น พอเกิดความเหงา เราจะปล่อยให้ความเหงาเข้ามาทำร้ายเราอย่างนั้นหรือ ไม่ดีกว่า เราไปหากิจกรรมทำดีกว่า ไปฟังเพลง ไปออกกำลังกายดีกว่า เป็นต้น
       
       4. Expressing ขั้นต่อไปขอให้แสดงออกมาว่าเราจะทำอย่างไรกับชีวิตประจำวันของเรา เช่น กำหนดไปเลยว่าสามเดือนนี้เราไม่เจอกัน รูปที่ถ่ายไว้ก็ทิ้งไปเสีย ขอให้มองหาว่าสิ่งใดที่มันกระตุ้นเตือน ก็อย่าไปเหลือไว้ จัดห้องใหม่ หาเพื่อนคุย เป็นต้น
       
       5. Regulating ขั้นสุดท้าย ขอให้รักษากิจกรรมดี ๆ ไว้ อย่าให้ว่าง เพราะถ้าว่าง อารมณ์ลึก ๆ มันก็จะกลับมาอีก ลองให้เวลาตัวเองสักสามเดือน สิ่งต่าง ๆ ก็น่าจะดีขึ้น
       
       เปิดใจมีรักใหม่ควรใช้ 3 สถานีทดสอบ
       
       เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป วันหนึ่ง คุณอาจพบคนที่คุณสนใจเข้าอีกครั้ง แต่หากไม่รักอย่างระมัดระวัง ก็มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ดีอีก ดังนั้น การให้คนสองคนอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนจึงอาจต้องมีขั้นของการคบหาดูใจ ซึ่งคุณหมอยุทธนาแนะนำว่า ควรมี 3 ขั้นตอน หรือ 3 สถานี ดังนี้
       
       "สถานีแรกคือขั้นคนรู้ใจ เพราะคนเราเมื่อเห็นหน้ากันแล้วชอบพอ ก็ควรทำความรู้จักกันมากขึ้นก่อน สถานีต่อมาเรียกว่า สถานีคู่รัก เป็นด่านที่คนสองคนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ ยอมฟัง และยอมเปลี่ยน เพื่อกันและกัน และสถานีที่สาม คือขั้นคู่หมั้นคู่แต่งงาน ซึ่งจะมาถึงด่านนี้ได้ต้องพิสูจน์ด้วยการผ่านความทุกข์ยากร่วมกันมาก่อน ถ้าผ่านสามสถานีนี้ได้ ก็เป็นการเพิ่มโอกาสว่าคนสองคนจะอยู่กันยืดให้มากขึ้น"
       
       "ปัจจุบัน เราแทบไม่มีขั้นตอนของการดูใจ พอเจอหน้าแล้วถูกใจก็มีความสัมพันธ์กันเลย หรือคู่รักบางคู่ พอเจอเรื่องเลวร้ายปุ๊บ (สถานีที่สาม) ฝ่ายชายไปแจ้งความเลย ไม่คำนึงถึงฝ่ายหญิงเลยว่าจะรู้สึกอย่างไร อย่างนี้ก็ไม่ผ่าน" คุณหมอยุทธนายกตัวอย่าง
       
       "นอกจากนี้ ผมต้องย้ำว่าค่านิยมอยู่ก่อนแต่งมันเสี่ยง เราควรมีการคบหาดูใจกันก่อน โดยเฉพาะการคบหาดูใจตอนยากลำบาก ว่าเขายอมไหม และจุดอ่อนที่เรารับไม่ได้ เขายอมเปลี่ยนไหม ถ้าแต่งงานกันแล้วต่างคนต่างอยู่ พอเจอปัญหาหนัก ๆ จะไม่ค่อยรอด ไปได้ไม่นาน" คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย


ที่มา  http://www.manager.co.th/

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X