เป็นการวิจัยที่ใช้เวลานานถึง 35 ปีกว่าจะได้ข้อสรุปของมหาวิทยาลัย Concordia ในมอนทรีออล โดยพบว่า คนที่เป็นเพื่อนในวัยเด็กของคุณนั้นอาจเป็นคนที่ทราบดีที่สุดว่าอนาคตของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็เป็นได้
       
       การศึกษาครั้งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1976 โดย Lisa Serbin นักวิจัยจากคณะจิตวิทยา, Alexa Martin-Storey (อดีตนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัย Concordia) และ Alexa Martin-Storey ผู้ซึ่งปัจจุบันทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยออตตาวา โดยทีมวิจัยได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนของเด็ก ๆ ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 4 และมัธยมศึกษาปีที่ 1 และให้เด็ก ๆ เป็นคนให้คะแนนเพื่อนของพวกเขา
       
       "ในช่วง 2 ปีแรกของการศึกษา เราให้เด็กนักเรียนในเกรด 1, 4 และ 7 เป็นผู้ประเมินเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาในด้านต่าง ๆ เช่น เป็นคนก้าวร้าวหรือไม่ มีมนุษยสัมพันธ์ดีหรือไม่ ชอบเข้าสังคมหรือไม่ ฯลฯ นอกจากนั้นยังให้เด็ก ๆ แต่ละคนประเมินตนเองด้วย" Serbin กล่าว
       
       จากนั้น อีก 20 ปีต่อมา (ประมาณ ปี ค.ศ. 1999 - 2003) ทีมวิจัยก็ได้กลับไปติดตามชีวิตของเด็ก ๆ อีกครั้งว่า เด็ก ๆ ทั้ง 700 กว่าคนนั้นเติบโตไปในทิศทางใด
       
       "เราพบว่า ผลการประเมินจากกลุ่มเพื่อนในวัยเด็กมีความใกล้เคียงกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในวัยผู้ใหญ่ของคน ๆ นั้นมากกว่าที่เจ้าตัวประเมินตนเองเสียอีก ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่เพื่อน ๆ ระบุว่าเป็นคนไม่เข้าสังคมนั้น เมื่อโตไปก็มักกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขนัก ซึ่งในจุดนี้อาจอธิบายได้ว่า เพราะในวัยเด็กนั้นอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนมากที่สุด จึงทำให้เพื่อนสามารถประเมินตัวตนของพวกเขาได้ชัดเจนกว่านั่นเอง นอกจากนี้ยังทำให้ทราบว่าสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนเป็นอย่างไรด้วย"
       
       ในภาพรวม Serbin เผยว่า การศึกษาครั้งนี้ได้สนับสนุนผลการประเมินจากเพื่อนว่ามีความแม่นยำมากกว่าการให้คะแนนตัวเองของเด็ก ๆ แต่ละคนเกี่ยวกับหัวข้อความสำเร็จในชีวิต อีกทั้งยังพบว่า การมีบุคลิกภาพที่ดีนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตมาก เพราะช่วยให้เด็กคนนั้นเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข สุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี และมีความพึงพอใจในหน้าที่การงาน
       
       "การศึกษานี้สามารถนำไปใช้ในการส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีให้กับเด็ก ด้วยการปรับพฤติกรรมเช่น ก้าวร้าว เก็บตัว และหันมาสนับสนุนให้เด็กรู้จักสร้างมิตรภาพ รู้จักเข้าสังคมมากขึ้น"
       

       เรียบเรียงจากเดลิเมล

       ที่มา  http://www.manager.co.th/