มนต์เสน่ห์ซีรีส์จีน ...ฟินกระจาย
2015-07-16 13:28:58
Advertisement
คลิก!!!

มนต์เสน่ห์ซีรีส์จีน ...ฟินกระจาย

เชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนผู้เขียนคือเคยติดซีรีส์จีนมาก่อนจะรู้จักซีรีส์เกาหลี... ความจริงแล้วซีรีส์จีนกับญี่ปุ่นนั้นเป็นที่ฮอตฮิทในบ้านเราก่อนที่ซีรีส์เกาหลีจะเข้าครองตลาดแทนที่เสียอีก แต่เมื่อทั้งซีรีส์จีนและญี่ปุ่นได้หลีกทางให้ซีรีส์เกาหลียึดพื้นที่ไว้นานแล้วก็ชักเริ่มถึงจุด”อิ่มตัว” มีบางคนเริ่มบ่นเบื่อพลอตซ้ำ มุขเก่า ในระยะหลังพระ- นาง หลายคู่ชักเริ่มมีการยูเทิร์นกลับมาร่วมงานกันอีก ทั้งที่เมื่อก่อนนักแสดงของเกาหลีไม่ค่อยได้มีโอกาสกลับมาแสดงซีรีส์ร่วมกันได้ง่าย ๆ ไม่เหมือนละครบ้านเราที่บทพระเอก-นางเอกเหมือนถูก”ผูกปิ่นโต” กันไว้เชียว...ขณะที่กระแสความนิยมดูซีรีส์เกาหลีในบ้านชักจะแผ่วลง ผู้เขียนก็พบว่าซีรีส์จีนที่เคยโดดเด่นและครองตลาดในบ้านเรามาก่อนกำลังมีการพัฒนาอย่างไม่ยอมหยุดนิ่ง  ไม่ว่าจะด้านแอ็คติ้งสมจริงเข้าถึงบทของนักแสดงที่ทั้งสวยและหล่อเป็นหมวย-ตี๋อินเตอร์มากขึ้น ด้านเทคนิควิธีการถ่ายทำ การนำเสนอด้วยภาพและมุมกล้องงาม ๆ  บทละครลึกซึ้ง เรียกว่าฟากจีนได้”พัฒนา”ผลงานโดยหยิบจับข้อดีข้อเด่นที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีประสบความสำเร็จมาบรรจุไว้ในซีรีส์จีนในหลาย ๆ เรื่อง ...

Battle of Changsha

ซีรีส์จีนเรื่องนี้มีความสมบูรณ์ครบทุกองค์ประกอบ มีบทละครเนื้อหากินใจ แม้จะเป็นซีรีส์แนวสงครามที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเผาเมืองฉางซาเมื่อครั้งญี่ปุ่นบุกจีนในช่วงปี 1938 ที่นอกจากให้ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์อันเลอค่าแล้วยังสอดแทรกแง่มุมอันงดงามของสถาบันครอบครัว ความรัก มิตรภาพ และ ความเสียสละ  เสน่ห์ของเรื่องก็ไม่ได้อยู่ที่พระเอก นางเอกของเรื่องเหมือนซีรีส์ทั่วไป แต่ Battle of Changsha ใช้ตัวละครทุกตัวจากครอบครัวหูเป็นตัวเดินเรื่องหลัก พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองฉางซาในภาวะสงคราม เมืองซึ่งเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองพันปี ... ผู้เขียนบทสร้างตัวละครทั้งหมดในเรื่องได้อย่างโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างกันไป ทำให้คนดูรักตัวละครนั้นได้แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวประกอบที่มีฉากเพียงไม่กี่ฉากแต่มีความสำคัญตราตรึงใจผู้ชม

นอกจาก บทละครดีแล้ว ความสมจริงของการถ่ายทำในแต่ละฉาก ไม่ว่าจะการจำลองฉากในสนามรบ ฉากการเผาเมืองฉางซาล้วนสมจริงเสมือนนำพาคนดูเข้าไปเผชิญหน้าอยู่ในสงครามพร้อมกันกับตัวละครด้วย... มุมกล้องที่โคสอัพภาพได้สวย ถ่ายทอดอารมณ์แต่ละซีนอย่างละเอียดอ่อนชัดเจนไม่ต่างจากมุมกล้องที่เราคุ้นตาจากการชมซีรีส์เกาหลีเชียว เรียกว่าเล่าเรื่องผ่านมุมกล้อง และเลือกใช้ภาพนิ่งมาถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดของตัวละครแทนบทสนทนาชนิดที่เรียกว่าแม้ในซีนที่มีเพียง”ความเงียบ” แต่คนดูกลับมองเห็น”ความเคลื่อนไหว” อยู่ในนั้น... Battle of Changsha แม้จะเป็นซีรีส์แนวสงครามที่เต็มไปด้วยเสียงระเบิด เสียงปืน ความเจ็บปวด น้ำตา และความตาย แต่ภาพที่นำเสนอแต่ละฉากล้วนอบอวลไปด้วยความโรแมนติก ลึกซึ้งชนิดที่ฝังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมยาวนาน...การันตีความซึ้งได้จากการที่ทีวีของจีนได้นำซีรีส์ความยาว 32 ตอนเรื่องนี้กลับมารีรันอีกครั้ง   

มีความเป็น”มืออาชีพ” ในการคัดสรรนักแสดง โดยเฉพาะการได้ฮั้วเจี้ยนหัว ( วอลเลซ ฮั้ว ) พระเอกนัยน์ตาโศกวัย 35 ปีผู้รับบทผู้พันกู้ชิงหมิง  ลูกชายของนักธุรกิจใหญ่ผู้มีอำนาจคอยสนับสนุนเงินให้นักการเมืองอย่างประธานเจียงไคเช็คในยุคนั้น  พ่อของเขาส่งเขาไปเรียนวิชาบริหารธุรกิจที่เยอรมันแต่กู้ชิงหมิงกลับแอบไปเรียนวิชาทหารแล้วมาประจำการที่เมืองฉางซา เขามีความปรารถนาอยากออกรบแนวหน้า แต่ด้วยอำนาจของพ่อ ทำให้เขากลายเป็นทหารที่ไม่เคยมีโอกาสได้ออกรบ ...เพื่อพาลูกชายออกจากสนามรบ พ่อจึงหาภรรยาให้เขา ทำให้เขาได้พบกับหูเซียงเซียง ซึ่งรับบทโดย หยางซี  นักแสดงหญิงซึ่งมีอายุเพียง 23 ปี อายุห่างจาก วอลเลซ ฮั้วมากแต่ด้วยฝีมือการแสดงระดับมืออาชีพของวอลเลซ ฮั้วผู้มีทักษะการแสดงออกด้วยสายตาขั้นเทพ กับความน่ารักแบบเด็ก ๆ ของ หยางซีจึงทำให้บทพระ-นาง ระหว่างหูเซียงเซียง กับ กู้ชิงหมิงนั้นดูดีเป็นธรรมชาติ  แล้วทุกฉากระหว่างผู้พันหนุ่มผู้เย็นชากับหูเซียงเซียงสาวน้อยแสนซนก็เต็มไปด้วยความหวานไหวอยู่ท่ามกลางสนามรบทีเดียว อีกทั้งผู้พันกู้ชิงหมิงนั้นมีความ ”หล่อทะลุขี้เถ้า” ได้ไม่พอ ...เขายังสื่อสารด้วยสายตาทะลุจอออกมาคุยกับคนดูได้ด้วยทำเอาคนดูฟินกระจาย ...นอกจากนั้นวอลเลซ ฮั้วกับ หยางซียังร้องเพลงประกอบซีรีส์ร่วมกันในบทเพลง I will remember you ซึ่งการให้พระเอกนางเอกได้ร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วยกันก็เป็นกลยุทธ์ของการโปรโมทที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจากซีรีส์ชาติไหน ๆ ก็ตาม...สุดท้ายแล้ว Battle of Changsha แม้จะมีเนื้อหาบางช่วงตอนให้รสขม แต่ในความขมก็มีความหวานละมุนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีในซีรีส์แนวสงคราม อิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้

“การเมืองเปลี่ยน อำนาจเปลี่ยน แต่สิ่งที่เราต้องรักษาไว้นั้นคือ “ครอบครัว” นั่น คือคำกล่าวของพ่อของผู้พันกู้ชิงหมิง ผู้พยายามอย่างที่สุดที่จะพาลูกชายออกจากสนามรบคืนกลับสู่ครอบครัว

ผมไม่ได้ต้องการไปเป็นทหารเพื่อจะไปพลีชีพ แต่ผมต้องการจะไปสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องบ้านเมือง เพราะการได้ปกป้องบ้านเมือง ก็คือการได้ปกป้องครอบครัว ...นั่นคือ เหตุผลอีกมุมของผู้พันกู้ชิงหมิง

เยี่ยมบ้านสกุลหู...นักสู้แห่งฉางซา

เสวจุนซาน เขยใหญ่ของบ้านสกุลหู เขาคืออีกตัวละครที่ทำให้คนดูหลงรักพอ ๆ กับการได้หลงเสน่ห์จากสายตาพูดได้ของกู้ชิงหมิง เพราะความ”แมน” ที่เสวจุนซานมีในมาดนายทหารนักเลงที่ดูห่าม ๆ ไร้การศึกษา แต่เรื่องรักภรรยา รักครอบครัว รักบริวารและรักบ้านเมืองเขามีเยอะกว่าใคร ...เขาไม่ได้มีเครื่องหมาย ”คนดี” ประดับไว้ที่หน้าผากแต่เขาเป็น ”คนดี”  โดย”เนื้อแท้” แล้วคนดีที่ว่านั้นเป็นอย่างไรนั้นมีคำอธิบายซ่อนไว้อย่างแยบคาบในบท”เสวจุนซาน”...

หูเซียงจุน  ลูกสาวคนโตของครอบครัวหู เธอเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ ที่เธอต้องการคนที่มั่นคงดั่งขุนเขามาอยู่เคียงข้างให้พึ่งพิง เพราะครอบครัวของเธอเต็มไปด้วยคนแก่ และน้อง ๆ ที่ยังเยาว์วัย นั่น เป็นเหตุผลที่เธอเลือกจะหันหลังให้แก่คนที่เธอรักแล้วยึดเสวจุนซานไว้พึ่งพิง แต่สุดท้ายแล้วเธอก็หลงรักพ่อขุนเขาของเธอสุดหัวใจ

หูเสี่ยวม่าน แฝดนรกของหูเซียงเซียง เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวหู ที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรัก ถูกตามอกตามใจ หูเสี่ยวม่านจึงเป็นลูกชายที่ไม่ได้เป็นผู้นำให้ครอบครัวได้ในยามสงคราม ทั้งยังคอยสร้างแต่ปัญหาซึ่งอาจด้วยวัยที่ยังเด็ก ความคิดอ่านและการกระทำจึงไร้เดียงสา มีความโง่เขลาไปบ้าง...กว่าหูเสี่ยวม่านจะ”เติบโต” เข้าใจโลก”ต้นกล้า”เล็ก ๆ อย่างหูเสี่ยวม่านก็ต้องผ่านเรื่องยาก ๆ มากมายจนกลายเป็นสงครามเปลี่ยนชีวิตเด็กหนุ่มคนนี้ไปเลย ... แม้หูเสี่ยวม่านจะไม่ได้ ”ดีพร้อม” แต่คนดูก็เกลียดเขาไม่ลงเช่นกัน

คุณย่า คุณพ่อ และคุณแม่ ผู้ใหญ่ทั้งสามของครอบครัวหู ผู้ถ่ายทอดให้คนดูเข้าใจถึงความหมายของคำว่า”ครอบครัว” อย่างแท้จริง โดยคนดูจะแตะต้องได้ถึงกลิ่นอายทางวัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนเมืองฉางซาที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครรุ่นใหญ่ทั้งสามผู้คอยประคับประคองครอบครัวให้พ้นผ่านเรื่องราวเลวร้ายระหว่างสงครามท่ามกลางรอยยิ้ม ความเจ็บปวดและน้ำตา โดยคุณย่าเป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งและเป็นผู้นำของบ้าน  ขณะที่คุณพ่อเป็นนักการศึกษาหัวอนุรักษ์นิยม จึงมีความคิดขัดแย้งกับเขยใหญ่อย่างเสวจุนซานอยู่ตลอด แต่พวกเขาต่างคือครอบครัวเดียวกันที่ สุดท้าย พวกเขาก็ไม่เคยมีใครยอมทอดทิ้งกัน

หลิวซิ่วซิ่ว พี่ชายหมอ(หลิวหมิงฮั่น) พยาบาลเจินฟง และเสียวตี้ ชีวิตของพวกเขาก็มีเรื่องราวที่สุดแสนจะบีบหัวใจคนดูให้เสียน้ำตา เพราะสงครามนำมาซึ่งความหายนะ มนุษย์เราแม้จะต้องพบกับภัยภิบัติจะสักกี่ครั้งก็ไม่เสียหายรุนแรงเท่าภัยจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง ... สุดท้ายคนดูก็ได้เรียนรู้ความเจ็บปวดจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมืองฉางซา จากซีรีส์สาระดีเรื่องนี้อย่างมากมาย

นอกจาก ซีรีส์แนวสงครามเรื่องเยี่ยมอย่าง Battle of Changsha ที่แทบจะหาข้อตำหนิไม่ได้เลยก็ยังมีซีรีส์อีกเรื่องที่สนุกไม่แพ้กันก็คือ My sunshine, หรือ You are my sunshine ซีรีส์แนวโรแมนติกที่มีพลอตง่าย ๆ เกี่ยวกับความรักของคู่หนุ่มสาวอย่างเหอยีเชิน กับ จ้าวมู่เฉิง ซึ่งทั้งคู่รักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยจ้าวมู่เฉิงคือคนไล่ตามกระเทาะเปลือกหัวใจที่ใส่กลอนไว้แน่นหนาของเหอยีเชินจนสำเร็จ  จนพ่อนักเรียนกฏหมายคนดังของมหาวิทยาลัยรักเธอ...แล้ว จู่ ๆ วันหนึ่งเธอก็ทิ้งเขาไปโดยปราศจากคำร่ำลา ทำให้เหอยีเชินทั้งโกรธและเกลียดเธอมาก  จนเวลาผ่านไป เธอเดินทางกลับมาเซี่ยงไฮ้ แล้วได้พบเหอยีเชินอีกครั้ง

พลอตเรื่องเบา ๆ ดูหวานละไม ไม่ซับซ้อน ไม่ได้มีสาระมากมายไปกว่าได้เสพนิยายรักสักเรื่องหนึ่ง ก็แน่ละ ซีรีส์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากนิยายรักออนไลน์ของกู่ม่าน ซึ่งโด่งดังมากในจีนเรื่อง Silence Separation ...โดย จงฮั่นเหลียง ( วอลเลซ จง ) รับบท เหอยีเชิน ผู้เคร่งขรึม เย็นชาแต่แอบซ่อนความหวานยิ่งกว่าน้ำตาลไว้ภายในให้คนดูต้องอายม้วนกันถ้วนหน้าอยู่หน้าจอ...  ขณะที่ ทิฟฟานี ถัง  นางเอกขายดีที่มีผลงานมากมายที่จีนในเวลานี้ ก็รับบท จ้าวมู่เฉิง หญิงสาวผู้แบกความเศร้ากับความสำนึกผิดไว้ทั้งชีวิตแต่หัวใจและความรักที่มีให้เหอยีเชินนั้น ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ...เสน่ห์ของเรื่องนี้อีกอย่างคือนางเอกไม่งอแงให้คนดูหงุดหงิด คนดูจึงรักเธอเหมือนที่ทนายเหอยีเชิน นั้นก็”โคตรรัก” เธอเลย

แม้บทละครเรื่องนี้จะไม่ได้สมบูรณ์มาก มีบางปมที่ผูกไว้แต่คลี่คลายไม่กระจ่างนักจนบางคนนึกอยากอ่านเวอร์ชั่นนิยายบ้าง แต่น่าเสียดายที่นิยายเรื่องดังของกู่ม่านเรื่องนี้ไม่ได้มีคนนำมาแปลขายเหมือนนิยายจีนเรื่องดังเรื่องอื่น ๆ ที่มีวางขายเต็มแผงหนังสือบ้านเรา... และถึงแม้บทละครจะมีช่องโหว่วบ้างแต่ด้วยความที่บทพระ-นาง ที่ วอลเลซ จง กับ ทิฟฟานี ถัง รับบทนั้นดูมีเคมีเข้ากันเหลือเกิน ทั้งฉากสวย ดนตรีเพราะ และมีเพลงประกอบซีรีส์ที่วอลเลซ จง ขับร้องด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของเขาก็ทำให้ผู้ชายหน้าเข้มคมคนนี้ดูหล่อฟรุ้งฟริ้งทีเดียวทั้งที่ก็อายุจริงก็ปาเข้าไป40 ปีแล้วนะ You are my sunshine มีการเล่าเรื่องย้อนไปในวัยอดีตอย่างละเมียดละไมสลับกับเหตุการณ์ในปัจจุบันเพื่อค่อย ๆ อธิบายให้คนดูเข้าใจเหตุผลของการจากไปโดยไม่ร่ำลาของจ้าวมู่เฉิง แล้วคลี่คลายบรรยากาศของความรัก”อ้ำอึ้ง” เปิดหัวใจของพระเอก นางเอก ได้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู จน You are my sunshine กลายเป็นซีรีส์เรื่องที่ดูจบแล้วต้องบอกต่อนะ !...

เอาเป็นว่า ถ้าใครแอบรู้สึกเบื่อซีรีส์พลอตซ้ำแล้วต้องการหนีความจำเจจากฟากเกาหลีแล้วจะตีตั๋วเครื่องบินไปพักร้อนที่เมืองจีนบ้างก็ได้อรรถรถที่แปลกเปลี่ยนไปอีกแบบนะ เพราะยังมีซีรีส์จีนอีกหลายเรื่องรอคนดูมาเข้าคิวฟินอย่างต่อเนื่องแม้ผู้เขียนจะไม่ได้หยิบยกมาพูดถึงไว้ก็เถอะ  แต่สองเรื่องที่ผู้เขียนนำมากล่าวถึงนั้นก็ขอการันตีในความมันส์ว่า ทั้ง You are my sunshine กับ Battle of Changsha  ไม่ทำให้คนดูผิดหวังแน่ แค่เรื่องหลังอาจทำให้ต้องเสียน้ำตาแทบหมดตัว ก็เท่านั้นเอง ...

 

เรื่องโดย  ราดหน้า

http://www.popcornfor2.com/

 
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X