|
นักวิเคราะห์การตลาดได้ลองวิเคราะห์ทิศทางของต้นสังกัดในวงการบันเทิงประจำปี 2020 อย่างคร่าวๆ โดยระบุว่า ถ้าสมาชิก BIGBANG ต่อสัญญากับบริษัท มูลค่าการตลาดของบริษัทจะสูงมาก
“ถ้ามีการโปรโมทวง BIGBANG คาดว่ากำไรของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 757 ล้านบาท) แต่ถ้าไม่ต่อ กำไรน่าจะอยู่แค่ที่ 1 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 242 ล้านบาท)” - Yuanta Securities Korea Co. Ltd
“การคาดหมายรายได้ของ YG Entertainment ยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการต่อสัญญาของวง BIGBANG” - Hanhwa Investments & Securities Ltd
“การคาดการของเราต่อ YG ขึ้นอยู่กับว่า BIGBANG จะต่อสัญญาหรือไม่” Mirae Asset Daewoo
ตอนนี้ YG Entertainment เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ชื่อ “G-DRAGON” ทั้งในภาษาเกาหลีและอังกฤษ บริษัทยื่นขอจดลิขสิทธิ์ตั้งแต่ปี 2003 ก่อนที่ BIGBANG จะเดบิวต์ในปี 2006
และเมื่อปี 2015 YG Entertainment ได้ยื่นเรื่องของจดลิขสิทธิ์ชื่อ “TAEYANG” และ “GD X TAEYANG” พวกเขาไม่ได้สิทธิ์คำว่า TAEYANG ในภาษาเกาหลี เนื่องจากเป็นนามทั่วไป ซึ่งมีความหมายว่า พระอาทิตย์
ถ้าหาก จี-ดราก้อน และ แทยัง ตัดสินใจออกจาก YG พวกเขาจะไม่สามารถโปรโมทโดยใช้ชื่อ สเตจเนมเดิมได้อีกหากไม่ได้รับอนุญาตจาก YG
นักวิเคราะห์มองว่า ชื่อในวงการ ถือเป็นสิ่งสำคัญในอาชีพศิลปินหรือนักแสดงเช่นกัน และพวกเขาโปรโมทในชื่อนี้มานับตั้งแต่เดบิวต์
นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นตัวอย่างวงอื่นที่มีปัญหาเช่นเดียวกัน เช่น H.O.T ที่ยุบวงไปเมื่อปี 2001 และยังคงโปรโมทได้อย่างยากเย็น เนื่องจาก SM Entertainment เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ชื่อนี้ รวมถึงวง BEAST ที่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น HIGHLIGHT หลังจากแพ้คดีให้กับค่ายเก่าอย่าง Cube Entertainment
นักวิเคราะห์เชื่อว่า จี-ดราก้อน และ แทยัง น่าจะต่อสัญญากับ YG Entertainment
“โอกาสมีน้อยมากที่สมาชิกวง BIGBANG ทั้งหมดจะย้ายไปค่ายอื่น จี-ดราก้อนและแทยังน่าจะโปรโมทในฐานะศิลปินเดี่ยวได้ถ้าพวกเขาไม่ต่อสัญญาจริงๆ แต่ YG Entertainment ก็ดูเหมือนถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ชื่อสเตจเนมของพวกเขา” - ตัวแทนบริษัท Securities Firm
ที่มา Herald Pop
แปลโดย http://popcornfor2.com