สัมภาษณ์ เฉินหลง แอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาลของเอเชีย ใน Chinese Zodiac !!(มงคลภาพยนตร์)

         เฉินหลง แอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งตลอดกาลของเอเชีย กลับมาตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ ในChinese Zodiac หนังแอ็คชั่น-ผจญภัย-ตลก ตามแบบฉบับของตัวเอง เรื่องราวของ เจซี (เฉินหลง) นักผจญภัยที่ต้องออกเดินทางรอบโลก เพื่อตามหาหัวรูปปั้นทองแดงของ 12 นักษัตร ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกทวีป หลังจากที่ถูกขโมยไปจากพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่ง ตั้งแต่เมื่อศตวรรษที่แล้ว

         เพื่อให้สมกับหนังแอ็คชั่นส่งท้ายปี 2012 เฉินหลงก็ได้ทุ่มทุนสร้างสุดยิ่งใหญ่กว่า 300 ล้านหยวน และรับหน้าที่ทั้ง กำกับ / อำนวยการสร้าง / เขียนบท และแสดงนำ วันนี้แอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่ง ที่ฝากผลงานแอ็คชั่นคลาสสิคมานานกว่า 5 ทศวรรษ ก็ได้พูดถึงประสบการณ์ในการสร้าง CZ12 และเส้นทางของเขาก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้

อะไรคือจุดเริ่มต้นของ Chinese Zodiac มันมีความเป็นมายังไง?

         มันเริ่มต้นจากที่ผมต้องเดินทางรอบโลกตลอดเวลา ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มากมาย และผมก็สังเกตเห็นของโบราณจากประเทศจีนที่ถูกขนมายุโรปตั้งแต่อดีต และผมก็ได้ไปงานประมูลของโบราณ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีหัวรูปปั้นทองแดงของ 12 นักษัตร ที่มีอายุประมาณ 150 ปี ผมจำได้ว่ามันเริ่มประมูลที่ครึ่งล้านเหรียญ สุดท้ายแล้วมันก็ไปที่มูลค่าถึงสิบล้าน ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน และไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของคือใคร ตอนนี้มันเหลืออยู่ในโลกเพียงแค่ 7 หัว และอีก 5 หัวก็หายสาบสูญไป ผมจึงเอาความสงสัยมาเป็นแรงบันดาลใจกับเรื่องราวในหนัง ซึ่งผมก็ใช้เวลากว่า 7 ปี ในการหาโลเคชั่นที่เหมาะสม สุดท้ายแล้วพวกเราก็ได้ไปถ่ายทำทั้งในปารีส, ลัตเวีย, วานูอาตู, ออสเตรเลีย, ไต้หวัน, เซี่ยงไฮ้, ฮ่องกง และปักกิ่ง

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณทำหนังแอ็คชั่นเรื่องนี้?

         ผมอยากกลับไปสู่รากเหง้าของหนังแอ็คชั่นสไตล์เฉินหลง ซึ่งนอกจาก Police Story แล้ว ผมคิดว่า Armour of God คือแฟรนไชส์หนังที่ผมอยากกลับไปสานต่อมากที่สุด เรื่องราวของนักล่าสมบัติที่ต้องออกเดินทางรอบโลกเพื่อหาวัตถุโบราณล้ำค่า มันคือ Indiana Jones ในสไตล์ของผม และก็อยากทำให้คนดูนึกถึงหนังเรื่องเก่า ๆ ของผม ที่มีทั้งฉากแอ็คชั่นมันหยด อารมณ์ขันแบบนอนสต๊อป และการเสี่ยงตายแบบไม่ใช้สตั้นท์ มันถึงช่วงเวลาที่ผมต้องสร้างมัน เพราะปีนี้ผมก็อายุ 58 แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองยังไหวแค่ไหนในการทำอะไรแบบนี้

ช่วยพูดถึงการไปถ่ายทำในฝรั่งเศสหน่อย?

          ผมรู้สึกดีใจมากที่ทางรัฐบาลฝรั่งเศสอนุญาตให้เราเข้ามาถ่ายทำทั้งที่ปารีสและพระราชวังฌองติลลี ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรมของโลก และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเราได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายทำในตัวพิพิธภัณฑ์ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมกลับมาถ่ายทำในฝรั่งเศสนับตั้งแต่ Rush Hour 3 ซึ่งคุณก็จะได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คุณรู้จัก เฉินหลง ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดร่มจากที่สูง การปีนป่ายไปตามอาคาร คิวบู๊เฉพาะหน้ากับบรรดาหน่วยรักษาความปลอดภัย รวมถึงฉากขับรถไล่ล่าในตอนท้ายด้วย

แล้วจากตัวอย่างที่คุณใส่ชุดที่มีล้อติดอยู่ทั้งตัวล่ะ ช่วยพูดถึงมันหน่อย?

          มันเป็นชุดที่ออกแบบมาเพื่อไถลด้วยความเร็วสูง ผมเห็นชุดนี้ในยูทูบซึ่งเมื่อเห็นผมก็ต้องการที่จะนำมันมาใช้ใน CZ12 ทันที และพบว่ามันเหมาะกับถ่ายทำในลัตเวียที่มีถนนพาดไปตามภูเขา ซึ่งการใส่ชุดนี้ไถลไปตามพื้นก็ถือว่ายากแล้ว แต่ผมยังต้องมีคิวบู๊ควบคู่กันไปด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเขาทำกัน มันเป็นฉากสตันท์ที่อันตรายมากที่สุดน โดยเฉพาะการที่ผมต้องสไลด์ตัวลงไปใต้ท้องรถในขณะที่กำลังแล่นอยู่ โดยผมต้องพยายามรักษาความสมดุลของร่างกาย ไม่เช่นนั้นตัวเองก็อาจถูกล้อรถทับ มันเป็นสิ่งที่น่ากดดันมากที่สุด เพราะผมไม่ใช่ซูเปอร์แมน แต่ผมก็ตั้งใจที่จะถ่ายทำฉากนั้นให้ได้

Chinese Zodiac มีนักแสดงสมทบชื่อดังอย่างซูเปอร์สตาร์เกาหลี ควอนซังวู รวมถึง จางหลานซิง ที่เคยเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติจีน และเคยเป็นแชมป์ระดับนานาชาติ ปี 2004 มาแล้ว ช่วยพูดถึงเธอหน่อย

          ผมคิดว่า จางหลานซิน เป็นแอ็คชั่นสตาร์หญิงที่เก่งที่สุด นับตั้งแต่ที่ผมเคยร่วมงานกับ มิเชล โหยว มาสมัย วิ่งสู้ฟัด 3 ผมคิดว่ามีนักแสดงหญิงในวงการหนังจีนอยู่ไม่กี่คน ที่แสดงฉากแอ็คชั่นเองได้ และยังมีรูปร่างที่สูงใหญ่ (177 ซม.) เธอมีแขนขาที่ยาวและคล่องแคล่ว ซึ่งผมก็ได้นำเอาจุดเด่นมาสร้างคิวบู๊ที่น่าตื่นเต้นที่สุด และที่สำคัญเธอก็ยังอึดมากอีกด้วย ผมเห็นรูปในมือถือของเธอที่มีเลือดคั่งในหัวเข่า ซึ่งผมก็ไม่รู้มาก่อนเลยในช่วงที่ถ่ายทำ เพราะถ้ารู้ผมก็คงไม่ปล่อยให้เธอถ่ายทำแน่ ๆ เธอเข้มแข็งจริง ๆ

ช่วยเล่าถึงเรื่องราวฮา ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างถ่ายทำหน่อย?

          ถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ถ้าได้รู้จักผมคุณก็จะรู้ว่าผมเป็นคนขี้บ่น มีครั้งหนึ่งในตอนที่เราไปถ่ายทำในลัตเวีย ผมส่ง SMS ไปหา เหยาซิงตง (หนึ่งในทีมนักแสดง) บ่นถึงเรื่องสภาพอากาศที่หนาวเย็นและอาการปวดเนื้อปวดตัว เธอส่งกลับมาหาผมว่า "คุณคือใคร?"  ผมก็เลยตอบเธอกลับไปว่า "นี่คือนักแสดงนำ, ผู้กำกับ, ผู้ออกแบบคิวบู๊, ผู้อำนวยการสร้าง และเป็นหนึ่งที่ไม่มีใครเหมือน คุณลองดูแผ่นหลัง ทรงผม และจมูกของผู้ชายคนนั้นสิ แถมเขายังเป็นนักร้องเสียงดีอีกด้วย!" ผมคิดว่าเธอยังเก็บ SMS อันนั้นเอาไว้ในเครื่องนะ (หัวเราะ)

คุณอยู่ในแวดวงหนังแอ็คชั่นมานาน คุณคิดว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงบ้างไหม?

          แน่นอนครับ ก็อย่างที่พวกคุณเห็นในปัจจุบัน คุณมีแค่กล้องตัวเล็ก ๆ หรือมือถือก็สามารถทำหนังได้แล้ว ตอนที่ผมไปแสดงหนังฮอลลีวูดแรก ๆ ผมเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้กำกับและนักแสดงทำงานง่ายขึ้น หรือตอนที่ผมดูเบื้องหลังของหนังอย่างสไปเดอร์แมนหรือแบทแมน ผมก็นึกว่า "ว้าว ทำไมเมื่อก่อนมันไม่มีอะไรแบบนี้บ้างนะ?" เอฟเฟกต์ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น มันช่วยให้คุณเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้โดยไม่ต้องพยายาม นั่นคือแนวทางของหนังแอ็คชั่นในปัจจุบัน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ผมลืมไปแล้วว่าตัวเองกระดูกหักไปกี่ส่วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกโชคดีที่ตัวเองยังมีชีวิต และก็คิดว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมมีตัวตนจนถึงทุกวันนี้

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคุณต้องการวางมือจากการแสดงหนังแอ็คชั่น ช่วยพูดถึงมันหน่อย?

          ผมจำได้ว่าตอนที่ไปสัมภาษณ์ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ผมบอกพวกเขาว่า Chinese Zodiac  คือหนังแอ็คชั่นสเกลใหญ่เรื่องสุดท้ายของผม วันรุ่งขึ้นทั้งโลกก็ลงข่าวว่าผมวางมือจากหนังแอ็คชั่น ไม่... มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย นี่ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นเรื่องสุดท้ายของผม ผมยังชื่นชอบและต้องการแสดงในหนังแอ็คชั่น หนังที่มีฉากสตั้นท์ การต่อสู้ และเรื่องราวที่เข้มข้น แต่ก็จะไม่ใช่หนังแบบที่ผมต้องกระโดดจากตึก หรือฉากสตั้นท์ที่เสี่ยงตายขนาดนั้นอีกแล้ว ผมอยู่ในวงการหนังมา 52 ปี ผมรู้ว่าตัวเองยังไหวอยู่ แต่ผมก็ต้องดูแลร่างกายตัวเอง ผมไม่อยากลงเอยด้วยการเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต

แต่การที่คุณกล้าที่จะเสี่ยงตายในหนัง ทำให้คุณมีแฟนที่ติดตามผลงานอย่างเหนียวแน่น

          ใช่ครับ อย่างที่บอกว่าเทคโนโลยีนั้นสามารถทำให้ทุกคนเป็นซูเปอร์แมนได้ แต่ผมก็เลือกทำในสิ่งที่ใครไม่ต้องการเลียนแบบ ผมโชคดีที่ตัวเองมีแนวทางที่ทุกคนชื่นชอบและจดจำได้ และผมยังมีชีวิตรอดจากการทำเรื่องเสี่ยงตายตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็อย่างที่ผมบอก นี่คือหนังแอ็คชั่นสเกลใหญ่เรื่องสุดท้ายของผม เพราะผมต้องดูแลตัวเองบ้างแล้ว

คุณอยากจะพูดอะไรกับแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานของคุณไหม?

          ผมอยากขอบคุณแฟน ๆ ทั้งโลกตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาสนับสนุนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิ ที่ผมก่อตั้ง พวกเขาก็บริจาคเงินหรือสิ่งของเครื่องใช้ หรือหนังเรื่องไหนที่ผมลองทำสิ่งที่แตกต่าง พวกเขาก็เต็มใจที่จะเปิดรับ มันไม่น่าเชื่อที่จะมีกลุ่มแฟน ๆ ติดตามคุณมานานหลายสิบปี และก็เป็นเพราะพวกเขาที่ทำให้ผมแสดงหนังจนถึงบัดนี้ เพราะขอสารภาพว่าผมเหนื่อยมากกับ 50 ปีในหนังแอ็คชั่น การต้องต่อสู้และเจ็บตัวตลอดเวลา นี่คือแนวทางที่ผมทำเพื่อตอบแทนพวกเขา

สุดท้ายนี้คุณมีคำแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากเป็นแอ็คชั่นสตาร์แบบคุณไหม?

          สิ่งแรกเลยคุณต้องรู้พื้นฐานการต่อสู้ และก็ไม่ใช่เพียงแค่สไตล์เดียว คุณต้องเรียนรู้การต่อสู้ในทุกสไตล์ คาราเต้ ยูโด มวยไทย กังฟู เทควันโด้ ทุกสิ่งทุกอย่าง และก็รวมถึงยิมนาสติกด้วย ไม่ใช่แค่เรียนรู้อย่างเดียว คุณจะต้องนำจุดเด่นของแต่ละสไตล์มาใช้ในการแสดงคิวบู๊ในหนัง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการแสดง เพราะทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้ในเรื่องการแสดงอยู่เลย และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการร้องเพลง เพราะไม่ใช่แอ็คชั่นสตาร์ทุกคนที่จะร้องเพลงได้ดีเหมือนผม (หัวเราะ)

ขอขอบข้อมูลและภาพประกอบจาก