‘ป้าบุญ’เมียสัปเหร่อเข้าพบตร. ให้การตรงข้าม!! โต้ขายศพดญ.วันเพ็ญ-ยันไม่รู้จักอดีตเจ้าอาวาส
2015-04-24 19:21:57
Advertisement
คลิก!!!

 

สัปเหร่อสุสานหายยา เปิดใจ เรื่องถุงดำ เศษชิ้นเนื้อและซากทารก ยอมรับ มีเจ้าหน้าที่ของ รพ.และคลินิก นำมาส่งให้เผา แต่เป็นช่วงเกิดภาวะวิกฤตหมอกควันพอดี จึงต้องเก็บไว้ใต้ถุนเมรุก่อน จนเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเจอ ส่วนภรรยา ป้าบุญ ไปให้ปากคำตำรวจ ปฏิเสธไม่รู้จักอดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ และไม่เคยขายศพเด็กทารกให้กับพระสงฆ์รูปใด

 จากกรณีตำรวจภาค 5 นำโดย พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ และ แพทย์เวรจาก รพ.มหารราชนครเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบสุสานหายยา ตามคำซัดทอดของ นายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อเชียงใหม่ ว่า ได้มาซื้อศพจากนางสมบูรณ์ ภรรยาสัปเหร่อ สุสานหายยา และไปทำพิธีฝังไว้ใต้ฐานพระพรหม ที่วัดห้วยดินจี่ ทางตำรวจมาตรวจสอบสุสาน พบถุงดำใส่ชิ้นส่วนศพ และชิ้นส่วนเด็กทารก ซุกซ่อนใต้เมรุ 2 แห่ง รวม 20 ถุงดำ รอการเผา

 

 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดมาตรวจสอบทั้งหมด ขณะเจ้าหน้าที่เทศบาลฝ่ายสุขาภิบาล แจ้งว่าสุสานหายยา เลิกรับซากศพจากโรงพยาบาลต่างๆ มานานกว่า 2 ปี แล้ว แต่ไม่ทราบว่าซากศพในถุงดำ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ โผล่มาได้อย่างไร เตรียมตั้งกรรมการสอบทางวินัยกับสัปเหร่อสุสาน โทษถึงไล่ออก ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

 

 ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 เม.ย. ที่ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ. 5 เปิดเผยว่า ได้รับผลการชันสูตรอย่างไม่เป็นทางการจากแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่แล้วว่า ผลการชันสูตรศพเด็กหญิงวันเพ็ญออกมาแล้ว สรุปได้ว่าซากศพดังกล่าวเป็นเพศหญิงและเสียชีวิตระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา ดังนั้นจึงเป็นการตายก่อนเด็กจะคลอดออกมา

 

 ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในการครอบครองศพ คือ นายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาส ที่นำซากดังกล่าวไปฝัง จึงพ้นจากความผิด แต่เราจะทำการสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีการลักขโมยศพมาหรือไม่ ส่วนข้อหา ปิดบังซ่อนเร้นศพนั้น ก็ไม่เข้าข่ายความผิด เพราะทารกยังไม่คลอดออกมาจากครรภ์ อย่างไรก็ตามเราจะกันไว้เป็นพยาน สำหรับสาเหตุการตายของทารกนั้น ทางแพทย์ระบุว่า ศพตายมานานเกินไปที่จะพิสูจน์ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ปี 2555 การพิสูจน์ชิ้นเนื้อ ต่างๆ ไม่สามารถทำได้แล้ว

 

 พล.ต.ต.ปชา กล่าวอีกว่า สำหรับอวัยวะและชิ้นส่วนมนุษย์ที่ตรวจพบที่สุสานหายยา ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เราจะต้องได้ตัว ป้าบุญ หรือ นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี อยู่ถนนทิพเนตร ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อน จึงจะทราบว่านำมาจากที่ไหนกันบ้าง แต่เท่าที่สอบสวน นายสุทัศน์ เนรมิตร สัปเหร่อ สามีนางสมบูรณ์ รับว่า ได้นำชิ้นส่วนมนุษย์ มาจากโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ  ซึ่งคำให้การดังกล่าวสอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่เทศบาลบอกว่า ที่ผ่านมารับชิ้นส่วนมนุษย์ มาเผาทำลายจริง แต่ปัจจุบันได้งดรับไปแล้ว ส่วนที่เจอนั้นสัปเหร่อเป็นคนแอบทำกันเอง หวังค่าจ้าง จากโรงพยาบาล ในการทำลายดังกล่าว

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายงานว่า ป้าบุญ หรือ นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี พร้อมด้วย สามี นายสุทัศน์ เนรมิตร อายุ 58 ปี สัปเหร่อสุสานหายยา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยป้าบุญ หรือ นางสมบูรณ์ เมียสัปเหร่อ ได้ปฏิเสธกับพนักงานสอบสวนว่า ไม่รู้จักกับนายเฉลิมแต่อยางใด และนายเฉลิมให้การซัดทอดมั่ว ตนไม่เคยขายศพเด็กทารก และไม่ได้มีหน้าที่ยุ่งเกี่ยวกับสุสาน แต่อย่างใด ขอปฏิเสธ ไม่เคยติดต่อหรือนำศพเด็กไปขายให้กับพระสงฆ์ ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ นางสมบูรณ์ หรือ ป้าบุญ ภรรยาของสัปเหร่อ และ นายสุทัศน์ สัปเหร่อ ไว้ จากนั้นก็ได้อนุญาตให้ทั้งคู่เดินทางกลับ

 

 ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ และได้เข้าพบกับนายสุทัศน์ หรือ พี่นวย สัปเหร่อ อีกครั้งเพื่อสัมภาษณ์เป็นกรณีพิเศษ โดยนายสุทัศน์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนทำงานที่สุสานหายยา แห่งนี้มาได้กว่า 20 ปีแล้ว และภรรยาของตนคือ ป้าบุญ หรือ นางสมบูรณ์ ได้อยู่กินกันมาเกือบ 30 ปี ป้าบุญ มีลูกสาวติดมา 1 คน ถือเป็นบุพเพสันนิวาส ป้าเขาจะอายุมากกว่าลุง และวันนี้ตนกับป้าก็ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วงเช้ามาแล้ว ภรรยาของตนให้การปฏิเสธเรื่องการขายศพเด็กทารก ให้กับอดีตพระวัดห้วยดินจี่ และไม่รู้จักด้วย  

 

 สำหรับตนนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้สอบปากคำเรื่องถุงที่มีชิ้นส่วนศพ ตนก็ได้ให้การไปว่า มีเจ้าหน้าที่ของ รพ.หลายแห่ง นำชิ้นส่วนศพและซากเด็กทารก รวมทั้งของคลินิกด้วย ใส่รถนำเข้ามาในป่าช้า ไม่พูดอะไร เมื่อมาถึงก็ขนลงมา และบอกกับตนว่า ให้ทำการเผา และให้เงินตนมานิดหน่อย ตนก็ดำเนินการให้ตามปกติ

 

 ทั้งนี้รู้ว่าทางเทศบาลนครเชียงใหม่ มีกฎหมายยกเลิกการเผาศพจาก รพ. เพราะทำให้เตาเผาเสีย แต่ทำอย่างไรได้ เมื่อมีการขนมาถึงป่าช้าแล้ว ตนก็ปล่อยเลยตามเลย สำหรับถุงดำ จำนวน 16 ถุงดำ ที่อยู่ใต้เมรุแรก ยังไม่ทันเผา ก็เกิดช่วงวิกฤตหมอกควันที่เชียงใหม่อย่างหนัก ตนจึงไม่กล้าเผา ช่วงนั้นจึงเก็บไว้ใต้ถุนเมรุดังกล่าว ส่วนถุงดำอีก 4 ถุงข้างเมรุที่สองนั้น เป็นเพียงเศษชิ้นเนื้อศพ ไม่มากเท่าไหร่ เตรียมจะเผาแล้ว เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเสียก่อนช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตหมอกควัน ตนก็ไม่ยอมเผา

 

 แม้แต่เศษใบไม้ต่างๆ ในสุสาน ตนก็จะไม่เผา ทำตามกฎเพื่อร่วมมือในการช่วยลดหมอกควัน แต่หากเป็นศพประชาชนทั่วไปที่มาฌาปนกิจศพ ก็จะดำเนินการให้ตามปกติ ชิ้นส่วนศพและชิ้นส่วนเด็กทารก ที่อยู่ในถุงดำ มาจากหลายที่ ไม่รู้ที่ไหนบ้าง ตนก็จะเก็บไว้ก่อน รอให้อากาศเปิด แต่ไม่ทันแล้ว ทางเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาตรวจสอบ

 

 ตนคงถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัยอย่างแน่นอน ถือเป็นคราวเมื่อผีมาถึงป่าช้าแล้ว มันก็ต้องเผา สำหรับป้าบุญ หรือ นางสมบูรณ์ ภรรยาของตน ก็ได้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ตามวัดต่างๆ พร้อมกับลูกสาว  และเมื่อวันที่ 23 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่สุสาน ภรรยาของตนได้หลบหนีไป ไม่ได้หลบหนีตำรวจแต่อย่างใด แต่บังเอิญจังหวะมีเจ้าหนี้เงินกู้ร้อยละ 20 มาพอดี ภรรยาตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้หลบหนีไป และได้กลับเข้ามาบ้านช่วงประมาณ 20.00 น. ตนก็บอกให้ภรรยาทราบว่าตำรวจขอเชิญตัวไปให้ปากคำ ภรรยาของตนก็พร้อม และเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดังกล่าว สำหรับสัปเหร่อ อีก 2 คนนั้น เป็นลูกน้องของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเผาซากศพในถุงดำแต่อย่างใด ตนเป็นผู้รับดำเนินการเอง โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพียงเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่ที่นำศพมาให้

 

ขอขอบคุณที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X