บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) บริษัทยานยนต์อันดับหนึ่งของสหรัฐฯ เปิดเผยวานนี้ (15 พ.ค.)ว่า บริษัทจะถอนโฆษณาออกจากเฟซบุ๊ก แม้ว่าเฟซบุ๊กจะเตรียมเข้าตลาดหุ้นในเร็ววันนี้ก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าโฆษณามีผลต่อผู้บริโภคน้อยมาก

การตัดสินใจครั้งนี้ของจีเอ็ม ซึ่งลงทุนในด้านโฆษณามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ในกลยุทธิ์ของเฟซบุ๊ก และยิ่งสร้างความสงสัยที่ว่า การลงโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กได้ผลมากกว่าตามช่องทางปกติหรือไม่

วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีเอ็มจ่ายค่า"ปรากฏโฉม"ในเฟซบุ๊กราว 40 ล้านดอลลาร์ แต่แบ่งจ่ายเป็นค่าโฆษณาราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 310 ล้านบาท) และค่าการตลาดผ่านเฟซบุ๊กอีก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 930 ล้านบาท) โฆษกจีเอ็มกล่าวว่า กำลังปรับประเมินการโฆษณาในเฟซบุ๊ก แต่จะยังคงใช้การตลาดผ่านเฟซบุ๊กต่อไปด้วยการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับยานยนต์และตราจีเอ็มผ่านหน้าเฟซบุ๊ก

ด้านฟอร์ด มอเตอร์ กล่าวว่า จะยังคงโฆษณาในเฟซบุ๊กต่อไป เพื่อนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆให้แก่ผู้บริโภค และอาจมีการเพิ่มงบประมาณในอนาคต โดยฟอร์ดใช้งบประมาณทางการตลาดราว 20% ในสื่อดิจิตอลและโซเชียลมีเดีย โดยเมื่อช่วงการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ผ่านมา ฟอร์ดใช้งบประมาณไปถึง 3.5 ล้านดอลลาร์ ในการยิงสป็อตโฆษณาความยาว 30 วินาที

เรื่องนี้ถือเป็นข่าวไม่ดีนักสำหรับเฟซบุ๊กที่เตรียมเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในวันศุกร์นี้ โดยตั้งเป้าว่าจะระดมทุนได้ราว 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.1 ล้านล้านบาท) ขณะเดียวกันนักการตลาดรายอื่นก็กำลังตั้งข้อสงสัยถึงความคุ้มค่าของการโฆษณาในเฟซบุ๊ก แม้ว่าเฟซบุ๊กมีสมาชิกจำนวนมากและส่วนใหญ่ใช้เวลาในเฟซบุ๊กค่อนข้างมากก็ตาม

กันทาร์มีเดีย บริษัทประเมินการใช้สื่อเผยว่า จีเอ็มเป็นผู้โฆษณาในเฟซบุ๊กรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ปีที่แล้วใช้จ่ายไป 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 55,800 ล้านบาท) ด้านเวิร์ดสตรีม บริษัทผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์ชี้ว่า โฆษณาในกูเกิล เสิร์ชเอ็นจินรายใหญ่มีคนคลิกเข้าไปดูมากกว่าโฆษณาในเฟซบุ๊กถึง 10 เท่า นอกจากนี้กูเกิลยังนำเสนอรูปแบบการโฆษณามากกว่าเฟซบุ๊ก 2 เท่าคือมีทั้งวิดีโอและเกมในโทรศัพท์เคลื่อนที่