เมื่อผิวลูกเกิดการอักเสบ!
2014-11-28 14:24:30
Advertisement
คลิก!!!

       นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับเด็กเกือบทุกคนกับปัญหา “โรคผิวหนังอักเสบในเด็ก” เพราะหากมีการดูแลรักษาไม่ถูกวิธี อาจนำไปสู่การติดเชื้อ และเกิดการอักเสบจนบานปลายกลายเป็นแผลในวงกว้างได้ โดยเฉพาะการใช้ครีม หรือยา เป็นสิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม
       
       นพ.วิทยา อัศววิเชียรจินดา ผู้เชี่ยวชาญกุมารเวชศาสตร์ โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลพญาไท 3 เปิดเผยถึงโรคผิวหนังอักเสบในเด็กเล็ก ว่า พบบ่อยในเด็กทารก หรือเด็กเล็ก อาการของโรค ผิวหนังจะแห้งและเกิดอาการคันร่วมด้วย ยิ่งเกาจะยิ่งเป็นมากขึ้น ผื่นจะเป็นๆ หายๆ ซึ่งอาการอาจแตกต่างกัน แต่มักจะเกิดผื่นตามข้อศอก ข้อพับบริเวณเข่า บริเวณมือ เท้า แขน ขา ลำตัว หนังศรีษะ หน้า หรือหลังใบหู ผิวหนังจะแห้งเป็นขุย อักเสบแดงและบวม บางครั้งอาจจะแตก หรือเป็นเกล็ดและตกสะเก็ด กรณีเด็กทารก มักจะพบผื่นอักเสบบริเวณแก้ม ลำคอ ด้านนอกของแขนและขาทั้งสองข้าง
       
       สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่า กรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้อง และ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยจะเป็นโรคแพ้อากาศร่วมด้วย สิ่งแวดล้อมที่บ้าน โรงเรียน สิ่งที่ทำให้เกิดผื่นคัน เรียกว่า ตัวกระตุ้น ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุของโรค ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ละคนมีสาเหตุการเกิดที่แตกต่างกัน เมื่อผิวหนังชั้นแรกแห้ง ผิวหนังจะเปราะบาง และอาจถึงขึ้นแตก จึงทำให้สิ่งแปลกปลอมภายนอกเข้าไปในร่างกาย ซึ่งทำให้ผิวหนังชั้นในเกิดความระคายเคือง และเกิดผื่นคันในที่สุด
       
       ดังนั้น การรักษาจึงเป็นการรักษาผิวหนังที่แห้ง ผื่นคันระคายเคือง ให้กลับมาเป็นผิวหนังปกติ และป้องกันการเห่อซ้ำของผื่น ด้วยการรักษาความชุ่มชื้นของผิวให้คงอยู่สม่ำเสมอ เลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวยิ่งแห้งและคันมากขึ้น ใช้ครีมอาบน้ำอ่อนที่มีฤทธิ์แก้คัน หรือเลือกสบู่ที่มีส่วนผสมของไขมันมากหน่อย หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเห่อของผื่น เช่น ความร้อนหรือเย็นเกินไป พวกไรฝุ่น อาหารบางชนิด โดยให้สังเกตว่า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดผื่นมากขึ้นก็ควรหลีกเลี่ยง
       
       “สัญญาณแห่งการติดเชื้อ ผิวหนังจะรู้สึกร้อนแดงขึ้น และอ่อนนุ่มกว่าปกติ มีผื่นเล็กๆ ขึ้นบนผิวหนัง บางรายแผลเป็นปื้นวงกว้าง อาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อ อาการคันทำให้เด็กนอนไม่หลับ ก่อความรำคาญ เบื้องต้นควรใช้ผ้าชุบน้ำเย็นปิดบริเวณที่คันสักพักก่อน แล้วค่อยทาครีมบำรุงผิว ถ้าเกิดอาการมากอาจต้องให้ใช้สเตียรอยด์ ร่วมด้วยสัก 2-3 วัน แต่ใช้นานกว่านั้นอาจจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี”
       
       ทางที่ดี ควรเลือกใช้ครีมที่ผลิตจากสารธรรมชาติ ซึ่งมีสารสติมูเทค-เอเอส ที่ได้จากพืช สารตัวนี้จะช่วยลดอาการผื่นคัน บวมแดงร้อนได้ดี และสารแซคคาไรด์ ไอโซเมอเรท ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ทำให้มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้กับเด็กเล็กๆ อายุตั้งแต่ 15 วัน ก็สามารถใช้ได้แล้ว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการผื่นระดับน้อยถึงปานกลางใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เมื่อหายแล้วก็ควรทาไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นใหม่
       
       สำหรับกรณีที่เป็นผื่นแพ้ และมีอาการเห่อซ้ำบ่อยๆ อาจทาครีม เช่น ครีมอีเซอร์ร่า (Ezerra) หลังอาบน้ำทันที เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง หรือถ้าเริ่มมีอาการแสดงของผื่นภูมิแพ้ผิวหนังปรากฏ เช่น แห้งตึง คันยุบๆ ยับๆ มีอาการแสบๆ คันๆ ก็ให้ทาครีมซ้ำได้ทันที จะทำให้ผื่นลามช้าลง ช่วยลดและป้องกันการกำเริบของผื่น แต่การเลือกใช้ครีมบางตัวควรปรึกษาแพทย์ และควรเป็นครีมที่ปราศจากสารสเตียรอยด์ ซึ่งปัจจุบันก็มีครีมที่สกัดจากพืชธรรมชาติที่แพทย์ในโรงพยาบาลคลินิกแนะนำให้ใช้ ซึ่งผู้ใช้ต้องปรึกษาแพทย์และได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน
       
       อย่างไรก็ดี มีผลการศึกษาที่น่าสนใจจากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เด็กที่รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี จะมีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดอาการคันที่ผิวหนัง อันเนื่องมาจากโรคผิวหนังอักเสบ โดยเด็กที่มีระดับของวิตามินอีในเลือดสูงมากๆ จะมีความเสี่ยงต่ำต่อการเกิดโรคผิวหนังอักเสบถึงร้อยละ 67 เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่มีระดับของวิตามินอีในเลือดต่ำ แต่ไม่พบว่าจะสามารถช่วยต่อต้านอาการของโรคภูมิแพ้ได้ สำหรับวิตามินอีนั้น พบได้ในผลไม้ที่มีสีเหลือง แดง และส้ม ทั้งยังพบได้ในน้ำมันจากพืช ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ดด้วย


ที่มา  http://www.manager.co.th/

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X