ใครบ้างล่ะจะไม่ต้องการชีวิตรัก หรือความสัมพันธ์ที่ราบรื่น มีความสุขแบบสุดๆ ไปตลอดที่คบ-ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน หากแต่บางทีอาจมีบางสิ่งที่คุณทำอย่างหลบๆ ซ่อนๆ หรือปิดบังไว้ ซึ่งนั่นกำลังทำร้ายคนที่คุณรัก และทำลายความสัมพันธ์ที่กำลังไปได้สวยโดยที่คุณไม่รู้ตัวอยู่ก็ได้ สัปดาห์นี้ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปส่อง 4 ข้อเด็ด ที่สามารถทำลาย 'ความสุขในชีวิตคู่' ของคุณ … หากคุณไม่ระวังไว้ให้ดี !

1. แฮงก์เอาต์บ่อยเกินเหตุ


ไม่ว่าคุณจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ คุณก็ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างนะ เพราะคงไม่มีใครชอบหรอกที่ปล่อยให้แฟนไปเที่ยว-แฮงก์เอาต์กับเพื่อนๆ บ่อยขนาดนั้น ถึงคุณจะอยากรีแลกซ์ สนุกกับเพื่อนๆ บ้างก็เถอะ แต่ยังไงคุณก็ควรจะมีลิมิต เช่น อย่างมากที่สุดอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง หรือแม้แต่บางครั้ง คุณจะบอกรักแฟนคุณมากแค่ไหน หรือบอกให้แฟนคุณเชื่อใจคุณมากแค่ไหนก็ตาม แต่แน่นอนว่าพอคุณไปเจอแสงสีล่อใจ-สิ่งยั่วยวนข้างนอก มันก็ทำให้คุณไขว้เขวหลงทางได้อยู่ดี คุณอาจจะเจอสาวสวยมากมาย หรือหนุ่มๆ ชวนคุณมานั่งดริงก์ด้วยกัน ในขณะที่แฟนคุณกำลังเป็นห่วง รอโทรศัพท์จากคุณอย่างกระวนกระวาย และกลัวว่าคุณจะเจอใครคนใหม่ที่น่าสนใจกว่า (พอเห็นภาพไหมล่ะ)

ลองคิดดูนะ หากคุณยังทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ (ติดเที่ยว รักสนุกอยู่แต่กับเพื่อน) มันจะบั่นทอนจิตใจ และค่อยๆ ทำลายความเชื่อใจที่แฟนคุณมีให้คุณได้มากแค่ไหนกัน แฮงก์เอาต์เป็นครั้งคราวยังพอเข้าใจได้ แต่ถ้านานๆ ไป และบ่อยครั้งขึ้น เห็นทีก็ไม่มีแฟนคนไหนรับไหวหรอกนะ ทางที่ดีเบรกแพลนเที่ยวต่างๆ ของคุณไว้ก่อน แล้วหันมาให้ความสำคัญกับแฟนคุณให้มากขึ้นจะดีกว่า และที่สำคัญจงจำไว้ว่า "การประนีประนอม คือ กุญแจสำหรับความสัมพันธ์ยั่งยืน" !!

เป็นธรรมดาที่ต้องเจอสิ่งยั่วยวนใจ !

2. เคลียร์ความสัมพันธ์ไม่จบกับ 'แฟนเก่า'

หากความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนเก่าไม่โอเค และคุย-เคลียร์กันเท่าไรก็ไม่จบลงสักที คุณรู้ไหมว่า ปัญหาคาราคาซังนี้อาจส่งผลกระทบต่อแฟนคนใหม่ที่จะเข้ามาหาคุณได้ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังเริ่มคุย เริ่มศึกษา สานความสัมพันธ์กับ (ว่าที่) แฟนคนใหม่อยู่นั้น แต่พอลับหลังเขา คุณกลับยังคงเคลียร์กับแฟนเก่าไม่จบสิ้น แถมยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ในบางครั้งคุณก็เผลอพูดเรื่องแฟนเก่าของคุณต่อหน้าเขาซะงั้น (ถึงจะพูดในทางลบก็เถอะ) แบบนี้มีหวังความสัมพันธ์คงไปไม่ไกลถึงดั่งฝันแน่ ต่อให้คุณอยากจะเดินหน้าสะกิดหัวใจแฟนคนใหม่สุดๆ แค่ไหนก็ตาม ก็คุณเล่นตัดปัญหากับแฟนเก่าไม่ได้ เคลียร์กันไม่ลงตัวสักทีน่ะสิ นำความสัมพันธ์ในอดีตที่เลวร้าย และปัจจุบันที่กำลังไปได้ดีมาพัวพันให้วุ่นวาย แล้วแบบนี้จะให้ (ว่าที่) แฟนใหม่คุณรู้สึกยังไงล่ะ … จริงไหม ?

ป.ล. หากคุณอยากมี 'ชีวิตรัก' และ 'ความสัมพันธ์ที่สวยงาม' กับแฟนคนใหม่ คุณก็ต้องเคลียร์ทางเดินของคุณเอง ปล่อยอดีตผ่านไป เด็ดขาด และอย่าหันกลับไปมอง-ดึงมันขึ้นมาสร้างความไม่เข้าใจให้คุณและแฟนใหม่ ...

เคลียร์ความสัมพันธ์ไม่จบกับ แฟนเก่า สักที ...

3. รีบเร่งในความสัมพันธ์

"ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม" คุณเคยได้ยินสำนวนนี้ไหม ฉะนั้นอะไรที่เร่งรีบเกินไปก็ใช่ว่ามันจะดีหรอกนะ ยิ่งในเรื่องของ 'ความรู้สึก' 'ความสัมพันธ์' และ 'ความมั่นคง' ด้วยแล้ว มันจะดีกว่าหากคุณค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ผิดหรอกถ้าบางคนอยากจะแต่งงาน สร้างครอบครัว โยงใจสองเราด้วยแหวนหมั้น หรือวางแผนที่จะมีลูกน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ ในอนาคตร่วมกันแล้ว แต่ทว่าคุณยังไม่พร้อมทั้งในเรื่องการเงิน ด้วยทัศนคติที่ยังไม่ตรงกันของคุณสองคนเอง ความคิดเห็นที่ยังต่างกันเหมือนอยู่คนละเส้นทาง แล้วแบบนี้การหมั้น และการอยู่ร่วมกันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ …

หากคุณฝืน และรีบเร่งที่จะอยู่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันไม่โอเคเอาซะเลย-ไม่มีอะไรเข้ากันสักอย่าง ฟันธงได้เลยว่า อีกไม่นานมันจะทำลายความสุขในชีวิตคู่ของคุณไปเรื่อยๆ และทำให้คุณคอนเวิร์สเลิกรากันในที่สุด (ด้วยความไม่เข้าใจ) … บางทีแล้วการที่คุณค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้ใจกันไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนะเออ !

ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ในความสัมพันธ์ดีกว่าเนอะ ><

4. วางแผนแก้เผ็ดแฟนของคุณ


มันคงฟังดูรบกวนจิตใจคุณไม่น้อยเลย หากแฟนของคุณจะขอไปแฮงก์เอาต์กับเพื่อน (อีกแล้ว…) ซึ่งจริงๆ ก็รู้ดีว่า แฟนคุณแอบมีแผนคลุมเครืออย่างอื่นซ่อนอยู่ ! แน่ล่ะ มีเหรอที่คุณจะไม่เอาคืน ทริกแก้เผ็ดเบาๆ ที่คุณเคยใช้ ก็อย่างเช่น อาจโทรไปบอกแฟนคุณเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ให้เขารู้สึกกังวลใจเล่น ส่วนคุณก็แค่รออยู่บ้านสบายๆ ให้เขาโทรกลับมาด้วยความร้อนรน แค่สักประมาณ 3-4 สาย แล้วค่อยรับสายจากแฟนคุณ ด้วยเหตุผลที่ว่า 'คุณไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์จากเขา' ถ้าคราวนี้แฟนคุณยังเที่ยวด้วยความสนุกโดยไม่สนใจคุณอยู่ คุณก็ใช้แผนการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปจู่โจมได้เลย และไม้ตายของคุณเนี่ยแหละจะทำให้เขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง/ความผิดปกติของคุณเอง …

อย่างไรก็ตามแต่ หากคุณแก้เผ็ดแฟนของคุณ และเขาไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยสักนิด อันนี้คุณคงต้องเคลียร์กับเขาตรงๆ แล้วล่ะ เพราะไม่งั้นนานไป มันจะเก็บเป็นปัญหาสะสม และทำลายความสัมพันธ์ที่ก่อร่างกันมานานของคุณได้ ในทางกลับกัน ถ้าแฟนคุณรับรู้ และสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปของคุณ เขาจะได้รับบทเรียน และแอ็กทีฟตัวเองมากขึ้น-วางแพลนใช้เวลาร่วมกับคุณมากกว่าเดิม เชื่อสิ !

ที่มา : womenshealthmag.com

ขอขอบคุณที่มา  ไทยรัฐออนไลน์