หยุดความอ่อนเยาว์ให้ยาวนาน
2012-06-23 16:14:39
Advertisement
คลิก!!!



หยุดความอ่อนเยาว์ให้ยาวนาน (Lisa)


ความชราไม่เคยมาเยือนช้าเกินไปสำหรับใครก็ตาม มันมักจะมาเร็วกว่าที่คิดอยู่เสมอ

ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่ต้องคอยคิดค้นพัฒนาวิธีการแก้ปัญหานี้ แม้จะรู้ว่านาฬิกาชีวภาพในตัวคุณจะไม่สามารถหมุนย้อนกลับได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เดินได้ช้าลง

ทำไมคนเราถึงแก่ลง การแก่ตัวนั้นเป็นกระบวนการอย่างหนึ่งซึ่งมีผลจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากอาหารอารมณ์ พันธุกรรม และอิทธิพลจากภายนอก เซลล์ร่างกายไม่ใช่ว่าจะแบ่งตัวได้โดยไม่รู้จบ แต่มีขีดจำกัด จึงมีความพยายาม ที่จะค้นคว้าวิจัยเพื่อให้ร่างกายได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ปัญหาก็คือ หากต้องการให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องปกป้องและซ่อมแซมผิวไปพร้อมกัน

ปกป้องผิวให้อ่อนเยาว์

สำหรับการปกป้องผิวนั้น ต้องอาศัยเกราะอันอ่อนนุ่มเพื่อป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลตัวร้ายที่เกิดขึ้นจากกระบวนการเมตาโบลิซึ่มตามธรรมชาติ และปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวี มลภาวะของสภาพแวดล้อมและนิโคติน อนุมูลอิสระจะเข้าไปจับตัวกับเซลล์ ทำให้เซลล์นั้นไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ ศัตรูของอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็คือ วิตามินเอและอี ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เครื่องสำอางสมัยใหม่จึงใช้วิตามินเหล่านี้ เป็นตัวปกป้องผิว หลักการทำงานนี้จะหลอกให้เซลล์เข้าใจผิดไปว่ามันมีอายุน้อยลงสิบปี จึงช่วยให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

การแก้ปัญหาอีกจุดหนึ่งอยู่ที่ฮอร์โมนซึ่งเป็นสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเมตาโบลิซึมทั้งหมดในร่างกาย ต่อมต่าง ๆ จะผลิตฮอร์โมนขึ้นแล้วลำเลียงไปตามเส้นเลือด เพื่อไปยังจุดหมายที่ต้องการ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายผลิตฮอร์โมนน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอยบนผิว และร่างกายจะเก็บสะสมไขมันแทนที่จะนำไปสร้างเป็นกล้ามเนื้อ วิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ก็คือการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาระดับฮอร์โมนให้คงเดิม

หยุดยั้งความชราด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์

ในสหรัฐฯ นั้น ฮอร์โมนชนิดเม็ดสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ แต่ที่จริงแล้วการรับประทานมากเกินไปอาจจะส่งผลร้ายต่อกระบวนการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติได้ ฮอร์โมนบางตัวถ้ากินต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทเครื่องสำอางจึงหันมาใช้ไฟโตฮอร์โมนพืช ที่แม้จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าฮอร์โมนทั่วไป แต่ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ

นักวิจัยต่างลงความเห็นว่า ไฟโตเอสโตรเจนจะเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต แน่นอนว่าโครงการนี้เพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้น ยังต้องมีการศึกษาต่อไปเกี่ยวกับการทดลองใช้ DHEA (Dehydroepiandrosteron) โดย DHEA ช่วยรักษาความยืดหยุ่นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเป็นฮอร์โมนธรรมชาติซึ่งผลิตขึ้นในต่อมหมวกไต และเป็นตัวกำหนดให้มีการสร้างเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) และเทสโทสเตอโรน (ฮอร์โมนเพศชาย) อย่างเหมาะสม

โดยจะมีการผลิตฮอร์โมนสูงสุดจนถึงอายุ 25 ปี หลังจากนั้นจะลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่ออายุ 80 ปี ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเพียง 5 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณฮอร์โมนสูงสุดที่เคยผลิตได้ การรับประทานฮอร์โมนสูงสุดที่เคยผลิตได้ การรับประทาน DHEA สังเคราะห์ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าเช่นเดิมแถมยังช่วยให้ภูมิต้านทานสูงขึ้นด้วย และจะแก่ช้าลง


การทำงานของสารช่วยเสริมความเยาว์วัย

ในช่วงแรกของการค้นพบ DHEA ในปี ค.ศ. 1934 นั้นไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่าของสารตัวนี้เท่าไหร่นัก คงเพราะยังไม่ทราบหน้าที่และการทำงานแน่นอน จนถึงปี ค.ศ. 1995 ดร.วิลเลียม เรเกลสัน นักวิจัยฮอร์โมนและเนื้องอกชาวอเมริกัน ได้นำเสนอวิทยานิพนธ์อันน่าสนใจเกี่ยวกับ DHEA ในเวทีระดับโลก โดยชี้ให้เห็นว่าหากรับประทานเมลาโทนิน (ควบคุมโดยจังหวะการหลับและตื่นของร่างกาย) และ DHEA จะทำให้มีอายุยืนยาวกว่าเดิม ซึ่งอาจมากถึง 30 ปี ตั้งแต่นั้นมาชาวอเมริกันก็เชื่อว่า DHEA เป็นอาวุธที่ต่อสู้กับความชราได้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของอเมริกัน อนุญาตให้จำหน่าย DHEA เป็นอาหารเสริมได้

จากการทดลองในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยที่ผู้เข้าร่วมทดลองแต่ละคนไม่ทราบว่าตนรับประทานอะไร เมื่อตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ที่รับประทาน DHEA จะมีสุขภาพกายใจ พละกำลัง และระบบไหลเวียนดีขึ้น ผู้ที่เข้าร่วมทดสอบจำนวนมากเห็นว่า ฮอร์โมนนี้มีผลให้ตนเองเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น และยังรู้สึกจิตใจสบายขึ้นอีกด้วย ร่างกายของคนเรานั้นถูกควบคุมโดยฮอร์โมนในสัดส่วนสูง ยิ่งมีฮอร์โมนไหลเวียนในร่างกายน้อยเท่าไหร่ กระบวนการเผาผลาญและการสร้างเซลล์ก็จะช้าลงเท่านั้น

ในประเทศเยอรมนี มีการศึกษาเรื่องวิตามิน พบว่า เรตินอลและวิตามินเอบริสุทธิ์ จะช่วยบำรุงผิวได้ดีมาก เพราะทำให้ผิวไม่แห้ง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย ผิวที่แก่ก่อนวัยจะเนียนละเอียดและสดใสขึ้นยิ่ง เมื่อทำงานร่วมกับ วิตามินซี ก็ยิ่งได้ผลดีขึ้น


ศาสตราจารย์โมทิชเคอ นักวิจัยแห่งบริษัท มาเบิร์ต ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องสำอางและเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ค้นพบสารใหม่ได้แก่ เอคโตอิน (Ectoin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้แบคทีเรียในเกลือทะเลเติบโตได้แม้ในสภาวะที่ไม่เหมาะสม จากผลการทดสอบพบว่า สารนี้ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงดีขึ้น และจะมีครีมที่มีส่วนผสมของสารชนิดนี้วางขายทั่วโลกในไม่ช้า

และเมื่อถึงเวลานั้นเราคงมีวิธีปกป้องความชราที่น่าสนใจเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X