อยากผิวขาวกระจ่างใส...เชิญทางนี้เลย!
2012-06-19 17:23:28
Advertisement
คลิก!!!


อยากผิวขาวกระจ่างใส...เชิญทางนี้เลย! (Lisa)

เรามีทุกปฏิบัติการที่ช่วยต่อต้านความหมองคล้ำและกำจัดจุดด่างดำ เพื่อนำไปสู่ผิวขาวกระจ่างใส อะไรเป็นอะไร และได้ผลแค่ไหน ตามเราไปพิสูจน์กันเลย

ก่อนอื่น...มาทำความเข้าใจเรื่องสีผิวกันหน่อย

อย่าเพิ่งเบื่อนะ ถ้าเราจะเริ่มต้นด้วยการเลกเชอร์สักหน่อยว่า สีผิวหมองคล้ำและจุดต่างดำที่คุณๆ ไม่ชอบกันนั่นน่ะเกิดมาจากไหน เพราะถ้าไม่ "รู้เขา รู้เรา" เสียก่อน จะต่อสู้กับมันได้ยังไงล่ะ...จริงมั้ย

ความจริงแล้วไอ้เจ้าความหมองคล้ำหรือจุดด่างดำที่คุณไม่ชอบกันน่ะ มันเกิดขึ้นมาจากกลไกการป้องกันตัวเองของผิวเรานะ พูดง่าย ๆ ก็คือการสร้างเม็ดสีผิวหรือที่เรียกว่าเมลานิน (จำคำนี้ไว้ให้ดีล่ะ นี่คือคีย์เวิร์ดของเรื่องสีผิวเลยนะ) เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องผิวจากอันตรายจากภายนอก โดยเฉพาะจากรังสียูวีตัวร้ายนั่นไง

โดยผิวหนังคนเราจะมีกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่าเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งอยู่ชั้นล่างของชั้นผิวหนังกำพร้า ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสร้างเม็ดสีผิว โดยมีเอนไซม์ไทโรซิแนส (Tyrosinase) เป็นตัวสั่งการว่าจะให้เม็ดสีเมลานินที่ผลิตขึ้นมานั้น มีความจางหรือเข้มขนาดไหน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านเชื้อชาติพันธุกรรม และปัจจัยทางสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเช่น หญิงตั้งครรภ์ จะมีการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดสีขึ้นมามากกว่าปกติ นอกจากนี้ การกินยาคุมกำเนิด และการใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ก็มีส่วนทำให้ผิวหมองคล้ำแลดูไม่สดใสด้วย ผู้คนในแวดวงความงามสมัยนี้ จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเอนไซม์ไทโรซิแนสตัวนี้แหละ เพราะเชื่อว่าถ้าควบคุมการทำงานของมันได้ ปัญหาความหมองคล้ำหรือการสร้างเม็ดสีผิวผิดปกติก็จะหมดไป

ผิวไม่ขาวกระจ่างใสจัดการยังไงได้บ้าง

อย่างง่าย ๆ เลยก็คือการปกป้องแสงแดด เพราะรังสียูวีเป็นต้นตอสำคัญของสีผิวหมองคล้ำ และจุดด่างดำทั้งหลาย ง่ายขนาดนั้นเลยล่ะ

แต่ถ้าเกิดผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำไปแล้ว การจัดการกับความหมองคล้ำก็มีหลายระดับด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใส ที่มีอยู่อย่างมากมายในท้องตลาด ซึ่งเราจะพูดถึงกันต่อไป

แต่ถ้ามีปัญหาสีผิวที่ค่อนข้างรุนแรงประมาณฝ้าเต็มใบหน้า ผิวหมองคล้ำเหมือนโดนของ ระดับนี้ก็อาจต้องใช้เความช่วยเหลือจากมืออาชีพอย่างแพทย์ผิวหนัง ซึ่งไม่ได้รักษาแต่สิวนะจ๊ะ ผิวหมองคล้ำต่างดำหนัก ๆ เข้า หมอก็รักษาด้วยเหมือนกัน ซึ่งอาจจะรักษาด้วยการใช้ยาทา การใช้สารเคมีขัดลอกผิว ไปจนถึงการใช้บริการของเครื่องมือไฮเทคอย่างแสงเลเซอร์ชนิดต่าง ๆ เพื่อขจัดชั้นผิวที่เสียหายออกไป ทำให้เหลือชั้นผิวที่สุขภาพดีกว่าแล้วก็ขาวกระจ่างใสกว่า แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องอาศัยหมอมืออาชีพที่มีประสบการณ์ อย่าได้สุ่มห้าสุ่มหกไปทำกับหมอเถื่อนเชียวนะ เพราะหน้าอาจจะ "พัง" จนหมดอนาคตได้

ทา ๆ ถู ๆ...ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใสมีอะไรกันบ้าง

ถ้าผิวยังไม่หมองคล้ำขนาดหนัก อาศัยความช่วยเหลือจากผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใสไปก่อนก็โอ.เค. นะ เพราะผลิตภัณฑ์ตามเคาน์เตอร์ มักจะมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ไม่รุนแรงเท่ากับยา สามารถซื้อหามาทาเองได้ ถ้าเลือกให้เหมาะสมกับผิวและสภาพปัญหา ก็สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นมาได้ในแบบที่ไม่มีอันตราย โดยผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใสที่มีขายตามเคาน์เตอร์นั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำงานอยู่สามแบบนั่นก็คือ

1. หยุดยั้งการสร้างเม็ดสี

มีส่วนผสมหลายชนิดที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ เช่น Arbutin เป็นสารสกัดจากพืชชนิดหนึ่ง ปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างเมลานินด้วยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีแนส การทำงานของอาร์บูตินส่งผลค่อนข้างช้า แต่มีผลข้างเคียงน้อยมาก

ถัดมาก็คือ วิตามินซี ซึ่งทั้งช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีแนส และช่วยฟอกสีผิวให้จางลงด้วย แต่ข้อเสียของวิตามินซีคือ มันจะลดประสิทธิภาพได้ง่ายเมื่อโดนแสง แต่ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า จึงมีการพัฒนาอนุพันธ์ของวิตามินซี ให้มีฤทธิ์เทียบเท่ากับตัววิตามินซีเอง แต่มีความคงตัวที่ดีขึ้นมาใช้ เช่นเดียวกับ Kojic Acid ก็เป็นสารสกัดอีกตัวหนึ่ง (ได้มาจากกระบวนการหมักข้าวเพื่อเอาไปทำสาเกในญี่ปุ่น) ที่ช่วยหยุดยั้งความหมองคล้ำและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย แต่ก็เป็นสารที่ไม่ค่อยเสถียรเหมือนวิตามินซี จึงมีการนำเอา Kojic Dipalmitate มาใช้แทน

นอกจากนี้ก็ยังมี Azelaic Acid กรดที่พบในธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวไรย์ และบาร์เลย์เคยใช้เพื่อรักษาสิว แต่มีงานวิจัยที่แสดงว่ามันช่วยแก้ปัญหาสีผิวได้ด้วย โดยสามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้ เช่นเดียวกับ Tretinoin ซึ่งมักใช้ในเรื่องการต่อต้านริ้วรอย และมีงานวิจัยบ่งชี้ว่าสามารถช่วยในเรื่องการรักษาสีผิวได้เช่นกัน

2. ผลัดเซลล์ผิว

ส่วนใหญ่จะใช้ส่วนผสมที่เป็นกรดอ่อน ๆ อย่างกรดอัลฟ่าไฮดร็อกซี่หรือเอเอชเอ กรดเบต้า-ไฮดร็อกซี่หรือบีเอชเอ และเรตินอล โดยกรดพวกนี้มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าๆ ด้วยการกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าที่เกาะทับถมกันอยู่นั้น แยกออกจากกัน และหลุดลอกออกไปเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็จะกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ๆ ขึ้นมาแทนที่ แถมยังช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ด้วย ส่งผลให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและขาวกระจ่างใสกว่าเดิม แต่ถ้าใช้กรดผลไม้ต่างๆ นี้ คุณจะต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัด เพราะถ้าโดนแดดเมื่อไหร่ก็จะเกิดปฏิกิริยาระคายเคือง ซึ่งอาจจะส่งผลร้ายต่อผิวได้ในที่สุด ทางที่ดีก็ควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดดเสมอ

3. ฟอกสีผิวให้จางลง

นอกจากการแก้ปัญหาสีผิวจากเอนไซม์ไทโรซีแนสที่เป็นต้นตอแล้ว อีกวิธีการหนึ่งที่มักถูกใช้ควบคู่กันไปด้วยก็คือ การทำให้จุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนผิวจางลง ด้วยการใช้ส่วนผสมที่มีฤทธิ์ในการฟอกสีผิว อย่างเช่น Licorice หรือสารสกัดจากชะเอม ซึ่งมีฤทธิ์ในการทำให้สีผิวจางลงได้ หรือส่วนผสมบางอย่างที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ก็ทำหน้าที่ในการฟอกสีผิวด้วย เช่น วิตามินซี ซึ่งทำให้วิตามินซีและอนุพันธ์วิตามิซี ได้ชื่อว่าเป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใสทั้งหลายเลยทีเดียว

สารที่มีฤทธิ์ในการฟอกสีผิวที่ได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดอีกตัวหนึ่งที่ต้องพูดถึงในที่นี้ ก็คือไฮโดรควิโนน หลายคนคงเคยได้ยินว่าสารตัวนี้เป็นสารต้องห้ามในเครื่องสำอางที่มีขายตามเคาน์เตอร์ เพราะได้มีการค้นพบผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์หลายอย่างของสารตัวนี้ นั่นคือก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวจนทำให้เกิดอาการหน้าแดงและเปลี่ยนเป็นสีดำได้ในที่สุด

ถึงแม้สารไฮโดรควิโนนจะมีผลข้างเคียงที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไฮโดรควิโนนถือเป็นสารฟอกสีผิวที่ทรงประสิทธิภาพมาก และในสหรัฐอเมริกายังมีการอนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางตามเคาน์เตอร์ได้ในปริมาณไม่เกิน 2% แต่ในเมืองไทยนั้นถือเป็นสารที่ห้ามใช้โดยสิ้นเชิงในเครื่องสำอาง แต่อนุโลมให้ใช้ได้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะฉะนั้นระวังเครื่องสำอาง “เถื่อน” ที่แอบผสมสารต้องห้ามตัวนี้กันให้ดีล่ะ

Tip อยากใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวใสหลาย ๆ อย่างได้หรือเปล่า

ก็ได้อยู่ แต่ต้องดูด้วยว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นมีส่วนผสมที่เน้นการทำงานแบบไหน ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมซึ่งทำหน้าที่อย่างเดียวกัน จะทาซ้อนๆ ทับๆ กันไปหลายตัวก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มเติม แต่ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำงานในส่วนที่ต่างกัน คุณก็จะได้ประโยชน์จากมันเพิ่มขึ้นด้วยยังไงล่ะ

Did Brightening Mask

มาส์กตำรับทำเองง่าย ๆ ราคาไม่แพง ที่ก็สามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้เหมือนกัน

Papaya Brightening Mask

มาส์กพอกหน้าตำรับนี้อุดมไปด้วยกรดผลไม้ และเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายเซลล์ผิวเก่าๆ ให้หลุดลอกออกไป ขั้นแรกก็หั่นมะละกอดิบเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ ½ ถ้วย ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ช้อนชา และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในเครื่องปั่นเพื่อปั่นจนเป็นนื้อละเอียด จากนั้น นำมาทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 8 ถึง 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

Milk Brightening Mask

มาส์กพอกหน้าตำรับนี้ใช้กรดแล็กติคในน้ำนมเป็นตัวผลัดเซล์ผิวเก่าๆ ออกไป ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้ ใส่แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนชาลงในชามสะอาด แล้วเติมผงขมิ้นลงไปหนึ่งหยิบมือต่อด้วยการบีบน้ำมะนาวลงไปประมาณ 4 หยด และน้ำมันมะกอกอีกครึ่งช้อนชา คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันก่อนใส่นมสด 1 ช้อนชา ตามลงไป คนส่วนผสมต่อไปจนเข้ากันดี แล้วนำมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง หรือจนกว่าผิวหน้าจะรู้สึกตึงๆ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำเย็น

ข้อมูลจากกระปุกดอดคอม

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X