ทีมนักวิทยาศาสตร์จากเกาหลีใต้ นำโดยศาสตราจารย์ กวอน ซังฮูน จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการร่นระยะเวลาเพาะเชื้อเพื่อสังเกตอาการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย ให้ลดน้อยลงกว่าเวลาที่ใช้ในการเพาะเชื้อปกติหลายเท่าตัว เปิดโอกาสให้แพทย์สามารถปรับยาหรือเปลี่ยนวิธีการรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงที ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญนำไปสู่การลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากการติดเชื้อดื้อยาลงได้

ตามวิธีการมาตรฐานที่ใช้กันอยู่ในห้องปฏิบัติการเพาะและทดสอบเชื้อทั่วไปเพื่อดูว่าเชื้อโรคที่ผู้ป่วยได้รับนั้นดื้อยาหรือไม่ ในเวลานี้จะเป็นการนำตัวอย่างจากผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเลือด หรือปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งอื่นๆ ไปเพาะเชื้อในห้องทดลอง พร้อมกับทดลองดูว่าเชื้อนั้นๆ สามารถแบ่งตัวต่อไปได้หรือไม่ หลังจากสัมผัสกับยาปฏิชีวนะแต่ละชนิดที่ให้ หากยังแบ่งตัวต่อไปได้เมื่อได้รับยาชนิดหนึ่งชนิดใดไป ก็แสดงว่าเชื้อดังกล่าวเป็นเชื้อดื้อยา

ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือ กว่าจะได้รับคำตอบว่าเชื้อที่ผู้ป่วยได้รับมาดื้อยาหรือไม่ และดื้อยาอะไร จำเป็นต้องใช้เวลานานระหว่าง 16-20 ชั่วโมง

ทีมนักวิจัยจากเกาหลีใต้สามารถคิดค้นวิธีการที่ช่วยย่นระยะเวลาในการตรวจสอบการดื้อยาดังกล่าวให้ลดลงเหลือเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

กรรมวิธีที่ใช้ในกระบวนการวินิจฉัยเชื้อว่าดื้อยาหรือไม่แบบใหม่นี้ใช้เวลาน้อยกว่าเดิมมาก เนื่องจากตัดกระบวนการเพาะเชื้อของแบคทีเรียหรือเชื้อโรคแต่ละอย่างไปทั้งหมด แต่อาศัยกรรมวิธีทางพันธุวิศวกรรมมาสังเกตโครงสร้างของเซลล์แต่ละตัวของเชื้อแบคทีเรียแทน ว่าโครงสร้างของเซลล์เฉพาะในเซลล์หนึ่งๆ ของแบคทีเรียชนิดนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อสัมผัสกับยาปฏิชีวนะ ทำให้กระบวนการวินิจฉัยเชื้อสั้นลงอย่างมาก

ระยะเวลาวินิจฉัยโรคที่รวดเร็วขึ้นมากนี้ นอกจากจะช่วยให้แพทย์สามารถระบุตัวยาที่เหมาะสมในการรักษาอาการติดเชื้อได้แล้ว ยังช่วยให้การเปลี่ยนรูปแบบการรักษาหากจำเป็นทำได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ลดการใช้ยาปฏิชีวนะแบบเหวี่ยงแห และไม่จำเป็นลงได้อย่างมาก

องค์การอนามัยโลกเพิ่งนำเสนอรายงานออกมาเมื่อไม่นานมานี้ว่า ภาวะดื้อยาปฏิชีวนะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสภาวะสุขอนามัยของโลก เนื่องจากส่งผลให้เชื้อโรคธรรมดาๆ ทั่วไปที่เคยรักษาหายได้ง่ายๆ ด้วยยาปฏิชีวนะหนึ่งๆ กลับไม่สามารถรักษาหายได้เพราะการดื้อยา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากสาเหตุนี้ เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเองมีผู้ประสบปัญหาดังกล่าวนี้ถึงราว 2 ล้านคน และเสียชีวิตเพราะเชื้อดื้อยาถึง 23,000 คนแล้ว

ทางองค์การอนามัยโลกนอกจากจะเรียกร้องให้ลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงแล้ว ยังเรียกร้องให้เร่งพัฒนาวิธีการวินิจฉัยเชื้อดื้อยาให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของวิธีการใหม่ที่คิดค้นโดยทีมวิจัยเกาหลีใต้นี้ก็ยังมีอยู่ นั่นคือวิธีการนี้อาจใช้ไม่ได้ผลกับเชื้อโรคทุกสายพันธุ์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งการศึกษาหารูปแบบเชิงสัณฐานของเชื้อโรคใหม่ๆ ให้ละเอียดรอบคอบก่อนที่จะนำวิธีการนี้มาใช้อีกด้วย

นอกจากนั้น วิธีการนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนพัฒนาเบื้องต้นอยู่มาก และยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานไม่น้อยกว่าห้องปฏิบัติการทั่วไปจะสามารถนำวิธีการนี้ไปประยุกต์ใช้ได้