การแสดงผ่านสายตาของ ยูอาอิน (Yoo Ah-In)
2021-12-22 04:47:52
Advertisement
คลิก!!!

“ผมมักจะเอาแต่คิดเรื่องความท้าทายและการเติบโต ผมเสพติดกับความคิดในหัวตัวเองและมันทำให้ผมเหนื่อยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผมต้องไปต่อ มันมีช่วงเวลาที่ผมล้ม และช่วงเวลาที่ผมประสบความสำเร็จ…”

ยิ่งเขาขุดลึกลงไปเท่าไหร่ เขาก็เจอว่าตัวเองต้องระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น สำหรับยูอาอิน การแสดงเป็นอาชีพที่เป็นไปตามคำกล่าวข้างต้น ถึงแม้เขาจะเดบิวต์มาเป็นเวลา 19 ปีแล้ว แต่จิตใจของเขาก็ยังไม่เคยสงบเลย

การแสดง เป็น สิ่งที่มีความหมายต่อ ยูอาอิน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ทุกคนพอใจ แม้ผลงานจะออกมาดีแค่ไหนก็ตาม นั่นคือชะตาของนักแสดงและคนทุกคนที่ทำงานในวงการนี้

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ ยูอาอินไม่เคยเปลี่ยนไป การทุ่มเทต่อการแสดงของเขานั่นเอง

“แต่ละคนก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เช่นเดียวกับที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ตอนนี้ ก็จะมีบางคนมองผมในด้านบวก แล้วก็จะมีบางคนที่พูดว่า ‘การแสดงของยูอาอินมีแต่บทแบบเดิม!’ มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าผู้คนจะเห็นความพยายามที่ผมทุ่มเทลงไปในงาน”

 

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวดิสแพท (Dispatch) ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ยูอาอินผ่านทางออนไลน์ ผลงานเรื่องล่าสุดของเขา Hellbound กำลังประสบความสำเร็จ และดิสแพทได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้



คำเตือน: เนื้อหามีสปอยล์


ความคิดเห็นต่อตัวละคร จองจินซู 

ยูอาอิน รับบทเป็น จองจินซู ผู้นำลัทธิกลุ่มสัจธรรมใหม่ ที่ไม่ใช่ผู้นำในแบบที่ทุกคนจะประทับใจ จองจินซูเป็นตัวละครที่ไม่เปิดเผยอารมณ์ เขาเผยแพร่ความเชื่อเกี่ยวกับคำตัดสินของพระเจ้า หลังจากตัวละครของเขาจาไปทำให้กลุ่มเริ่มเกิดความวุ่นวาย
 

ยูอาอิน พูดถึงตัวละครของเขาว่า “จองจินซู คือความลึกลับในซีรีส์แนวลึกลับ ตัวละครของเขาต้องทำให้ผู้ชมคาดเดาเรื่องราวทำให้ผู้ชมติดตามซีรีส์ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาต้องจำกัดสิ่งที่ตัวเองพูด เพื่อสร้างเส้นแบ่งระหว่างตัวเองและผู้คน”

“ถ้าพูดคำว่า ‘คาริสม่า’ ก็คงมีไม่กี่คำที่คิดถึง ผมพยายามหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เคยทำมาแล้ว ผมอยากจะหนีจากภาพลักษณ์ที่ตัวเองเคยแสดง แต่ยังคงแก่นหลักของตัวละครเอาไว้ ผมมีความปรารถนาที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ”

และเพื่อให้เข้าใจตัวละครมากขึ้น การเข้าใจความคิดของตัวละครเป็นสิ่งจำเป็น “สิ่งที่ผมเห็นคือ จองจินซูเป็นคนที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอ เขาแสดงให้เหมือนว่าตัวเองมีเหตุผลและอุทิศตัว แต่ความจริงแล้วทุกอย่างคือการเสแสร้ง”

“จองจินซูอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย เขาแสดงออกถึงความโดดเดี่ยวและความสิ้นหวังที่พร้อมจะทำลายทุกอย่าง ความคิดเกี่ยวกับความดี, ปีศาจ และความยุติธรรมเป็นเครื่องมือที่เขาใช้ตัดสินตัวเอง เขาบอกให้ผู้คนมองเข้าไปให้เห็นถึงต้นเหตุแห่งความกลัว แต่ตัวเองก็ทำไม่ได้”

 

การแสดงในนิยามของ ยูอาอิน

การแสดงที่น่าประทับใจของ ยูอาอินในเรื่อง Hellbound ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้กำกับ ยอนซังโฮ ยอนซังโฮเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้กำกับที่ให้อิสระกับนักแสดง แทนที่จะบอกกรายละเอียดมุมมองของตัวเอง เขาปล่อยให้นักแสดงได้ถ่ายทอดบทตัวละครนั้นเอง และในเรื่อง Hellbound ก็เช่นเดียวกัน เขาบอกยูอาอินว่า “คุณทำได้ดีในแบบของคุณอยู่แล้ว”
 

“ยังไงผู้กำกับยอนซังโฮ ก็กดดันนักแสดงที่ทำงานกับเขาอยู่แล้วครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่ามันคือความท้าทายและทำให้พยายามมากขึ้นไปอีก ตัวละครที่ผมเคยรับบทในอดีตจะมีความเป็นคนดี ชัดเจน เป็นไปตามศีลธรรม แต่ว่าครั้งนี้ผมต้องคิดว่าจะทำให้มันออกมาแตกต่างไปได้อย่างไร”
 

มีฉากหนึ่งที่จองจินซู ต้องเผชิญหน้ากับนักสืบจินคยองฮุน บทละครในฉากนั้นมีความยาวประมาณ 2 หน้ากระดาษ A4 ยูอาอินได้พูดถึงบทในฉากนั้นว่า

“ผมไม่ได้เป็นพวกที่ชอบหาข้อมูลหรือจำทุกคำพูดเป๊ะๆครับ ผมคิดว่านั้นเป็นสิ่งที่ผมมองการเปลี่ยนแปลงว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับมือยากสำหรับตัวเองซักเท่าไหร่ แต่ก็มีบางฉากที่ผู้กำกับและผมมีความเห็นไม่ตรงกัน ผมเลยแสดงให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดในช่วงนั้น ผมสัมผัสได้ว่ามันมีการพัฒนาเวลาผมถ่ายทำแต่ละฉาก เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เป็นอะไรที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนครับ”

ยูอาอินอธิบายเพิ่มเติมว่า “ความไม่สมบูรณ์แบบจะยังคงอยู่เสมอ และมักจะมีช่วงเวลาที่บางอย่างไม่เป็นไปตามแผน ในเวลานั้นผมอยากมีสิ่งที่ตัวเองสามารถยึกเหนี่ยวได้ อย่างไรก็ตามซีรีส์ได้ถ่ายทอดความผิดพลาดของผมลงไปในนิสัยของจองจินซู ผมคิดว่าความพยายามในฐานะนักแสดงของตัวเองได้รับการตอบแทนแล้วครับ”



ยูอาอินตีความแก่นของเรื่อง Hellbound

Hellbound ปล่อยให้ผู้ชมได้จินตนาการเรื่องราวมากมาย เมื่อได้ดูซีรีส์ คนมักจะสงสัยว่า “อะไรคือความยูติธรรมที่แท้จริง?” “ความดีและความชั่วต่างกันจริงเหรอ?” “การตัดสินใจนี้เป็นความดีเหรอ และความชั่วร้ายนั้นคือสิ่งที่อยู่ในมือของความดีเหรอ?” “นรกอยู่ที่ไหน?” “ความหมายของการฟื้นคืนชีพคืออะไร?” คำถามยังคงดำเนินต่อไปในความคิดของผู้ชม
 

เมื่อถามถึงสารที่ยูอาอินได้รับจากเรื่องนี้ เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะบอกว่า “ถ้าต้องพูดถึงความยุติธรรม ความคิดของผมค่อยข้างเข้าข้างตัวละครของตัวเอง เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดเรื่องความยุติธรรม แต่ผมจะสรุปแล้วกันนะครับ”

“ผมคิดว่ามันคือการนำเสนอภาพวาดที่มนุษย์ได้แต่งแต้มลงไป ชีวิตเราก็มีทั้งความรู้สึกที่เหมือนได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก ขึ้นอยู่กับคนและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันคล้ายกับภาพของยุคเสื่อมโทรมที่เรานำเสนอในซีรีส์ไม่ใช่เหรอครับ? ผมรู้สึกว่าความคิดด้านลบของเรามีมากขึ้นและคล้ายกับโลกจริงๆของเราตอนนี้นะ”

 

“เรื่องนี้ทำให้คนเราพยายามปิดตาข้างหนึ่ง ใน Hellbound ทุกคนพยายามนิยามความยุตธรรมในแบบที่ตัวเองอยากให้เป็น ผู้คนโกรธเกลียดอย่างน่ากลัว ผมเห็นภาพนั้นในโลกที่เราอยู่ตอนนี้แว่บหนึ่งด้วย ผู้คนหลงเชื่อคำหลอกลวงเพราะรู้สึกว่าปลอดภัยจากคำพูดพวกนั้น สิ่งเหล่านั้นในซีรีส์ทำให้ผมคิดถึงตัวเราเอง [ในโลกความจริง]”
 

ยูอาอินเฝ้ารอซีซั่น 2 ของซีรีส์เรื่องนี้เช่นกัน “โดยส่วนตัวผมคิดว่ามันสนุกที่ได้คิดเรื่องราวของโลกคู่ขนานที่นรกกับสวรรค์มีอยู่จริง บางอย่างที่นอกเหนือจากเทพ, ปีศาจ และยมทูตมันน่าจะสนใจดี ผมหวังว่าจองจินซูจะมีชีวิตและตื่นเต้นที่จะได้เห็นพลังอะไรอีกที่เขามีอยู่ในมือ”



การแสดงผ่านสายตาของยูอาอิน 

ยูอาอินมีชื่อเสียงในวงการด้วยฝีมือการแสดง บทที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงในเรื่อง Hellbound ที่เป็นอีกเรื่องที่เขาได้โชว์ฝีมือ สื่อในประเทศชื่นชมเขาที่พัฒนาฝีมือตลอดเส้นทางการแสดง โดยบอกว่า “ยูอาอินทำได้ดีขึ้นและเอาชนะตัวเองได้จากบทนี้” สำหรับสื่อต่างชาติก็ให้การชื่นชมเขา โดยบอกว่าเขาคือ “นักแสดงที่น่าประทับใจ”
 

อย่างไรก็ตาม ยูอาอินไม่ได้เป็นคนมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เขาบอกว่า “พูดตามตรงเลยว่า ยิ่งเวลาผ่านไป การแสดงก็ยากขึ้น ผมไม่เชื่อเรื่องที่บอกว่า ยิ่งแสดงมามากเท่าไหร่ ฝีมือการแสดงก็จะดีขึ้นเท่านั้น มีหลายคนชื่นชมผลงานของผม แต่สิ่งที่พร้อมคำชื่นชมคือความกดดัน ผมต้องรู้ตัวอยู่เสมอ เพราะว่าโลกของการแสดงนั้นอันตรายหากคุณไม่รู้ตัวเอง”

ในฐานะนักแสดง การแสดงไม่ใช่เรื่องเดียวที่เขากังวล “ผมไม่ได้แค่ต้องศึกษาคนที่มีฝีมือการแสดงที่ดี แต่ผมยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ตอนนี้ผลงานของผมออกไปสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก ตอนนี้ผมต้องมีสติมากขึ้นเวลาพูดอะไรออกไปกับแฟนคลับในต่างประเทศของผม”

ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว การแสดงคืองานที่ออกมาหลังจากคุณทำงานหลายอย่างไปกับมัน แม้ว่ามันจะเหนื่อย แต่ผมหยุดคิดถึงมันไม่ได้ เวลาผมเจอเรื่องที่ท้าทาย ผมพยายามจะก้าวต่อไป แม้ว่าความคิดของผมในหัวจะตีกันก็ตาม”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม คือการแสดงในแบบที่ผมเห็นว่าเหมาะสม ผมทำงานนี้ด้วยไอเดียนั้น มีช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่างานของผมตกต่ำลงเหมือนกัน และมันยากที่จะก้าวผ่านมาได้ แค่ความคิดก็เยอะแยะไปหมดแล้ว ผมเลยพยายามจะลองทำทุกอย่างที่ทำให้ผมได้ทดลองและเติบโต ผมทำแบบนี้เพราะไม่อยากทำให้ผู้ชมผิดหวัง”

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X