ความจริงเกี่ยวกับ สิว รู้แล้วจะได้ไม่กลุ้มใจเกินเหตุ
2012-06-23 20:13:51
Advertisement
คลิก!!!
สิว


ความจริงเกี่ยวกับ ‘สิว' รู้แล้วจะได้ไม่กลุ้มใจเกินเหตุ (มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค)

"สิว" แม้จะไม่ใช่โรคอันตรายร้ายแรงแต่กลับมีผลต่อจิตใจไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กวัยรุ่น ทำให้ความมั่นใจในตัวเองลดลง มีความรู้สึกกดดัน หงุดหงิดง่าย และไม่อยากเข้าสังคม

หลายคนที่คิดว่าสิวเกิดมาจากสุขอนามัยที่ไม่ค่อยสะอาดของตัวเอง ก็มักจะล้างหน้าบ่อย ๆ และถูผิวหน้าแรง ๆ นั่นจะยิ่งทำให้ผิวหน้าระคายเคืองและตามมาด้วยสิวอักเสบ วิธีที่ดีที่สุดคือล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนละมุน ซับให้ผิวแห้ง และรักษาสิวโดยทางการแพทย์

หลายคนก็คิดว่า สิวเกิดจากการรับประทานอาหารที่มันและหวาน เช่น อาหารทอด ช็อคโกแลต เป็นต้น ความจริงอาหารเหล่านี้ไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดสิว ความเครียดจากชีวิตประจำวันก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการก่อให้เกิดสิวเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามผู้ที่ใช้ยาลดความเครียด ตัวยาที่ใช้อาจมีผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดสิวด้วยซ้ำไป

ความจริงสิวจัดได้ว่าเป็นโรคทางเครื่องสำอาง(Cosmetic Disease) ที่ไม่อันตราย แต่หากดูแลไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดแผลเป็นบนใบหน้าตลอดไปได้เช่นกัน

ต้นเหตุของสิวในวัยรุ่นเกิดจากสาเหตุหลักคือฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังขยายตัวและทำงานมากขึ้นโดยมีการสร้างน้ำมันซีบุ้มหลั่งออกมาที่ผิวหนังมากขึ้น

ขณะเดียวกันฮอร์โมนดังกล่าวก็จะกระตุ้นให้เซลผิวหนังบริเวณรูขุมขนผลัดเซลทิ้งเร็วขึ้น ทำให้เซลเก่าที่หลุดลอกออกมารวมตัวกับน้ำมันซีบุ้มไปอุดตันรูขุมขน นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนังคือ พีแอคเน่ (P.Acne) แทรกเข้าไปในรูขุมขน ซึ่งจะเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วในสภาวะดังกล่าว ผู้ที่เป็นสิวจึงมักพบว่าสิวจะเห่อขึ้นทั่วใบหน้าอย่างรวดเร็วในเวลาสั้น ๆ โดยหลักการแพทย์ สิวทุกชนิดสามารถรักษาให้หายได้ ในระยะเวลาไม่นาน และไม่ควรเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้า

คำแนะนำทั่วไปสำหรับดูแลผิวหน้าที่มีสิว

1. ห้ามบีบแกะหัวสิวเพราะจะทำให้เกิดอักเสบและทิ้งรอยแผลไว้ได้ ควรให้แพทย์ที่มีเครื่องมือพร้อมในการทำ

2. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ซับให้แห้ง ห้ามล้างหน้าและถูผิวหน้าแรง ๆ จะทำให้สิวรุนแรงจนอักเสบได้ และวิธีนี้ไม่มีทางรักษาสิวให้หายได้

3. ใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดที่ปราศจากสารก่อสิว ข้อนี้คงต้องหมั่นศึกษาจากเอกสารที่เผยแพร่ทั่วไปหรือสอบถามข้อมูลจากนักวิชาการฯ หรือ อย.

4. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย เช่น เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด สระผมให้สะอาดอยู่เสมอ สบู่ก้อนที่ใช้ร่วมกันในห้องน้ำอาจเป็นสื่อนำเชื้อแบคทีเรียมาสู่ผิวหนัาได้ง่ายที่สุด ควรแยกใช้เป็นของส่วนตัวจะถูกสุขอนามัยกว่า

5. เมื่อเริ่มใช้ยารักษาสิว ควรให้โอกาสยาออกฤทธิ์สักระยะหนึ่ง ไม่ควรเปลี่ยนยาหรือผลิตภัณฑ์เร็วเกินไปก่อนเห็นผล อาจสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรผู้จ่ายยาว่าระยะเวลาที่เห็นผลนานแค่ไหน

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X