วันฉาย: ในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก 5 เมษายน 2023 

กำกับฯ โดย เบน แอฟเฟล็ก

เขียนบทฯ โดย อเล็กซ์ คอนเวอรี่ 

อำนวยการสร้างฯ โดย เดวิด เอลลิสัน, เจสซี่ ซิสโกลด์, จอน เวนแบช, เบน แอฟเฟล็ก, แม็ตต์ เดม่อน, แมดิสัน อินลีย์, เจฟฟ์ โรบินนอฟ, ปีเตอร์ กูเบอร์ และ เจสัน ไมเคิล เบอร์แมน

ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ โดย  ดาน่า โกลด์เบิร์ก, ดอน แกรนเกอร์, เควิน ฮอลโลแรน, ไมเคิล โจ, ดรูว์ วินตัน, จอห์น กราแฮม, ปีเตอร์ อี. สเตราส์, จอร์แดน โมลโด

นำแสดงโดย แม็ตต์ เดม่อน, เบ็น แอฟเฟล็ค, เจสัน เบทแมน, คริส เมสสิน่า, แมทธิว เมเฮอร์, มาร์ลอน เวย์นส, เจย์ โมร์, จูเลียส เทนนอน ร่วมด้วยคริส ทัคเกอร์ และ วิโอล่า ดาวิส

ผลงานจากผู้กำกับฯ เจ้าของรางวัล เบ็น แอฟเฟล็ค ภาพยนตร์เรื่อง AIR ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนที่เปลี่ยนไปได้อย่างเหลือเชื่อ ระหว่าง ไมเคิล จอร์แดน มือใหม่ในอดีตกับแผนกบาสเกตบอลมือใหม่ของ Nike ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกของกีฬา และค่านิยมของคนรุ่นใหม่กับแบรนด์ Air Jordan เรื่องราวชวนตื่นเต้นของทีมที่เลือกจะฉีกกฎออกจากคนอื่นโดยมีอาชีพการงานเป็นเดิมพัน ภาพในอนาคตที่เห็นได้ชัดเจนของผู้เป็นแม่ที่รู้เรื่องพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของลูกชายตัวเองกว่าใคร และนักบาสเกตบอลชื่อดังผู้กลายเป็นตำนานความยิ่งใหญ่ตลอดกาล

 112 นาที

AIR

“รองเท้าก็เป็นแค่รองเท้า จนกว่าลูกชายฉันจะใส่มัน”

ผลงานจากผู้กำกับฯ เบน แอฟเฟล็ก ที่ได้รับรางวัลมาแล้ว (Argo, The Town) ภาพยนตร์เรื่อง AIR ถ่ายทอดเรื่องราวสุดเหลือเชื่อที่เปลี่ยนมิตรภาพระหว่างนักเล่นมือใหม่ในอดีต ไมเคิล จอร์แดน กับแผนกบาสเก็ตบอลของ Nike ที่จะมาปฏิวัติวงการกีฬาและกระแสความทันสมัยด้วยแบรนด์ Air Jordan เรื่องราวความตื่นเต้นที่มีเส้นทางอาชีพเป็นเดิมพันของทีมที่สวนกระแสสังคม คุณแม่ผู้มีความมุ่งมั่นที่เข้าใจพรสวรรค์ในตัวลูกชายดีกว่าใคร และปรากฎการณ์ในวงการบาสเก็ตบอลที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ไปตลอดกาล

ภาพยนตร์เรื่อง AIR ยังร่วมแสดงโดยเจสัน เบทแมน (Ozark) ในบทร็อบ สตราสเซอร์ รองประธานฝ่ายการตลาดของ Nike คริส ทัคเกอร์ (แฟรนไชส์ Rush Hour) ในบทฮาเวิร์ด ไวท์ อดีตนักเล่น เพื่อนร่วมงาน และที่ปรึกษาของซอนนี่ คริส เมสซีน่า (Sharp Objects) ในบทเดวิด ฟอล์ค ตัวแทนของจอร์แดน มาร์ลอน วายานส์ (Respect) ในบทจอร์จ ราเวลิง ผู้ฝึกสอนจอร์แดนในฐานะผู้ช่วยโค้ชในเกมโอลิมปิคปี 1984 แมทธิว เมเฮอร์ (Captain Marvel) ในบทปีเตอร์ มัวร์ ผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ของ Nike และจูเลียส เทนนอน (The Woman King) ในบทเจมส์ จอร์แดน คุณพ่อของไมเคิล

แอฟเฟล็กกำกับฯ AIR จากบทของอเล็กซ์ คอนเวอรี่ โดยแอฟเฟล็กและเดมอนร่วมผลิตกับเดวิด เอลลิสัน, เจสซี่ ซิสโกลด์, จอน เวนแบช, เมดิสัน เอนลีย์, เจฟฟ์ โรบินอฟ, ปีเตอร์ กูเบอร์ และ เจสัน ไมเคิล เบอร์แมน อำนวยการสร้างบริหารฯ โดยดาน่า โกลด์เบิร์ก, ดอน แกรนเกอร์, เควิน ฮอลโลแรน, ไมเคล โจ, ดรูว์ วินตัน, จอห์น กราแฮม, ปีเตอร์ อี. สเตราส์ และ จอร์แดน โมลโด

ทีมงานเบื้องหลังฝ่ายครีเอทีฟ ได้แก่ ผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัล Oscar ถึง 3 ครั้ง โรเบิร์ต ริชาร์ดสัน (Hugo, The Aviator, JFK) ผู้ออกแบบฉากฯ ฟรองซัว ออดัว (Ford v Ferrari, Logan) ผู้ลำดับภาพเจ้าของรางวัล Oscar วิลเลียม โกลเดนเบิร์ก (Argo, The Imitation Game, Zero Dark Thirty) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย อองตัวเน็ตต์ โจนส์  (Judas and the Black Messiah) และผู้ควบคุมดนตรี แอนเดรีย วอน ฟัวร์สเตอร์ (Yellowstone)

แถลงการณ์จากผู้กำกับฯ

      ผมเชื่อว่าความเป็นเลิศของมนุษย์คือสิ่งที่งดงาม คอนเซ็ปต์เรื่องความฉลาดคือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจผมมาก และไมเคิล จอร์แดนคืออัจฉริยะ มันมีความลึกลับซ่อนอยู่ว่าอะไรทำให้เขามาถึงขั้นนี้ได้ เป็นนักกีฬาที่เก่งสุดในระดับที่เรียกว่าเป็นนักบาสเก็ตบอลที่เก่งสุดตลอดกาล อิทธิพลของเขาด้านบาสเก็ตบอลและวงการกีฬา รวมถึงผู้คนที่รักเขาคือสิ่งที่มากมายเกินกว่าจะนับได้

         อย่างไรก็ตามนี่คือเรื่องราวที่เล่าถึงช่วงเวลาก่อนที่เขาจะเข้าสู่สนาม NBA การที่เขาเปลี่ยนโลกของตลาดกีฬาไปอย่างสิ้นเชิง และการสนับสนุนที่เขาได้รับจากคุณแม่ ผู้มองเห็นอนาคตของเขาและรู้ว่าเขามีความหมายขนาดไหน

ทีมงานที่ไม่เหมือนใครจาก Nike นำทีมโดยซอนนี่ แวคคาโร (แมตต์ เดมอน), ฮาเวิร์ด ไวท์ (คริส ทัคเกอร์) และ ร็อบ สแตสเซอร์ (เจสัน เบทแมน) เห็นแววในตัวจอร์แดน แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าการออกแบบรองเท้าที่เกี่ยวกับผู้เล่นเพียงคนเดียว จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการได้หลายพันล้านดอลลาร์และสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมา วันนี้เราต้องยอมรับกันเป็นปกติเวลาที่มีดาวรุ่งจากวงการใดก็ตามสร้างแบรนด์ขึ้นมา แต่นี่คือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์หนึ่งขึ้นมา โดยเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพิเศษของใครสักคนในยุคบุกเบิก

สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในเรื่องสำหรับผมคือจุดนั้น การได้เข้าไปสัมผัสกับตัวตนอย่างที่เราไม่คิดมาก่อน ช่วงที่พัฒนาภาพยนตร์ ผมเข้าใจเลยว่าจุดสำคัญของหนังคือตัวละครของเดวิส เดอโลริส จอร์แดน และผมอยากถ่ายทอดเธอออกมาอย่างถูกต้องไม่ต่างกับจอร์แดน

ภาพยนตร์เรื่อง AIR ไม่ใช่เรื่องราวของไมเคิล จอร์แดน แต่ไม่มีส่วนใดของเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ผมไม่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูพุ่งตรงไปที่เขาจนเกินไปแต่แรก และผมดีใจที่ไมเคิลร่วมแชร์สิ่งที่มีความสำคัญต่อเขา

ความเป็นตัวเขาและแรงจูงใจคือสิ่งที่สัมผัสได้ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าเราจะไม่เห็นใบหน้าของเขาก็ตาม เพราะเขาคือตำนานและสร้างความนิยมเอาไว้สูงมาก เราไม่อยากทำลายภาพนั้น แต่อยากปล่อยให้ผู้ชมได้สัมผัสความทรงจำของพวกเขาและประสบการณ์อีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไมเคิล จอร์แดน

สิ่งที่มีความหมายสำหรับผมคือการเคารพในสิ่งที่ป็นตัวเขา และอิทธิพลที่เขาเคยสร้างขึ้นในวัฒนธรรมของพวกเขา... ทั้งตรงนี้และทั่วโลก

-- เบน แอฟเฟล็ก

ตำนานขอบสนาม 

วงการของเราเปลี่ยนไปแล้ว

-- คำแถลงถึงภารกิจของ Nike

ณ วันนี้ สิ่งที่เห็นได้ทันทีคือกระแสของ Nike ที่สร้างชื่อเสียงในวงการกีฬาสำคัญทุกชนิด แต่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ความเป็นมือใหม่ในวงการบาสเก็ตบอลของ Nike เรียกว่ายังอยู่นอกสายตา ไม่มีผู้เล่นระดับแถวหน้าคนไหนอยากสวมแบรนด์ “รองเท้าสำหรับการวิ่ง” จากนั้นปี 1984 ข้อตกลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างบริษัทที่กำลังฝ่าฟันกับนักเล่นมือใหม่อย่างไมเคิล จอร์แดนได้พลิกทุกกฎ จนเกิดสิ่งที่สร้างเม็ดเงินให้วงการได้หลายพันล้านดอลลาร์จากทั่วโลก

แต่ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้ชายคนเดียว ความเชื่อมั่นในทีมของเขา ความศรัทธาและมุ่งมั่นของผู้หญิงคนหนึ่ง และนักกีฬาที่มีความพิเศษเหนือใคร เมื่อมารวมตัวกันจึงกลายเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอลที่สร้างเอกลักษณ์ไว้ตลอดกาลในนาม Air Jordan

ผู้กำกับฯ / ผู้อำนวยการสร้างฯ เบน แอฟเฟล็ก ผู้รับบทผู้ก่อตั้ง Nike ฟิล ไนท์ ในเรื่องเล่าว่า “ผมมีรูปน้องชายสวมรองเท้า Air Jordans มันเป็นช่วงฤดูหนาวปี 1985 หรือต้นปี 86 ผมจำได้ค่อนข้างชัดเจนช่วงที่ไนกี้เข้ามาแย่งความนิยมจากช่วงนั้นได้ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ Adidas และจำได้ว่ามันเหมือนแค่ช่วงข้ามคืนที่ Nike กลายเป็นของที่เราอยากได้อยากมีเพื่อที่จะดูเท่ โดยที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังที่มาที่ไปของ Air Jordan เลย วัฒนธรรมสนีกเกอร์มีอิทธิพลมากตอนนี้ และ AIR ก็คือจุดเริ่มต้น ซึ่งผมคิดว่ามันจะทำให้ใครหลายคนต้องเซอร์ไพรส์ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเกิดความสนใจครับ” 

แมตต์ เดมอนรับบท ซอนนี่ แวคคาโร กูรูด้านบาสเก็ตบอลของ Nike และทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฯ เขากล่าวว่า “คุณอาจเข้าไปดูหนังพร้อมความคาดหวังหลายเรื่อง แต่เนื้อเรื่องจะถ่ายทอดเรื่องราวตัวละครวิโอล่า เดอโลริส แม่ของไมเคิล นั่นคือสิ่งที่เรารักในเรื่องนี้ มันรายล้อมไปด้วยคนที่เรารู้จัก เขาคือดาวรุ่งในวงการกีฬา แต่ก็มีทุกอย่างเบื้องหลังฉากด้วย โดยเฉพาะอิทธิพลจากคุณแม่ของเขา เธอทั้งฉลาดและเข้าใจในคุณค่าของเขา นอจากนั้นก็มีเรื่องราวในอดีต”

วิโอล่า เดวิส เล่าว่า “ในเรื่องมีผู้ที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นคนที่เราไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าและรู้จัก  เรารู้จักเดอโลริสผ่านไมเคิล จอร์แดน แต่เธอคือคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกที่เธอใช้ชีวิตอยู่ ฉันคิดว่าเราจะสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง สามีของฉัน จูเลียส บอกเสมอว่า เราไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเข้าไปสัมผัสชีวิตของใคร เราไม่รู้หรอกว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตใครบ้าง แต่หน้าที่ของเราคือการเพาะเมล็ด เราไม่รู้ว่ามันจะเติบโตขึ้นมาแบบไหน แต่เราต้องลงมือเพาะมันขึ้นมาไม่ว่าเราจะเป็นใคร สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากหนังเรื่องนี้คือทุกคนมีไอเดียที่ดีมาก แต่เราไม่รู้หรอกว่ามันจะพัฒนาไปในทิศทางไหน และตอนนี้เราอยู่ในปี 2023 เราเห็นพัฒนาการที่เหลือเชื่อจากไอเดียเหล่านี้ ที่ออกมาจากคนที่ทำตามหัวใจตัวเอง ฉันคิดว่ายังมีประเด็นสำคัญสำหรับคนทั่วไป คือเราไม่จำเป็นต้องมีเงนนับล้าน ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอก เราแค่มีจินตนาการ ความมุ่งมั่น หัวใจ และความกล้าอันยิ่งใหญ่ก็พอ” 

ที่น่าสนใจคือการเลือกให้เดวิสมารับบทเดอโลริสเกิดขึ้นจากคนที่รู้จักเธอดีที่สุด แอฟเฟล็กอธิบายว่า “ผมจะไม่สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมาโดยที่ไม่เห็นความดีใจของไมเคิลสักนิด ผมอยากแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ผมถามว่า ‘คุณใส่ใจเรื่องอะไรมากที่สุด?’ เขานั่งคุยกับผมและมีหลายเรื่องที่สำคัญต่อเขา เช่น ต้องแน่ใจว่าฮาเวิร์ด ไวท์ และ จอร์จ ราเวลิงมีส่วนร่วมในเรื่องด้วย และเขายังยืนยันว่าจะให้วิโอล่ามารับบทแม่ของเขาด้วย ผมว่านั่นคือมาตรฐานสำคัญของไมเคิล จอร์แดน ที่มีความเป็นไปได้สูงและหวังว่าจะได้เห็นมัน”

แอฟเฟล็กเล่าต่อว่าเขาตื่นเต้นกับทางเลือกและเล่าว่า “มันเป็นเรื่องที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตสำหรับการกำกับฯ เธอในหนังสักเรื่อง ผมรู้สึกว่าหน้าที่ของผมคือต้องแน่ใจว่าบทนั้นเหมาะกับผู้ที่มีชื่อเสียงในระดับวิโอล่า และกลับกลายเป็นว่าไมเคิลคือผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดงที่เก่งมากเลย” เขาหัวเราะ

ผู้กำกับฯ รู้สึกว่าการ “คัดเลือกนักแสดง” ที่เป็นตัวละครสำคัญของเรื่องมีความสำคัญมาก “ไมเคิล จอร์แดนมีชื่อเสียงมาก จนผมรู้สึกว่าหากเราเห็นนักแสดงมารับบทนี้ คงเป็นเรื่องยากที่ผู้ชมเชื่อได้อย่างสนิทใจ เพราะในความคิดของผมรู้สึกว่าไม่มีใครที่จะเป็นไมเคิล จอร์แดนได้นอกจากเขา เรารู้สึกว่าวิธีที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับการเล่าเรื่องราว คือการให้เขามาอยู่ในเรื่องราวด้วย การพูดคุยถึงใครสักคนโดยที่ไม่เห็นหน้าเหมือนการได้สัมผัสชีวิตของคนดังและนักกีฬาดาวรุ่งในชีวิตสมัยใหม เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไมเคยได้พบหรือเห็นนักกีฬาดาวรุ่งหรือคนดังเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว เราจะเห็นไมเคิลอยู่ในคลิปและเป็นภาพตัดไปมา เราจะไม่เห็นเขาอย่างใกล้ชิด เพราะการทำแบบนั้นจะเหมือนการดึงเขาลงมาในแบบที่ไม่ต้องการในหนัง”

เจสัน เบทแมน ผู้ร่วมทีมนักแสดงในบท ร็อบ สเตรสเซอร์ รองประธานฝ่ายการตลาดของ Nike เล่าว่า “ผมตื่นต้นที่ทุกคนจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เพราะ Air Jordan คือส่วนสำคัญในวัฒนธรรมของรา และน่าทึ่งที่พวกเราส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องราวที่มาที่ไป” 

คริส ทัคเกอร์ รับบทฮาเวิร์ด ไวท์ ผู้บริหารแห่ง Nike ซึ่งเป็นเพื่อนในชีวตจริงได้เล่าว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชีวิตของพวกเขา แต่รวมถึงชีวิตของนักกีฬารุ่นใหมด้วย ผมคิดว่าฮาเวิร์ดภูมิใจในความสำเร็จของพวกเขา รวมถึงไมเคิลและคุณแม่ของเขา ผมภูมิใจมากที่มีส่วนร่วมในการถ่ายทอดเรื่องราวของพวกเขา”

“นี่คือหนังฟีลกู้ดเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับยุคสมัยที่พวกเราหลายคนจดจำมันได้เป็นอย่างดี” เดมอนกล่าว “ตอนที่ผมดูเรื่อง The Last Dance ผมนึกย้อนถึงตอนที่เป็นเด็กและต้องไปดูเกมการแข่งบาสเก็ตบอลครั้งหนึ่งในรอบปี พี่ชายกับผมมักเลือก Bulls เสมอ เพราะเราอยากพูดได้ว่าเราดูเอ็มเจเล่นแบบตัวเป็นๆ ในวัยของเราเขามีอิทธิพลมากเลย... ไปไหนก็เจอแต่เขา” 

แอฟเฟล็กเห็นด้วยว่า “เขาคือภาพจำที่เห็นได้ชัดมากในวัยเด็กของผม ตอนนั้นเป็นช่วงที่กีฬาอาชีพอยู่ในข้าวของเครื่องใช้ทุกสิ่ง ผมคิดถึงความทรงจำในวัยนั้น และคิดว่าคงสนุกตื่นเต้นที่ได้ย้อนกลับไปหามัน