ครูฝึกสอนไอดอลแสดงความคิดเห็นของเขาต่อประเด็นความขัดแย้งของวง FIFTY FIFTY
2023-07-08 09:05:47
Advertisement
คลิก!!!

อินจีอุง (In Ji Woong) ครูฝึกสอนไอดอลเคป็อปได้ออกมาแชร์ข้อมูลวงในและมุมมองของเขาต่อประเด็นขัดแย้งของวง FIFTY FIFTY 

วันที่ 6 กรกฎาคม อินจีอุง ได้ร่วมพูดคุยกับรายการ News1 Entertainment TV ถึงประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับวงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ FIFTY FIFTY เขาสรุปเรื่องนี้ว่า

“วงนี้มีต้นสังกัดอยู่แล้ว แต่อาจจะมีโปรดิวเซอร์นอกค่ายที่มาบอกพวกเธอว่า ‘ถึงแม้พวกคุณจะได้รับความนิยม แต่ถ้าอยู่ในบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่าง’ พอสมาชิกในวงรู้สึกแบบนั้น พวกเธอก็จะไปบอกบริษัทที่ดีอยู่แล้วของพวกเธอว่า ‘เราอยากจะยกเลิกสัญญา’” 

 

อินจีอุงเล่าว่าเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก-กลางที่จะได้รับการลงทุน และต้องใช้เงินจำนวนมากในการสร้างวงไอดอล ผู้ฝึกสอนไอดอลบอกว่า

“มีไอดอลไม่กี่วงที่จะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น ซีอีโอของ (ATTRAKT) คงจะรู้สึกแบบนี่เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขา แต่เขากลับถูกแทงข้างหลังโดยคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด”


“โปรดิวเซอร์ที่เข้ามายุสมาชิกในวงคงคิดว่าเรื่องนี้คงจะเงียบหายไปถ้าวงนี้ปล่อยเพลงดีๆออกมาอีก แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น”


อินจีอุงเดาว่าเรื่องนี้จะบานปลายยิ่งกว่าประเด็นเรื่อง HYBE-Kakao-อีซูมาน-SM Entertainment เสียอีก


อินจีอุงยังได้พูดถึงเรื่องค่าจ้างที่สมาชิกวง FIFTY FIFTY พูดถึง ในระหว่างการพิจารณาคดีเพื่อขอระงับสัญญาของวงกับ ATTRAKT สมาชิกในวงบอกว่า ‘ข้อมูลเรื่องบัญชีไม่โปร่งใส’ และบอกว่าพวกเธอไม่ได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมเมื่อเปรียบเทียบกับความสำเร็จของตัวเอง
 

อย่างไรก็ตาม เพลง Cupid เป็นเพลงเดียวของวงที่กลายเป็นไวรัล และวงก็เพิ่งเดบิวต์ได้เพียง 200 วัน ดังนั้นสมาชิกในวงยังไม่ได้ไปถึงจุดที่พวกเธอจะได้รับค่าตอบแทนเพราะบริษัทต้องหักเงินที่ลงทุนไปกับการฝึกและดูแลพวกเธอก่อน

 

เขาได้อธิบายเพิ่มเติมว่ากำไรจากซิงเกิ้ลดิจิตอลแค่เพลงเดียวคงไม่ได้มากนัก 

“คอนเสิร์ต, ของที่ระลึก, อัลบั้ม คือแหล่งที่มาของกำไรจริงๆ เพราะอัลบั้ม 1 แผ่น มีราคาอย่างน้อย 10,000 วอน (ประมาณ 270 บาท) แต่สำหรับเพลงดิจิตอลมันยากที่จะคำนวนกำไรที่ได้จากการเปิดฟังเพลง 1 ครั้ง การทำเพลง 1 เพลงต้องมีผู้เกี่ยวข้องเท่าไหร่? มันจะถูกแบ่งไปให้โปรดิวเซอร์, วงดนตรี, นักแต่งเพลง และคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นคงไมได้กำไรมาก ถึงแม้จะติดชาร์ต Billboard ก็ตาม สมาชิกวงนี้ไมได้ทำกำไรจากทางอื่นเลยเพราะพวกเธอไม่มีกิจกรรมอื่นนอกจากเพลงดิจิตอล”
 

อินจินอุงยังได้เล่าเรื่องต้นทุนที่ใช้ในการทำวง FIFTY FIFTY จากข้อมูลที่ จอนฮงจุน ซีอีโอของ ATTRAKT เปิดเผย สมาชิกวง FIFTY FIFTY ได้รับการสนับสนุนการเรียนร้องเพลง, ทฤษฏีดนตรี, แร็ป, เต้น, ภาษาอังกฤษ, ฟิสเนส รวมไปถึงการแสดง ค่าเรียนทั้งหมดรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 810,000 บาท ต่อเดือน


จากข้อมูลของจอนฮงจุน อินจินอุงบอกว่าซีอีโอใช้เงินในระดับเดียวกันกับที่บริษัทใหญ่ใช้กับเด็กฝึกหัดของตัวเอง เขาอธิบายว่า

“การที่บริษัทขนาดเล็ก-กลางใช้เงินสำหรับทำ MV ไป 1 พันล้านวอน (ประมาณ 27 ล้านบาท) ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาใช้เงินมากกว่าบริษัท (ขนาดเล็ก-กลาง) อื่นๆถึง 3-4 เท่า เงินจำนวน 1 พันล้านวอนนี้มักจะใช้ลงทุนสำหรับไอดอลที่เป็นที่รู้จักดีแล้ว” 

 

ครูฝึกสอนไอดอลยังบอกอีกว่า

“สมาชิกในวงได้รับการสอนส่วนตัวในชั้นเรียนที่จำเป็นต่อการทำงานในวงการ และมีบริษัทขนาดเล็ก-กลางน้อยมากที่จัดการเรื่องคลาสเรียนส่วนตัวนี้ให้ได้ในเกาหลี” 

“ผมคิดว่านั่นไม่ใช่การดูแลของวงที่เพิ่งจะเดบิวต์ [ซีอีโอ] ทุ่มเงินจำนวนมากจริงๆ ผมเชื่อว่ามันไม่สมเหตุสมผลที่ [สมาชิกในวง] บอกกับศาลเพื่อขอคำสั่งระงับชั่วคราวว่า ‘พวกเขาได้รับการดูแลที่ไม่เหมาะสม’” 

 

อินจีอุงบอกว่า

“พวกเธอสามารถกลายเป็น BTS เวอร์ชั่นผู้หญิงได้เลย เพราะเรื่องราวของพวกเธอคล้ายกับ BTS”

 

เขาอธิบายต่อ

“BTS เริ่มต้นจากความลำบากเช่นกัน และการร่วมมือกันกับ (ค่ายเล็กๆ) ทำให้พวกเขายิ่งใหญ่ คนเกาหลี จริงๆก็คนทั่วโลก มีเหตุผลที่พวกเขาชื่นชอบคนดัง เพราะพวกเขาชอบเรื่องราวเบื้องหลังของคนดังเหล่านั้น ถ้าพวกเธอร่วมมือกับ (บริษัท) พวกเธอคงไปได้ดีกว่านี้ ผมรู้สึกเหมือนพวกเธอตาบอดไปชั่ววูบเพราะความโลภ” 

 

อินจีอุงแสดงความคิดเห็นของเขาว่า ATTRAKT จะผ่านเรื่องนี้ไปอย่างไรว่า

“พวกเขาต้องทิ้งสมาชิกทุกคนให้หมด และเริ่มทำ FIFTY FIFTY ซีซั่น 2 เพราะว่าตอนนี้หน้าตาสมาชิกยังไม่เป็นที่รู้จักมาก มีแค่เพลงที่เป็นที่รู้จัก วง FIFTY FIFTY สร้างมาจากบริษัทเล็ก-กลางก็จริง แต่ถ้าพวกเขาเปิดออดิชั่นเด็กฝึกหัดในตอนนี้ คนจะแห่กันเข้าไปสมัครเพราะวงนี้เป็นวงที่พาเพลงขึ้น Billboard ได้แล้ว ดังนั้นถ้าพวกเขาตัดสินใจจะเปลี่ยนตัวสมาชิก ผมคิดว่ามีหลายคนเลยที่อยากเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวง” 

 

ครูฝึกสอนไอดอลกล่าวอีกว่า

“ผมคิดว่า (ATTRAKT) แค่จับมือกับ Warner Music เพราะตอนนี้โปรดิวเซอร์อันก็กลายเป็นคนทรยศระดับชาติไปแล้ว และเขาเป็นคนที่สนิทสนมกับ Warner Music ดังนั้นถ้า Warner Music ตัดความสัมพันธ์กับเขา Warner Music ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร มันจะกลายเป็นความผิดของ (The Givers) แล้วถ้าเพลงใหม่ออกมาดี คนก็จะให้ความสนใจกับเพลงนั้น และถ้าเพลงใหม่ดี วงใหม่ก็จะได้รับความนิยมมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก”


 

ที่มา  allkpop

 






เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X