จับชิงไอโฟน ภัยข้างถนน มุ่งเหยื่อเดินแช็ต ใช้มีดไล่ฟันมือ

จับ 3 โจ๋ใช้มีดฟันมือ ชิงไอโฟน-กระเป๋า เล็งเหยื่อเดินเล่นโทรศัพท์ข้างถนน ช่วงกลางคืนอาละวาดทั่วย่านราชวิถี อนุสาวรีย์ชัยฯ ดินแดง ตร.เช็กวงจรปิดตามล่า แต่ละคนประวัติแสบ ก่อเหตุมาแล้วคนละหลายคดี

เมื่อ เวลา 11.30 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณพักตร์ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ทรงพล วัธนชัย พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รองผบก.น.1 พ.ต.อ.ชณาวิน พวงเพชร ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.ปกรณ์ ภาวิไล รองผกก.สส.สน.พญาไท พ.ต.ท.พิศิษฐ์ กิติพัฒน์ธารากุล สว.สส.สน.พญาไท และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสน.พญาไท ร่วมแถลงข่าวจับกุม 3 ผู้ต้องหาใช้อาวุธมีดชิงทรัพย์ โดยเฉพาะโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

สำหรับ ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายจักร กฤษณ์ หรือกฤษณ์ วรรณคง อายุ 18 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 162/2558 ลงวันที่ 26 ม.ค., นายอำนาจ หรือบอส หลำพรม อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 163/2558 ลงวันที่ 26 ม.ค. แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ ผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ จับกุมได้บริเวณถนนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ และนายณัฐธัญพงศ์ หรือต้น จันทร์บุตร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 170/2558 แจ้งข้อหา ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ พกพาอาวุธมีด และทำร้ายร่างกาย จับกุมได้บริเวณบ้านเลขที่ 2/35 ซอยเหรมสมบัติ ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ

พร้อม ของกลาง อาวุธมีดขนาด 12 และ 17 นิ้ว อย่างละ 1 เล่ม รถจยย.ฮอนด้าเวฟ 100 สีขาวม่วง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน รถจยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ 150 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมวกกันน็อกสีขาวและสีดำ อย่างละ 1 ใบ กุญแจรถฮอนด้าซิตี้ ทะเบียน 1 กญ 9726 กรุงเทพมหานคร กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ ไอแพด 3 สีขาว 1 เครื่อง

พ.ต.อ.ชณาวินเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ม.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณริมทางเท้าหน้าปทุมวันรีสอร์ท ถนนพญาไท แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เกิดเหตุคนร้าย 2 คนร่วมกันก่อเหตุชิงทรัพย์ใช้รถ จยย.สีขาว-ม่วงเป็นยานพาหนะ เอากระเป๋าสะพายของน.พ.ยุทธนา แสงสุดดา อายุ 59 ปี ผู้ช่วยผู้อำนวยการร.พ.ราชวิถี ขณะเดินทางไปบนทางเท้า โดยคนร้าย 2 คนได้เข้ามาทางด้านหลัง จากนั้นเอามือล็อกคอแล้วเอามีดฟัน แล้วชิงกระเป๋าสะพายหลบหนีไป ผู้เสียหายจึงได้มาร้องพนักงานสอบสวนสน.พญาไท

พ.ต.อ. ชณาวินกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ดูภาพ จากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ พบตำหนิ รูปพรรณสัณฐานของคนร้าย โดยรถจยย. มักใช้เส้นทางถนนพญาไท และถนนเพชรบุรี ตัดใหม่ เป็นเส้นทางก่อเหตุช่วงเวลาประมาณ 23.00-05.00 น.เป็นประจำ กระทั่งฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา พบรถจยย.และผู้ต้องต้องสงสัยที่บริเวณถนนนิคมมักกะสัน ขับขี่สวนทางมา จึงให้หยุดตรวจค้นพบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ 2 เล่ม กุญแจ รถยนต์ของผู้เสียหาย

พ.ต.อ.ชณาวินกล่าวอีกว่า ได้คุมตัวนายอำนาจคนขับ และนายจักรกฤษณ์คนซ้อนท้ายมาสอบสวน จนกระทั่งรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว โดยนำไอแพดไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าย่านห้วยขวาง เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางไว้ทั้งหมด แล้วขออนุมัติหมายศาลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาส่งพนักงาน สอบสวนดำเนินคดี โดยให้ผู้เสียหายตรวจสอบทรัพย์สินและยืนยันว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นคนที่ก่อ เหตุทำร้ายจริง

จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คดี โดยนายจักรกฤษณ์เคยมีประวัติต้องโทษคดีเสพกัญชา ที่สน.ห้วยขวาง และเคยฝึกก่อเหตุโดยใช้มีดกรีดหรือฟันที่มือเหยื่อเพื่อให้ทิ้งของในมือจาก นายณัฐธัญพงศ์

สำหรับนายณัฐธัญพงศ์ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ นายรัฐพล หัทยาภิชาติ อายุ 24 ปี สถาปนิก โดยใช้มีดฟันที่มือเพื่อชิงไอโฟน 6 ขณะเดินถือโทรศัพท์เล่นไลน์ ที่บริเวณบันไดทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

จากการสอบสวนทราบว่านาย ณัฐธัญพงศ์ได้ชักชวนนายจักรกฤษณ์ไปก่อเหตุด้วย แต่นายจักรกฤษณ์ไม่ได้ไป นายณัฐธัญพงศ์ จึงไปก่อเหตุคนเดียว โดยระหว่างที่เห็นผู้เสียหายเดินเล่นโทรศัพท์มือถือ ได้ขับรถจยย.กลับมา และเข้าไปทำร้ายเพื่อชิงโทรศัพท์ แต่ผู้เสียหายต่อสู้จึงได้ใช้มีดฟันไปโดนที่แขน ก่อนที่จะเห็นว่าสู้ไม่ได้จึงได้ทิ้งมีดที่ใช้ก่อเหตุ และทำหมวกกันน็อกตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งนายจักรกฤษณ์ยืนยันว่าเป็นของนายณัฐธัญพงศ์จริง จึงขอศาลออกหมายจับ และตามจับกุมได้พร้อมของกลาง

ด้านนายณัฐธัญพงศ์รับสารภาพว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร เคยก่อเหตุลักษณะ ดังกล่าว ประมาณ 3 คดี โดยเลือกเหยื่อที่มักจะเดินเล่นโทรศัพท์มือถือ และมักจะก่อเหตุบริเวณ 3 พื้นที่ ได้แก่ โบสถ์แม่พระฯ ดินแดง ห้างฟอร์จูน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่าง ที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้เสียหายที่อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมินั้น ผู้เสียหายได้ต่อสู้ขัดขืน เกรงว่าจะสู้ผู้เสียหายไม่ได้ จึงชักมีดออกมาทำร้าย แต่เมื่อเห็นผู้เสียหายพยายามต่อสู้จึงได้ทิ้งมีดเอาไว้ และคืนโทรศัพท์ให้ผู้เสียหายแล้วขับรถหลบหนีไป สาเหตุที่ทำไปเพื่อเอาเงินไปรักษาพ่อที่มีอาการป่วยเป็นอัมพฤกษ์

ด้าน น.พ.ยุทธนาผู้เสียหายกล่าวว่า ระหว่าง เดินทางไปตามทางเดินเพื่อกลับบ้านเมื่อวันที่ 23 ม.ค. เวลาประมาณ 23.00 น. มีคนร้าย 2 คน ขับรถจยย.มาทางด้านหลัง ตรงเข้ามาทำร้ายและล็อกคอ แล้วใช้มีดฟัน ระหว่างที่ล้มลงคนร้ายได้ชิงกระเป๋าสะพายไป ภายในมีไอแพด และกุญแจรถ จึงเดินไปแจ้งความ ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายได้เร็วขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้ ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น และเชื่อว่าจะทำให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในบริเวณดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผกก.สน.บางรัก แถลงข่าวจับกุมนายเอกมงคล หรือเอ พาผล อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 279/1 หมู่ 4 ต.พระแก้ว อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ข้อหาปล้นทรัพย์ หรือรับของโจร พร้อมของกลางรถจยย.ฮอนด้า รุ่นเอ็มเอสเอ็กซ์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

พ.ต.ท.กัมปนาท เศรษฐ์ฤทธิกุล รอง ผกก.ป. สน.บางรัก กล่าวว่า เที่ยงคืนวันที่ 27 ม.ค. ชุดจู่โจมสน.บางรัก พบนายเอกมงคลขี่รถ จยย.ไม่ติดแผ่นป้ายดังกล่าว บริเวณปากซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 1 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก จึงขอตรวจค้นและตรวจสอบทราบว่า เป็นรถที่ถูกคนร้าย 8 คน ขี่รถจยย. 6 คน ประกบถีบจนล้ม ก่อนปล้นรถไปเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ในท้องที่สน.บางขุนเทียน จึงจับกุมนายเอกมงคลและขยายผลติดตามผู้ต้องหา ที่เหลือต่อไป

พ.ต.อ. ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก แถลงจับกุมนายชนาธิป หรือเบส ปิยภาโส อายุ 18 ปี และนายเอก (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมของกลางมีดหัวตัดยาว 20 นิ้ว 2 เล่ม และมีดปลายแหลมยาว 9 นิ้ว 1 เล่ม และกระเป๋าสะพายแบบผู้หญิงภายในมีโทรศัพท์มือถือ และเงินสด 140 บาท

พ.ต.อ. ศรายุทธกล่าวว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ผู้ต้องหาร่วมกับเพื่อนชื่อนายหมาน ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุ 20 ปี ใช้อาวุธมีดก่อเหตุปล้นทรัพย์นายดาวิกา วรรฤทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มโป่งอยู่ใกล้เคียงนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บริเวณ ฟุตปาธใกล้สะพานลอยหน้าการกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ส่วนนายหมานขี่จยย.หลบหนีไปได้ สอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ