เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก blogspot.com

          เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า หนุ่มชาวอัฟกัน วัย 18 ปี ลงทุนสุด ๆ หลังนอนขดซ่อนตัวอยู่กับเครื่องยนต์ใต้กระโปรงรถยนต์นานถึง 20 ชั่วโมง เพื่อลักลอบเข้าเมือง แต่สุดท้ายหนีไม่รอด เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดักจับได้ ณ บริเวณจุดตรวจในเมืองบารี่ ประเทศอิตาลี

          โดยวัยรุ่นหนุ่มชาวอัฟกัน ซึ่งตามรายงานไม่ได้ระบุชื่อ ได้จ่ายเงินให้กับแก๊งลักลอบพาคนเข้าเมืองจำนวน 6,000 ยูโร (หรือประมาณ 240,000 บาท) เพื่อหาทางเข้าประเทศอิตาลี ซึ่งทางแก๊งได้จัดแจงคนให้ขับรถพาเขาเข้าเมือง โดยให้นอนขดซ่อนอยู่ใต้กระโปรงรถที่แสนคับแคบ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ

          ทั้งนี้ หนุ่มชาวอัฟกันต้องนอนซุกตัวอยู่ใต้กระโปรงรถตลอดเวลา ตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองพาทราส ที่ประเทศกรีซ ตั้งแต่เช้าวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งรถคันดังกล่าวได้อาศัยเรือโดยสารแล่นข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงชายฝั่งเมืองอีกูเมนิทสา ก่อนขับรถลงจากเรือ และมุ่งหน้าไปยังเมืองบารี่ โดยใช้เส้นทางที่พวกลักลอบพาคนเข้าเมืองนิยมใช้เดินทางเข้ามาอยู่เป็นประจำ

          จนกระทั่งพวกเขาขับรถมาถึงบริเวณจุดตรวจเมืองบารี่ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้เรียกให้รถยนต์ยี่ห้อนิสสันจอดรถ หลังจากที่พวกเขาสังเกตเห็นว่าคนขับรถและผู้โดยสารอีกหนึ่งคน ซึ่งเป็นชาวบัลแกเรียทั้งคู่ มีท่าทางลุกลี้ลุกลนผิดปกติ จึงได้ขอเข้าไปตรวจสอบและขอค้นรถ ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ก็พบชายคนหนึ่ง นอนคุดคู้อยู่ใต้กระโปรงรถ พร้อมผ้าห่มและน้ำหนึ่งขวด ซึ่งเขาอยู่ในสภาพที่ดูอิดโรยเป็นอย่างมาก จึงได้นำตัวเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนที่จะทำการสอบสวนต่อไป ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมในทันที ฐานลักลอบนำคนเข้าเมืองผิดกฏหมาย

          หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จึงมาสอบถามเรื่องราวจากชายชาวอัฟกันคนดังกล่าว พบว่า เขานอนอยู่ใต้กระโปรงรถมานานถึง 20 ชั่วโมงแล้ว ซึ่งหวังลอบเข้าเมือง โดยเขาทำงานเก็บเงินในกรีซมานานถึง 8 ปี เพื่อจ่ายให้กับทางแก๊งดังกล่าวพาเขาเดินทางข้ามเมือง หลังจากที่เขาได้งานใหม่กับครอบครัวมหาเศรษฐีในเมืองกาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน แต่สุดท้ายมาโดนจับได้เสียก่อน

          อย่างไรก็ดี หลายปีมานี้พบว่าบริเวณจุดตรวจในประเทศอิตาลี มีการลักลอบนำคนเข้าเมืองเป็นจำนวนมาก โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกันออกไป ทั้งซ่อนอยู่ในลังรถบรรทุก หรือไม่ก็มัดคนซ่อนอยู่ใต้ท้องรถเพื่อพาข้ามจุดตรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็พยายามเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่
 

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม