|
ในวันที่หลายคนดีใจกับการมาถึงของสมาร์ทโฟนรุ่นล่า หรือแท็บเล็ตตัวเก่งที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกรวดเร็วนั้น อีกมุมหนึ่งที่บางคนอาจไม่ทันฉุกคิดก็คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังทำให้ผู้ใช้ตกเป็นทาส และต้องทำงานล่วงเวลาโดยไม่รู้ตัว แถมการทำงานแบบนี้ บริษัทไม่จ่ายค่าโอทีให้อีกด้วย
เป็นภาพที่พบเห็นจนชินตาเสียแล้วในยุคนี้ กับภาพของมนุษย์ทำงานในตอนเย็นหลังเลิกงาน เมื่อพวกเขาเดินทางกลับบ้าน กลุ่มพนักงานออฟฟิศเหล่านี้มักจะใช้เวลาระหว่างการโดยสารรถเมล รถไฟ ฯลฯ เช็คอีเมล ตอบอีเมล รวมถึงทำงานอื่น ๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งการศึกษาจาก the Chartered Society of Physiotherapy เผยว่า การกระทำดังกล่าวมีผลให้มนุษย์เราทุกวันนี้มีความเครียดสูงขึ้น และมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
อาการที่อาจเกิดขึ้นได้เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง จากการนั่งในท่าที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และการตกเป็นทาสเทคโนโลยีในลักษณะดังกล่าวได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นตอของความเครียดในมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งด้วย
โดยการศึกษานี้ได้ทำแบบสอบถามพนักงานออฟฟิศกว่า 2 พันคน และพบว่า ส่วนมาก พนักงานออฟฟิศเหล่านี้ต้องนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน และในระหว่างเดินทางกลับบ้าน พวกเขาก็ใช้สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ไปตลอดทางด้วยเช่นกัน ซึ่งทางผู้วิจัยได้เตือนว่า การทำงานมากเกินไปดังกล่าวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น การปวดหลัง ปวดต้นคอได้ พร้อมระบุว่า นายจ้างควรกระตุ้นให้ลูกจ้างเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง หรือหากิจกรรมอื่น ๆ ให้เข้าร่วมในระหว่างวัน
แม้ว่าการทำงานผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์สื่อสารชนิดอื่น ๆ จะดูเป็นทางเลือกที่ดีนอกเวลางาน แต่ถ้ามันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันในทุก ๆ เย็น ก็อาจทำให้มนุษย์เรามีปัญหาด้านสุขภาพ หรือความเครียดได้เสียแล้ว
นอกจากนั้น ในระหว่างการเดินทางกลับบ้าน การมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเดินทาง ก็น่าจะทำให้ชีวิตของคนทำงานปลอดภัยมากกว่าการจดจ่ออยู่กับงานบนหน้าจอสมาร์ทโฟนนะคะ
เรียบเรียงจากเดลิเมล
ที่มา http://www.manager.co.th/