“เจ๊ฉอด-เอส” เมิน "เกย์นที" ต้าน “คลับฟรายเดย์” ถามศึกษางานตนดีหรือยัง ยันไม่เปลี่ยนแนวเพราะไม่ล่อแหลม
2014-07-15 23:28:27
Advertisement
คลิก!!!

“เจ๊ฉอด” ไม่เต้นตาม “เกย์นที” หลังเตรียมต้าน “คลับฟลายเดย์” อ้างขัดศีลธรรม ยันภาพไม่แรง ถามกลับศึกษางานตนดีหรือยัง บอกทำซีรีย์มา 10 ปีไม่เคยมีปัญหาเพราะเป็นเรื่องจริงที่ช่วยสะท้อนสังคมป่วย มั่นใจตนทำดีมาตลอดและไม่คิดเปลี่ยนแนว บอกหากอยากรณรงค์เรื่องความรุนแรงในผู้หญิง คงต้องแก้ตั้งแต่ข่าวเช้ายันละครทุกช่อง ด้าน “เอส วรฤทธิ์” ยันไม่มีภาพล่อแหลมแน่นอน
       
       หลังจากที่ “นายนที ธีระโรจน์พงษ์” หรือ “เกย์นที” ประธานกลุ่มเชียงใหม่อารยะ เป็นแกนนำลุกขึ้นมาจี้ช่อง 8 ขอให้ระงับการออกอากาศละครเรื่อง “ผัวชั่วคราว” ของผู้จัด “เอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น” โดยระบุว่าเนื้อหามีความขัดแย้งทางศีลธรรมระหว่างแม่และลูกสาว ซึ่งถ้าหาข้อสรุปไม่ได้ก็จะยื่นหนังสือต่อ คสช. เพื่อให้ดำเนินการต่อ และเตรียมเชือด “คลับฟรายเดย์” ต่อโดยเฉพาะตอนที่นำแสดงโดย ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย, เจสัน ยัง และ สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข ที่ร่วมถ่ายทอดชีวิตจริงของ “แอร์” ที่ออกมาเปิดเผยว่าใช้สามีคนเดียวกับแม่แท้ๆ ของตัวเอง โดยเกย์นทีระบุว่าซีรีย์ตอนดังกล่าวออนแอร์เมื่อไหร่ตนจะออกมาเคลื่อนไหวทันที
       
       ล่าสุดได้เจอ “ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสร้าง และ “เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” ในฐานะผู้อำนวยการผลิตคลับฟรายเดย์ เดอะ ซีรีย์ ทั้งคู่เลยขอชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว มั่นใจไม่มีภาพล่อแหลม แถมเป็นความตั้งใจดีที่อยากสะท้อนสังคมป่วย
       
       “ฟีดแบ็กจากซีซัน 4 มันมาแบบทวีคูณเหมือนกันนะครับ ส่วนหนึ่งคือเราย้ายมาอยู่ที่ช่องวัน ฐานคนดูก็จะเห็นเรามากขึ้น ในขณะเดียวกันแฟนเก่าๆ ของเราที่ตามมาตั้งแต่ซีซัน 1 ก็ขยายกลุ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบจากยอดวิวในยูทูปมันดับเบิ้ลขึ้นมาก ที่สำคัญคือยอดวิวต่อวันมันดีดค่อนข้างแรงมากครับ”
       
       “แต่ความแรงของเรื่อง ต้องบอกว่ามันแล้วแต่คอนเซ็ปต์ของแต่ละซีซัน อย่างซีซัน หรือรักแท้จะแพ้... เราก็จะเล่าถึง 2 ความต่าง คือเรื่องของความต่างกับความต้องการ มันเหมือนขาวกับเทา เหมือนคนที่มีสองด้าน อันหนึ่งก็จะเป็นใสๆ เป็นจังหวะโรแมนติกคอมเมดีไป แต่ที่กำลังออนแอร์อยู่คือ หรือรักแท้จะแพ้ความต้องการ ก็จะมีเรื่องราวของคุณนิติและคุณแอร์ ซึ่งมันก็ยังอยู่ในหมวดของความถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง เราแค่อยากจะนำเสนอความรักที่มันเริ่มต้นจากความไม่ถูกต้อง แต่จุดจบความรักของคนสองคนมันจะอยู่ด้วยกันได้จริงหรืออย่างนั้นมากกว่า”
       
       “แต่ที่คนบอกว่าแรงๆ สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ผมมองว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะมีเรื่องที่แรงกว่านี้ก็ได้นะ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของคุณแอร์ ตั้งแต่คุณแอร์โทรเข้ามาในรายการคลับฟรายเดย์ มันถูกพูดถึงและส่งต่อไปในโลกของโซเชียล เพียงชั่วข้ามคืนคนรู้จักเรื่องนี้ทั้งประเทศ”
       
       บอกแรงไม่แรงขึ้นอยู่กับมุมมองในการนำเสนอ แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่พบเจอในสังคมปัจจุบันอยู่แล้ว
       ฉอด : "ถ้าจะมองว่ามันแรง เราว่ามันอยู่ที่มุมมองการนำเสนอนะคะ เราต้องยอมรับความจริงว่าเรื่องราวรุนแรงเหล่านี้มันมีอยู่ในสังคมเราจริง อย่างวิถีทางของการนำเสนอในรูปแบบของละครก็เป็นแค่วิถีทางหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงเราใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ตื่นเช้ามาดูข่าวเราก็เจอ เปิดหนังสือพิมพ์เราก็เจอ ฉะนั้นการที่เราเจอจากข่าว เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ในการเอามาทำเป็นละครก็เหมือนเราเอามารวบตึงทำให้รู้ว่าบทสรุปของสิ่งที่ไม่ถูกต้องเหล่านี้สุดท้ายแล้วมันลงเอยอย่างไร มันจบอย่างมากกว่า”
       
       “การที่เราจะหยิบเรื่องราวใดๆ ก็ตามมาทำละคร เราจะเริ่มจากคอนเซ็ปต์ก่อนค่ะ จริงๆ แล้วต้นฉบับของคลับฟรายเดย์ มันเป็นเรื่องของการสร้างประเด็น แล้วให้คนที่อยู่ในประเด็นนั้นโทร.เข้ามา เมื่อมันเป็นละคร มันก็ยังมีเรื่องของประเด็น เราก็นำเอาเรื่องราวที่มันอยู่ในประเด็นนั้นๆ มานำเสนอ อย่างที่บอกว่าแต่ละซีซันมันก็จะมีโจทย์ที่แตกต่างกันไป”
       
       เอส : “ต้องบอกว่าสุดท้ายแล้วมันก็มาจากการรวบรวมเรื่องราว ที่เรารู้สึกว่ามันมีเรื่องราวที่เราอยากจะถ่ายทอด อยากจะเป็นสื่อที่จะแชร์ประสบการณ์ของกลุ่มคนฟังคลับฟรายเดย์ ที่เขาโทร.มาแชร์ประสบการณ์ของเขาให้มันกว้างมากขึ้น หรือเห็นเป็นภาพมากขึ้น อย่างที่พี่ฉอดบอกว่ามันอยู่ที่เจตนาของการสื่อสาร ของผู้ผลิตมากกว่า คนอาจจะมองว่ามันดูรุนแรง ยกตัวอย่างย้อนกลับไปหนึ่งเดือนที่แล้ว เราปล่อยเรื่องของคุณนิติ ซึ่งรับบทโดยคุณออย (ธนา สุทธิกมล) คุณคริส หอวัง ทุกคนบอกว่าต้องเป็นแนวอิโรติกแน่ แต่จนถึงตอนนี้เราออนแอร์ครบ 4 ตอนแล้ว จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้ว เราไม่ได้มีฉากโป๊เปลือยหรืออนาจารใดๆ เลยนะ”
       
       “แต่เรื่องเลิฟซีนของคลับฟรายเดย์ มันคือเลิฟซีนที่เรามองว่าเป็นเรื่องของศิลปะมากกว่า เรามองเรื่องของความอาร์ต แค่ถ่ายทอดให้คนรู้ว่าอารมณ์ของหนัง หรืออารมณ์ของตัวละครเค้ากำลังทำอะไรกันอยู่ แต่เราไม่ได้นำเสนอในแง่ของภาพลักษณ์ที่มันดูล่อแหลมหรือรุนแรง ซึ่งพอจบไปก็จะเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรเลย แต่สุดท้ายคนดูๆ แล้วรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เป็นการแอบคบชู้กัน มันไม่ถูกต้อง เขาก็รับรู้ได้ เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของคู่นั้นลึกซึ้งขนาดไหนได้ เราก็ทำให้รู้แค่นั้น เพราะเราไม่ได้ขายเรื่องนั้น เราขายพล็อตเรื่องมากกว่าครับ”
       
       บอกจุดประสงค์หลักของคลับฟรายเดย์คือการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของคนอื่น และตอนจบของละครก็จะแฝงแง่คิดไว้ให้ทุกครั้ง
       ฉอด : “จริงๆ สิ่งที่คนพูดถึงเกี่ยวกับคลับ ฟรายเดย์ เดอะ ซีรีส์คือภาพสวย การถ่ายทำที่สวย มันก็เลยได้อารมณ์ ได้ความรู้สึกในความสวยงาม แต่ในส่วนเรื่องของคุณแอร์กระแสแรงมากจริงๆ ก่อนที่เราจะตัดสินใจนำมาทำ ก็มีนิตยสารหลายๆ ฉบับไปสัมภาษณ์คุณแอร์นะคะ แต่เป็นการสัมภาษณ์โดยที่ไม่ได้เห็นตัว จริงๆ แล้วอยู่ที่เจ้าของเรื่องด้วยว่ามีความประสงค์แค่ไหน”
       
       “ซึ่งในแต่ละวันศุกร์ที่พี่ฉอดจัดรายการกับพี่อ้อย (นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล) จะมีเรื่องราวเข้ามามากมายอยู่แล้ว เราก็จะพอรู้ได้ว่าเรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ หรือเราเอามาทำเป็นละครแล้วมันเกิดประโยชน์ได้ เพราะเราพูดอยู่เสมอว่าการฟังรายการคลับฟรายเดย์ หรือการดูคลับฟรายเดย์ มันเหมือนการอยู่ในห้องเรียนห้องหนึ่ง เรามาเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของคนอื่นร่วมกัน และตัวพี่ฉอด พี่อ้อย รวมถึงการนำมาทำเป็นละครก็ตาม มันจะมีการสรุปว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวแบบนี้ควรจะเรียนรู้อะไร หรือควรจะได้อะไร หลังละครเราก็จะมีข้อคิดของพี่ฉอดและพี่อ้อยสรุปว่าตอนนี้มันให้สิ่งนี้ๆ นะ”
       
       เอส : “ต้องบอกว่าพอเรื่องของคุณแอร์ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนที่รู้จักคลับ ฟรายเดย์ เดอะซีรีย์ ก็จะมีการตั้งประเด็นว่าน่าจะถูกหยิบยกมาทำ ถ้าถามเราก็มองว่ามันเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ก็อยากให้ลองดูกันก่อนครับ เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เราเล่าถึงประเด็นของแม่ เรามักจะมองว่าความรักของแม่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ แต่ความรักภายในครอบครัวของแม่ลูกคู่นี้มันเกิดปัญหาขึ้น เกิดขึ้นเพราะอะไร”
       
       “อย่างที่บอกว่าตอนนี้หรือรักแท้จะแพ้ความต้องการ ซึ่งความต้องการหรือความเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เมื่อไหร่ที่เราเลือกเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง มันก็เลยทำให้ไปกระทบเรื่องอื่นๆ ได้ อย่างความถูกต้อง มันอาจจะถูกต้องของแม่ แต่มันไม่ถูกต้องในแง่ของสังคม มันอาจจะไม่ถูกต้องกับลูก”
       
       บอกเรื่องนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในจำนวนอีกหลายๆ เรื่องที่มีเข้ามาในรายการ และยังมีอีกหลายเรื่องที่มหัศจรรย์พันลึกกว่านี้
       ฉอด : “ไม่ถึงกับว่าพอฟังเรื่องนี้แล้วคิดเลยว่าจะต้องทำเป็นละครหรอกค่ะ ตัวพี่ฉอดกับพี่อ้อยจะเป็นคนเก็บข้อมูลซะมากกว่า เวลาเราทำงานก็จะประชุมกัน มีคุณเอสด้วย ผู้กำกับด้วย ฉะนั้นในการคัดเลือกเรื่อง ส่วนใหญ่เราก็จะคุยกันว่าประเด็นนี้ๆ น่าสนใจ แล้วพี่ฉอดกับพี่อ้อยก็จะนำเสนอว่ามีเรื่องนี้ๆ นะ และที่ประชุมก็จะสรุปว่าเลือกเรื่องไหนบ้าง แต่มันมีเรื่องอีกเยอะแยะมากมายค่ะ มหัศจรรย์พันลึกกว่านี้ก็ยังมีอีกเยอะ (หัวเราะ) มีอยู่ตลอดเวลา”
       
       “ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งสังคมทุกวันนี้ถ้าเรามองในมุมหนึ่งว่าสังคมมันป่วยก็ได้ มันมีความป่วยอยู่เยอะ อย่างตัวเราเองก็เป็นคนสมัยก่อน ก็ยังรับไม่ได้กับหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กๆ สมัยนี้เขาคิดกันหรือพูดกัน แต่ในที่สุดแล้วเราทุกคนก็คงต้องมีส่วนรับผิดชอบในสังคมเหล่านี้ด้วยกัน ด้วยวิถีทางของแต่ละคน คือพี่เชื่อว่าไม่มีใครหรอกที่ทำงานโดยที่ไม่รู้สึกรับผิดชอบในงานของตัวเอง ฉะนั้นก็อย่างที่บอกว่ามันอยู่ที่เจตนาของการนำเสนอ”
       
       บอก “เกย์นที” ก่อนลุกมาต้าน ควรศึกษาเนื้องานตนก่อน
       ฉอด : “เรื่องที่มีคนออกมาต่อต้าน พี่ฉอดคิดว่าคนที่ทำอะไรต่างๆ ต้องรู้จักก่อนค่ะ คนที่รู้จักคลับฟรายเดย์ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอก เพราะคลับฟรายเดย์ที่พี่ทำมาก็จะสิบปีแล้วนะคะ เราทำงานแบบนี้มาโดยตลอด งานใดๆ ก็ตามที่พี่ฉอดทำออกมาจริงๆ สังคมรับรู้มาตลอดว่าพี่ทำอะไร ก็เลยรู้สึกว่าคนที่ออกมาพูดอะไรก็ตามบางทีเขาไม่ได้รู้จักเราเท่านั้นเอง แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรมาถึงพี่นะคะ”
       
       “ตอนนี้ทุกอย่างผ่านหมดเรียบร้อย จะออนแอร์อยู่แล้วด้วยค่ะ และกำลังทำงานของซีซั่นต่อไปกันอยู่ แต่ก็ไม่มีผลอะไรนะคะ อย่างที่บอกคือจุดเริ่มต้นเรามั่นใจว่าทำอะไร เราต้องมั่นใจในสิ่งที่เราทำ อาจจะมีใครเข้าใจหรือไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่สุดท้ายดูแล้วก็จะรู้ค่ะ (ยิ้ม) คือบางทีเห็นแค่นี้ก็คิดแล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่เลย มันเป็นแค่ความคิดเท่านั้น ก็คงเป็นความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”
       
       เข้าใจว่าภาพตัวอย่างที่นำเสนออาจจะทำให้คิดไปว่าดูรุนแรงหรือล่อแหลม แต่ขอให้ดูให้จบ เพราะจริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย
       เอส : “เรื่องภาพที่จะออกมาคือหลายคนอาจจะคิดว่าภาพมันต้องออกมารุนแรงแน่เลย ซึ่งภาพเองก็ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากละครหลังข่าวที่เราเคยติดตามกันมาสิบ ยี่สิบปีเลยครับ ผมในฐานะคนทำยังรู้สึกว่าฉากเลิฟซีนหรือฉากล่อแหลมเรายังน้อยกว่าละครแบบนั้นอีกนะ คือคนที่ยังไม่ได้เห็นยังไม่ได้ดูก็อาจจะคาดคิดไปได้ต่างๆ นานา เพราะฉะนั้นรอให้เห็นก่อน รอให้ดูก่อนก็ได้ครับ”
       
       ฉอด : “ภาพมันก็จะออกมาเหมือนคลับฟรายเดย์ทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ได้มีอะไรมหัศจรรย์หรือพิเศษออกไป ตอนจบสุดท้ายก็จะบอกว่าคลับฟรายเดย์สอนอะไร พี่เลยไม่ได้คิดว่ามันจะมีอะไรประหลาดมหัศจรรย์ เพราะนี่ก็คือหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่เรานำเสนอเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะบอกว่าช่วงนี้กำลังรณรงค์เรื่องของความรุนแรงกับผู้หญิง ละครของพี่ก็ไม่ได้มีอะไรที่รุนแรงนะคะ ถ้าอย่างนั้นทุกคนในประเทศไทยต้องปรับหมดเลยนะ เริ่มตั้งแต่ข่าวตอนเช้าเลยแหละ เพราะทุกอย่างรอบๆ ตัวเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่ามันมีความรุนแรงอยู่รอบตัวไปหมด ซึ่งถ้าจะบอกว่าของพี่ต้องปรับ ของพี่น้อยสุดแล้ว ไม่ได้มีอะไรเลย (หัวเราะ) จูบกันทีเดียวเอง แล้วก็มีซบโน่นนี่นั่นเท่านั้น”
       
       เอส : “จริงๆ แล้วอารมณ์การสื่อสารของภาพมันมีตั้งแต่การถ่ายภาพที่สวยงาม จะเห็นได้ว่าเลิฟซีนของคลับ ฟรายเดย์ไม่ได้มีอะไรมากเลย สัมผัสล้วนๆ ใช้ซาวนด์ประกอบมากกว่าที่มันนำพาให้คนเกิดจินตนาการ มันไม่ได้มีอะไรที่ล่อแหลม แต่ถึงจะมีจดหมายอะไรส่งมาถึงจริง ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีมาตรการอะไรนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่าขึ้นอยู่กับเจตนาครับ ในฐานะผู้ผลิตสื่อเรามีเจตนาที่ดีอยู่แล้ว”
       
       ฉอด : “คือเราทำสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และมีคนมาบอกว่าทำไม่ดี เราจะไปเปลี่ยนทำไมล่ะคะ (หัวเราะ) ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่เกิดจากความตั้งใจดีและทำในสิ่งที่ดี แต่ถ้ามีคนมองไม่เห็นหรือเข้าใจผิดแล้วบอกว่ามันไม่ดี และจะให้เราเปลี่ยนก็คงไม่ใช่”

 

 

http://www.manager.co.th

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X