เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สหมงคลฟิล์ม 

            นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชี้ วธ. ไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งให้โรงภาพยนตร์ตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าชม จันดารา ซ้ำคำสั่งดังกล่าวยังถือว่าผิดกฎหมาย เพราะขัดต่อ พ.ร.บ. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2555

            หลัง นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มีคำสั่งให้โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชม จันดารา เนื่องจากมีหน่วยงานต่าง ๆ ร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเนื้อหาเรื่องเพศรุนแรง จึงห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมนั้น

            ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ได้วิเคราะห์ถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่นายสมชายได้มอบหมายให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม แจ้งไปยังโรงฉายทั่วประเทศให้เข้มงวดเรื่องการตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชมก่อนทุกครั้ง โดยห้ามเด็ก และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจไม่ตรงกับบทบัญญัติของกฎหมายภาพยนตร์ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันได้แก่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ม.26 ที่ระบุว่า การจัดเรตติ้งภาพยนตร์ไทยนั้น แบ่ง 7 ประเภท ได้แก่

 1. ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และควรส่งเสริมให้มีการดู
 2. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป
 3. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบสามปีขึ้นไป
 4. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป
 5. ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีขึ้นไป
 6. ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีดู
 7. ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร

            โดยจะเห็นว่าข้อ 1 - 5 จะใช้คำว่า ‘เหมาะสม’ ซึ่งหมายถึงจะต้องใช้วิจารณญาณในการชม และอาจต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง แต่ไม่ได้ห้ามเสียทีเดียว ขณะที่ข้อ 6 - 7 ใช้คำว่า ‘ห้าม’ หมายถึง ให้เว้นกระทำหรือไม่ให้ทำตามที่กำหนดไว้ ดังนั้นแสดงว่า วธ. ไม่มีอำนาจในการสั่งตรวจบัตรประชาชนผู้เข้าชม ‘จันดารา’ เพราะจัดอยู่ในเรตติ้ง 18+

            ขณะที่การตรวจบัตรประชาชนของผู้เข้าชมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องเกิดขึ้นกับภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ชมเท่านั้น ทั้งนี้ พ.ร.บ. ดังกล่าวยังให้สิทธิผู้ชมที่อายุไม่ถึง 20 ปี แต่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรสสามารถเข้าชมได้ด้วย ซึ่งทาง กอล์ฟ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ได้ออกมากล่าวว่า นายสมชาย อาจยังไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างละเอียดก่อนออกคำสั่งบังคับ ทำให้คำสั่งดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ชมภาพยนตร์ ที่สำคัญการร้องเรียนที่หลายฝ่ายกล่าวอ้างนั้น ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่า จันดารา สร้างผลกระทบต่อสังคมไทย

            กอล์ฟ ธัญญ์วาริน กล่าวต่อว่า ความจริงการจัดเรตติ้งภาพยนตร์ เพื่อกำกับดูแลมาตรฐานภาพยนตร์นั้น มีกฎหมาย ระบุไว้ชัดเจนแล้ว แต่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กลับไม่สร้างความเข้าใจต่อสังคม ประกอบกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้ศึกษากฎหมายก่อนใช้ จึงยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และหันมาโทษผู้ผลิตแทน

            ดังนั้นจึงเสนอให้ วธ. ระงับคำสั่งตรวจบัตรประชาชน แต่ให้ใช้การขับเคลื่อนภาคประชาสังคมผ่านการรณรงค์ หรือจัดเวทีเสวนา เพราะอำนาจหน้าที่ของ วธ. คือ การชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจกฎหมายฉบับนี้อย่างตรงกัน ไม่ใช่ใช้อำนาจเพื่อออกคำสั่งตรวจบัตรประชาชนของผู้ชมภาพยนตร์ เนื่องจาก วธ. ไม่ได้เป็นตำรวจทางวัฒนธรรมตามที่หลายคนเข้าใจ

            สำหรับการนำเสนอฉากวาบหวิวในภาพยนตร์นั้น กอล์ฟ ธัญญ์วาริน เห็นว่าผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการชี้แนะบุตรหลานว่าเหมาะสมที่จะดูหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายได้ระบุชัดเจนถึงเกณฑ์อายุที่เหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตามสังคมไทยยังคิดว่าการเรียนรู้เรื่องเพศเป็นสิ่งน่าอับอาย ทำให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้ผิด ๆ กันเอง จนเกิดปัญหาสังคมตามมา ดังนั้นทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญด้านการศึกษาเรื่องเพศ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาต้นเหตุมากกว่าการคอยจับผิดฉากวาบหวิวในภาพยนตร์ โดยเฉพาะสื่ออินเทอร์เน็ตที่น่ากลัวกว่า เพราะมีการเผยแพร่หนังโป๊โดยไร้การควบคุม และเข้าถึงง่ายในกลุ่มเยาวชน ซึ่งผู้ปกครองมักไม่ใส่ใจในการดูแลบุตรหลาน

            อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอิศรา ได้ทำการตรวจสอบจำนวนผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในการฉายภาพยนตร์เรื่องจันดารา จากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสายด่วนวัฒนธรรม 1765 (24 กันยายน 2555) โดยพบว่า มีผู้ร้องเรียนเพียง 1 ราย นอกเหนือจากเครือข่ายเฝ้าระวังสื่อภาคประชาชนที่มีการกล่าวอ้าง

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สำนักข่าวอิศรา