สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟ็ต อภิมหาเศรษฐีนักลงทุนแห่งตลาดวอลล์สตรีท ต้องขาดทุนเป็นจำนวนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 64,000 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาสองวัน  คือจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา จากภาวะหุ้นบางตัวที่กองทุนเบิร์กไชร์ของเขาถือครองร่วงตก คือ โคคา โคล่า และไอบีเอ็ม ที่ประสบภาวะหุ้นตกหนักในช่วง 2 วัน

โดยเขาต้องขาดทุนจากการถือหุ้นครองหุ้นโคคา โคล่า เป็นเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหุ้นราคาได้ดิ่งตกราว 6 เปอร์เซนต์  จากรายงานตัวเลขผลประกอบการที่ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ โดยโคคา โคล่า ชี้ว่าสถานการณ์อาจยังไม่ดีขึ้นแม้กระทั่งถึงปีหน้า

รวมทั้งการถือครองหุ้นไอบีเอ็ม ที่ทำให้เขาสูญเงินกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์ จากรายงานตัวเลขผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐได้ตกลงถึง 7 เปอร์เซนต์ และร่วงตกต่อเนื่องถึงวันอังคาร อีก 6 เปอร์เซนต์ โดยก่อนหน้านี้ พ่อมดนักลงทุนรายนี้ยังต้องผิดหวังกับการขาดทุนหนักของกิจการเทสโก้ ซึ่งหุ้นร่วงหนักเกือบ 47 เปอร์เซนต์ของปีนี้ด้วย โดยเจ้าตัวยอมรับว่า เขาทำผิดพลาดที่ซื้อหุ้นของกิจการเทสโก้ มาถือครอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะขาดทุนดังกล่าว แต่พ่อมดวอลล์สตรีท ก็มองว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะช้อนซื้อหุ้นในราคาต่ำ โดยเขากล่าวว่า ยิ่งตลาดหุ้นตกเท่าไหร่ เขาก็จะซื้อหุ้นเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

ทั้งนี้ โคคา โคล่า ถือเป็นหุ้นที่วอร์เรน บัฟเฟต์ ลงทุนมากที่สุด โดยถือครองหุ้นกว่า 400 ล้านหุ้น ขณะที่นายโฮเวิร์ด บัฟเฟ็ต ลูกชายของเขา ยังมีตำแหน่งเป็นบอร์ดกรรมการของบริษัทนี้ ขณะที่เจ้าตัวเป็นที่รู้กันว่า ชอบดื่มเครื่องดื่มยี่ห้อนี้เป็นประจำ

ที่มา  มติชนออนไลน์