|
นายนพดล ภูวพานิช ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด กรมประมง เผยถึงกรณีชาวบ้าน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เสียชีวิตจากการกินปลาปักเป้าน้ำจืด
เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนำปลาปักเป้าน้ำจืดลายสีดำ ตาสีแดง มีครีบ ลำตัวไม่มีหนาม จากลำห้วยเสียว มาต้มใส่ใบมะขามอ่อน โดยไม่ได้ผ่าล้างเครื่องในออก หลังจากนั้น เกิดมีอาการชาที่ปากและหมดแรง อาเจียนอย่างหนัก หายใจหอบ สุดท้ายช็อกหมดสติ ญาติๆจึงนำส่งโรงพยาบาลอำเภอวาปีปทุม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนบ้านอีกคน ซึ่งได้แบ่งปลาปักเป้าไปทำห่อหมกใบตอง ขณะนี้ได้พักรักษาอยู่ห้องผู้ป่วยหนักของ รพ.มหาสารคาม
“ปลาปักเป้าน้ำจืดมีอยู่หลายชนิด แต่ที่มีการสะสมพิษในตัวจะมีอยู่จำนวน 8 ชนิด มากกว่าปลาปักเป้าน้ำกร่อยมีพิษ ซึ่งมีอยู่แค่ 4 ชนิดเท่านั้นเอง และลักษณะพิษของปลาปักเป้าน้ำจืดจะมีการสะสมพิษในอวัยวะทุกส่วน และพิษจะมีมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูวางไข่ ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน”
และจากการนำปลาปักเป้าน้ำจืดลักษณะเดียวกับที่ผู้เสียชีวิตกินไปมาผ่าพิสูจน์ ผอ.กองวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเผยว่า พิษที่พบเป็น tetrodotoxin จะพบมากในหนัง ไข่ เครื่องใน และในเนื้อปลาปักเป้าน้ำจืด โดยพิษนี้สามารถทนความร้อนได้สูง 170 ํ C ได้นาน 10 นาทีกว่าจะสลายไป โดยพิษดังกล่าวจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อไม่ทำงาน เป็นอัมพาต และเมื่อพิษเข้าสู่หัวใจ จะทำให้หัวใจล้มเหลว และปัจจุบันในทางการแพทย์ยังไม่มียาต้านพิษของปลาปักเป้าโดยเฉพาะ สำหรับวิธีการรักษาต้องใช้การรักษาตามสภาพอาการไปจนกว่าไตของผู้ป่วยจะขับพิษออกไปเอง
หน้าตาของปลาปักเป้าน้ำจืด
สำหรับเหตุการณ์คนกินปลาปักเป้าน้ำจืดแล้วเสียชีวิต ในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์กินปลาปักเป้าแล้วตายขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.2549 หรือเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา กระทั่งมาเกิดขึ้นในปีนี้อีกครั้ง
ขณะนี้กรมประมงได้ออกประกาศเตือนชาวบ้านให้รู้ว่าปลาปักเป้าน้ำจืดมีพิษอันตราย ห้ามบริโภคเด็ดขาด อีกทั้งได้ประสานงานกับทางกระทรวงสาธารณสุขให้ออกประกาศระบุให้ปลาปักเป้าทุกชนิดและอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสมเป็นอาหารห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 2 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์