สิ้นตำนาน Bee Gees : สู่สุคติ โรบิน กิ๊บบ์
2012-05-23 00:50:32
Advertisement
คลิก!!!

18 เดือนนับตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดลำไส้ ด้วยสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกัน โรบิน กิ๊บบ์ หนึ่งในสมาชิกวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดวงหนึ่งของสหราชอาณาจักร Bee Gees ที่ถูกพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ และ ตับ เสียชีวิตแล้วในวัย 62 ปี
โรบิน ไม่เหงา เขาไม่ได้จากไปอย่างเดียวดาย เขาจากไปโดยมี ดวิน่า ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก และทายาททั้งลูกชาย โรบิน-จอห์น และลูกสาว เมลิสซ่า อยู่ดูใจจนถึงที่สุดข้างๆ เตียงในโรงพยาบาลเชลซี ขณะที่ แบร์รี่ พี่ชายและสมาชิกร่วมวง Bee Gees ที่ให้กำลังใจน้องมาตลอดช่วงเวลาที่แสนสาหัส คร่ำครวญอย่างสุดเศร้าข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เนื่องจากเขาเพิ่งบินกลับไปอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้เอง
ถ้อยแถลงสั้นๆ ของครอบครัว ระบุว่า ''วันที่ 20 พฤษภาคม 2012 เวลา 10.46 น. ครอบครัวของ โรบิน กิ๊บบ์ แห่ง บี จีส์ ขอประกาศด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า โรบิน ได้จากเราไปแล้ววันนี้หลังการต่อสู้กับโรคมะเร็งและการผ่าตัดลำไส้มาอย่างยาวนาน ครอบครัวอยากขอให้เคารพต่อความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาที่แสนยากลำบากนี้''
ดวงตาแวววาวเบื้องหลังแว่นตาทรงกลม หลับไปตลอดกาล โรบิน กิ๊บบ์ เกิดที่ Isle of Man เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 1949 ก่อนที่ มัวริซ แฝดน้องของเขาจะคลานตามออกมาในอีก 35 นาทีให้หลัง เขาไม่ได้เกิดมาในคริบครัวที่ร่ำรวย (พี่น้อง 5 คน) ครอบครัวของเขาย้ายครั้งแรกมาอยู่ที่ ชอร์ลตัน-คัม-ฮาร์ดี้ ย่านชานเมืองแมนเชสเตอร์ จากนั้นก็อพยพไป บริสเบน, ออสเตรเลีย ในปี 1958 พวกเขา 3 พี่น้อง แบร์รี่, โรบิน และ มัวริซ ซ้อมร้องประสานเสียงกันในห้องน้ำชายที่ห้างฯ จอห์น ลูอิส
Bee Gees กลายเป็นศิลปินเด็กที่มีชื่อเสียงและมีเพลงฮิตเพลงแรก The Battle of the Blue and Grey ที่พวกเขาแสดงออกทีวีปี 1963 แต่ดนตรีของ Bee Gees ประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อครอบครัวของพวกเขาย้ายกลับมาอังกฤษ ปี 1967 และมี Massachusetts เป็นเพลงแรกที่ฮิตติดอันดับ 1 ชาร์ตเพลงยูเค ด้วยยอดขายกว่า 5 ล้านก็อปปี้ ในปีนั้น โรบิน และ มอลลี่ ฮูลลิส คู่หมั้น รอดตายจากอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่ ไฮเธอร์ กรีน ซึ่งมีคนเสียชีวิตไป 49 คน ... พวกเขาคนแต่งงานกันในปีถัดมา
โรบิน เคยแยกตัวออกจาก Bee Gees แต่ตัดสินใตจกลับมาร่วมวงอีกครั้ง ก่อนยุคที่ 2 แห่งความสำเร็จจากเพลงประกอบภาพยนตร์ Saturday Night Fever ปี 1977 และแม้ชีวิตแต่งงานจะล้มเหลว แต่ปี 1985 โรบิน ได้พบผู้หญิงที่อยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย ... ดวิน่า เมอร์ฟี่ พวกเขามีลูกชายด้วยกันคือ โรบิน จอห์น (อาร์เจ)
ปี 2002 โรบินและพี่น้อง ได้รับเครื่องราชฯ ชั้นซีบีอี แต่พวกเขาสูญเสีย มัวริซ ให้โรคมะเร็งในปีถัดมา ขณะที่ในปีสุดท้ายของตัวเอง โรบิน และ อาร์เจ ลูกชาย ได้ช่วยกันทำงานดนตรีคลาสสิกชื่อ Titanic Requiem และมันคืองานน่าทึ่งที่น่าจดจำชิ้นสุดท้ายของเขา ในฐานะสมาชิกของวงดนตรีที่เป็นที่รู้จักจากทรงผม, ชุดรัดติ้วสีขาวและเสียงร้องประสานแหลมสูง ที่ได้รับการบรรจุชื่อเข้าหอเกียรติยศทั้งในแง่ศิลปินอย่าง Rock and Roll Hall of Fame และนักแต่งเพลงคือ Songwriters Hall of Fame
นอกจาก มัวริซ ที่หัวใจวายตายหลังการผ่าตัดลำไส้ ปี 2003 แล้ว เขามีน้องอีกคนคือ แอนดี้ ที่ลาโลกจากโคเคนในวัย 30 ปี เมื่อปี 1988 และ โรบิน ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนมีนาคมว่า ''บางครั้งผมก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าความทุกข์ยากทั้งหมดทั้งหมดที่ครอบครัวของผมต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการจากไปตั้งแต่อายุน้อยๆ ของ แอนดี้ และ มัวริซ ตลอดจนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงที่ผ่านๆ มา มันอาจเป็นการชดใช้กรรมจากการมีชื่อเสียงและความสำเร็จที่เราได้รับมา''
เมื่อคืนที่แล้ว พอล กัมบาชชินี่ ดีเจชื่อดังของอังกฤษ ยกย่อง โรบิน ว่าเป็น ''หนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์วงการดนตรีอังกฤษ'' และยกย่องวง 3 พี่น้องว่าเป็นนักแต่งเพลงที่ดีที่สุดอันดับสองรองจาก Beatles เท่านั้น
''ทุกคนควรรับรู้ว่าในแง่ของความเป็นนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จของวงการเพลงอังกฤษแล้ว Bee Gees เป็นรองเพียง เลนน่อน กับ แม็คคาร์ทนี่ย์ เท่านั้น ความสำเร็จของพวกเขามันมหาศาลมาก พวกเขาไม่เพียงแค่แต่งเพลงฮิตอันดับ 1 ของตัวเองเท่านั้น แต่พวกเขายังแต่งเพลงฮิตให้กับ บาร์บรา สตรัยแซนด์, ไดอาน่า รอสส์, ดิออน วอร์วิค, เซลีน ดิออน, Destiny's Child, ดอลลี่ พาร์ตัน, เคนนี่ โรเจอร์ส และอื่นๆ อีกเพียบ''
สำหรับ โรบิน กิ๊บบ์ แล้วนี่คือบุคคลที่ กัมบาชชินี่ ยกให้เป็น ''หนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการเพลงอังกฤษและผมหมายถึงแบบตลอดกาลด้วย ผมไม่ได้หมายถึงแต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือในยุคของดนตรีร็อก อะไรทำนองนั้น ผมหมายถึงตลอดกาล เขา, แบร์รี่ และ มัวริซ แต่งเพลงฮิตอันรดับ 1 ถึง 23 เพลง พวกเขาเป็นนักแต่งเพลงกลุ่มเดียวที่มีเพลงฮิตอันดับ 1 ตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขามีอัลบั้ม 1 ตลอดกาลอย่าง Saturday Night Fever''
ขณะที่ ไมค์ รีด นักโทรทัศน์และเพื่อนของพวกเขาสะกดอารมณ์ขณะพูดถึงเพื่อนอย่างอาลัยว่า โรบิน มีเสียงที่น่าทึ่งและพรสวรรค์ระดับนี้หาไม่ได้อีกแล้ว ''โรบิน มีเสียงที่น่าทึ่งและเป็นนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่ เขามีมันสมองที่สามารถสร้างเมโลดี้สวยงาม ผมดีใจจริงๆ ที่ได้มีโอกาสทำงานกับเขา เขามีพรสวรรค์ด้านเมโลดี้, การแต่งเพลง เขาจากไปโดยทิ้งเอาไว้ซึ่งความเป็นตำนานและปรากฏการณ์''
หลังจากสู้กับโรคมะเร็งแบบถึงพริกถึงขิงด้วยพลังใจแห่งการมีชีวิตที่น่าทึ่ง โรบิน เจออุปสรรคครั้งใหญ่จากการโดนโรคปอดแทรกซ้อนในเดือนเมษายนและเขาถูกคาดหมายว่า คงมีชีวิตรอดอีกไม่กี่วัน แต่เขาช็อกหมอด้วยการฟื้นตัวจากอาการโคม่าอย่างน่าทึ่งถึงขนาดสามารถสื่อสารกับครอบครัวของตัวเองได้ พวกเขาช่วยการร้องเพลงให้เขาฟัง และ ดวิน่า บอกว่า สามีของเธอร้องไห้เมื่อเธอร้องเพลง Crying ของ รอย ออร์บิสัน
ตอนนั้น คุณหมอ แอนดรูว์ ทิลลายนายะกัม แห่ง อิมพีเรียล คอลเลจ, ลอนดอน บอกว่า ''โรบิน เอาชนะโชคชะตามาได้ด้วยความเด็ดเดี่ยว, พลังใจที่เข้มแข็งและความอึดที่น่าเหลือเชื่อของร่างกาย อนาคตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้แต่ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ดูแลบุคคลที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้'' ถึงกระนั้น แม้ฟื้นจากโคม่ามาได้ แต่ โรบิน ไม่สามารถพูดได้ เขาติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนๆ ด้วยอุปกรณ์ที่ต่อเข้าที่คอของเขา
"หลับอย่างสงบ โรบิน กิ๊บบ์ ขอบคุณสำหรับงานดนตรี'' โซนี่ มิวสิก ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ทวีตเตอร์อาลัยสั้นๆ แต่ได้ความหมาย ขณะที่ ไบรอัน แม็คฟานเด้น อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ Westlife กล่าวว่า ''สู่สุขคติ โรบิน กิ๊บบ์ หวังจริงๆ ว่าตอนนี้คุณคงได้อยู่อย่างสงบแล้ว''
จอห์น เพรสค็อตต์ อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า ''เพิ่งจะทราบข่าวของ โรบิน กิ๊บบ์, เพื่อนที่ดี นักดนตรีชั้นยอดและบุคคลที่ทำให้เราอยากเป็น ทราโวลต้า!'' ด้าน ไบรอัน อดัมส์ ร็อกเกอร์แหบเสน่ห์ชาวแคนาเดียน อาลัยว่า ''โรบิน กิ๊บบ์ ขอให้สู่สุขติ เศร้ามากที่นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ต้องมาจากไปก่อนวัยอันควรอีกแล้ว'' คำอาลัยถึงเขามีมามากมายไม่ขาดสาย ทั้ง มิค ฮัคแนลล์ แห่ง Simply Red, แดนนี่ มิน็อก, เกลน พาวเวอร์ แห่ง The Script ตลอดจน Duran Duran ตำนานวงร็อกยุคเอจตี้
ครั้งหนึ่ง โรบิน เคยบอกว่าดนตรีช่วยเขาจากการมีชีวิตอาชญากรรมและเขาไม่โกหก ช่วงที่ครอบครัวเขาย้ายไป แมนเชสเตอร์ โรบิน กับ แบร์รี่ จัดเป็นเจ้าหนูจอมขโมย ครั้งหนึ่ง มัวริซ บอกว่า โรบิน เคยขนาดจุดไฟเผาป้ายมาแล้ว แต่ยังดีที่ 3 พี่น้องคนโตแห่งตระกูลหลงใหลในดนตรี ''โลกจริงมันจริงไปหน่อย เราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตปกติ เราจะอยากสร้างโลกแห่งเวทมนต์ โลกของเรา 3 คน เราสามคนเหมือนคนๆ เดียว และเราทำสิ่งที่เราต้องการทำ นั่นคือ ดนตรีและมันกลายเป็นความหลงใหล''
สามพี่น้องเริ่มต้นแสดงใน แมนเชสเตอร์ แต่มาเริ่มเข้าที่เข้าทางตอนย้ายไป ออสเตรเลีย ปี 1958 ซึ่งการแสดงของพวกเขาเริ่มต้นตั้งแต่บนเรือที่พาพวกเขาไปด้วยซ้ำ! พวกเขาทั้งสามคนในนาม Rattlesnakes และต่อมา Wee Johnny Hayes & the Bluecasts ได้รับการสนับสนุนจากพ่อฮิวจ์ (แม่บาร์บาร่า) ในการพาตระเวนไปออกรายการวิทยุและทีวี ก่อนดีเจที่ชื่อ บิล เกตส์ จะตั้งชื่อให้พวกเขาว่า Bee Gees
พวกเขาลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่วัยรุ่นและเริ่มปล่อยซิงเกิลออกมาในปี 1963 ขณะที่อัลบั้มแรก ''The Bee Gees Sing and Play 14 Barry Gibb Songs'' ปล่อยออกมาในปี 1965 โดยมีเพลงฮิตเพลงแรกคือ ''Spicks and Specks'' ปี 1996 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าพวกเขาจะกลับมา อังกฤษ ในปีเดียวกัน ซึ่งพวกเขาเซ็นสัญญากับ โรเบิร์ต สติกวู้ด ที่ทำงานให้ ไบรัน เอปสตไน์ แห่ง NEMS ซึ่งดูแล Beatles อยู่ จากนั้นปี 1967 พวกเขาเซ็นสัญญากับ Polydor Records ใน อังกฤษ และกับ Atco ใน อเมริกาและกระหน่ำมีเพลงฮิตทันที ตั้งแต่ ''New York Mining Disaster 1941'', ''To Love Somebody'' , ''Holiday'' , ''Massachusetts'' และ ''Words.''
แต่ในวงก็มีความขัดแย้งในการสร้างสรรค์งานและทำให้ โรบิน ออกจากวงหลังอัลบั้ม ''Odessa'' ปี 1969 และเขาออกอัลบั้มเดี่ยว ''Robin s Reign'' มีเพลง ''Saved By the Bell'' ฮิตติดอันดับ 2 ยูเค แต่ปีเดียวเท่านั้น โรบิน ก็กลับมาร่วมวงใหม่และ Bee Gees เดินหน้าด้วยเพลงฮิต ''Lonely Days'', ''How Can You Mend a Broken Heart'' (เพลงแรกที่ขึ้นอันดับ 1 ใน อเมริกา), ''My World'' และ ''Run to Me''
ปี 1974 พวกเขาทำงานกับโปรดิวเซอร์ อารีฟ มาร์ดิน ในอัลบั้ม ''Mr. Natural'' ที่เปลี่ยนแนวมาทำสไตล์ R&B ขณะที่อัลบั้มถัด ''Main Course'' ทำให้พวกเขากลายเป็นวงขวัญใจชาวดิสโก้ ด้วยซิงเกิลฮิตอย่าง ''Jive Talkin'' และ ''Nights on Broadway'' ต่อเนื่องด้วยอัลบั้มซาวด์แทร็กภาพยนตร์ ''Saturday Night Fever'' ปี 1977 ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นปรากฎการณ์แห่งวงการเพลงป็อป ครองอันดับ 1 บิลบอร์ด นาน 25 สัปดาห์ระหว่างเดือนธันวาคม 1977 ถึง สิงหาคม 1978 และมันกลายเป็นอัลบั้มที่ชายดีสุดอันดับ 4 โดยแม้ปี 1978 จะโดน ''Sgt. Pepper s Lonely Hearts Club Band'' งานของ Beatles มาแย่งซีน แต่พวกเขาก็กลับมาทวงความยิ่งใหญ่คือด้วยอัลบั้มอันดับหนึ่ง ''Spirits Having Flown''
หลังการสูญเสีย มัวริซ ทำให้ทั้ง โรบิน และ แบร์รี่ ตัดสินใจแขวนชื่อ Bee Gees เพื่อเป็นเกียรติและหันมาเน้นการทำงานตามเส้นทางของแต่ละคนแทน อย่าง โรบิน เขามีอัลบั้มเดี่ยว ''Magnet'' ปี 2002 รวมถึง ''My Favourite Christmas Carols'' ปี 2006 นอกจากนี้เขายังแสดงเดี่ยวเป็นครั้งคราวและปี 2011 เขากลับมายิ่งใหญ่บนชาร์ตเพลงอีกครั้งจากการร่วมแจมกับ The Soldiers (กลุ่มวงดนตรีของนายทหาร 3 คน) คัฟเวอร์เพลง ''I ve Gotta Get a Message to You'' ของ Bee Gees เอง
แต่สองพี่น้องก็ยังขึ้นแสดงในนามของ Bee Gees ในวาระพิเศษต่าง อย่างงานระดมทุนเพื่อสถาบันวิจัยโรคเบาหวาน (Diabetes Research Institute) ของมหาวิทยาลัยไมอามี่ ไปจนถึงงานคอนเสิร์ต Prince s Trust 30th Birthday Concert ที่ลอนดอน (ปี 2006 ทั้งสองงาน) นอกจากนี้พวกเขายังไปออกรายการ ''Dancing With the Stars'' ของสถานทีเอบีซี และ ''Strictly Come Dancing'' ของ บีบีซี ด้วยกัน
ย้อนไปเดือนเมษายนที่ โรบิน โคม่าจากการแทรกซ้อนของโรคปอด คุณหมอถามเขาว่า เขาต้องการให้หมอทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยชีวิตเขาหรือเขารู้สึกว่า เมื่อถึงเวลาต้องไปก็ต้องไป พอก็คือพอ ซึ่งคำตอบจากปากของยอดนักสู้คนนี้คือ ''จะไม่มีวันถึงเวลาที่พอแล้วก็คือพอ ผมอยากจะมีชีวิตต่อไป'' บางทีนี่อาจเป็นประโยคที่เราทุกคนควรตระหนักและเก็บเอาไว้กระตุ้นตัวเองให้รู้ว่า ชีวิตมันมีค่ามากขนาดนั้นแหละ
http://www.siamdara.com
onlyfans leaked xxx onlyfans leaked videos xnxx 2022 filme porno filme porno
.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X