'ดร.เซปิง' แถลงทั้งน้ำตา ยันทำโครงการ 'เฟซออฟ' ต่อ-โต้โฆษณาเกินจริง
2016-02-23 20:15:57
Advertisement
คลิก!!!

จากกรณีที่ นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย (ส.บ.ท.) เข้าแจ้งความกับพ.ต.อ.หญิง ปวีณา เอกฉัตร พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.สมเด็จเจ้าพระยาว่า ถูกน.ส.เซปิง ไชยศาส์น แอบอ้างว่าเป็นหลานสาว เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยนพ.ชลธิศ เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ว่า ถูกน.ส.เซปิงแอบอ้างว่าเป็นหลานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้มาแจ้งความเรื่องเฟซออฟ (Face Off) และได้รับแจ้งความไว้แล้วนั้น ในข้อหาข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน จากการที่พนักงานสอบสวนแล้วนั้น ทราบว่าน.ส.เซปิง ไชยศาส์น กับน.ส.สุดารัตน์ ไชยสาส์น นั้นเป็นคนละคนกัน อีกทั้ง น.ส.เซปิง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายประจวบ ไชยสาส์น อดีตนักการเมืองชื่อดัง เพียงแค่นามสกุลออกเสียงเหมือนกันเท่านั้น

 


 ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ น.ส.เซปิง ไชยสาส์น อายุ 38 ปี ที่ปรึกษาด้านศัลยกรรมความงาม พร้อมนายจำนง ไชยมงคล อายุ 53 ปี ทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวไขข้อข้องใจกรณีการทำศัลยกรรม ในโครงการ เฟซออฟ (Face off) ให้กับนายสุรชัย สมบัติเจริญ นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง

 


 ดร.เซปิง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการแถลงข่าวข้อเท็จจริงใดๆเลย เนื่องจากทนายบอกมาตลอดว่าที่มันคือความจริง คือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นเรื่องจริงก็คงต้องไปคุยกันในกระบวนการยุติธรรม  แต่ที่ต้องออกมาพูดเพราะถูกกล่าวหาถึงขั้นว่าไม่ใช่คนไทย เป็นคนต่างด้าว ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ ซึ่งที่จริงแล้วตนเป็นคนไทย

 


 ส่วนนพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย ก็ทำตัวเป็นพระเอกช่วยงานของสมาคมฯ วันนี้จึงต้องออกมาปกป้องตนเอง มีการกล่าวหาว่าเราโฆษณา ซึ่งไม่เคยไปโฆษณาที่ไหน เพียงแต่มีการสัมภาษณ์พูดคุยในรายการ และการแถลงข่าวโครงการเฟซออฟ ไม่เคยกล่าวถึงชื่อหมอที่จะทำการศัลยกรรม หรือโรงพยาบาล โดยเราก็บันทึกเทปไว้ทั้งหมด ตอนนี้ต้องรอว่าการผ่าตัดของคุณสุรชัยจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่กล่าวหากัน ว่าทำไม่ได้จริง คุณสุรชัยนั้นอยู่ระหว่างกับพักรักษาตัว ซึ่งที่จริงพร้อมแล้วที่จะออกมาโชว์ตัวว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปยังไง แต่ขอรออีกสักระยะ เนื่องจากมีข่าวด้านลบของตัวเซปิงเองออกมามาก คาดว่าอีกไม่กี่วันก็จะออกมาโชว์ตัวได้ ถ้าออกมาแล้วคุณสุรชัยกระชากวัยได้จริง ดูดีได้จริง นพ.ชลธิศ จะว่าอย่างไร


 ดร.เซปิง กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ใช้ชื่อเฟซออฟ กับโครงการที่คุณสุรชัยได้ทำในครั้งนี้ เพราะคำว่าเฟซออฟในความหมายของตนเป็นเสรีภาพทางความคิด ไม่มีสิ่งใดบอกว่าถูกหรือผิด เฟซออฟ คือใบหน้าของคนๆหนึ่งที่จะดูดีขึ้น ดูหนุ่มขึ้น เปลี่ยนจากความไม่มั่นใจ เป็นบุคลิกภาพใหม่ที่มั่นใจ คือความสุขของผู้ทำ นี่คือสิ่งที่เฟซออฟของโครงการนี้หมายถึง


 ส่วนวิธีการทำนั้น ตนไม่ได้เป็นหมอ ไม่เคยพูดกับสื่อว่าเป็นหมอ เคยมีสื่อออนไลน์สื่อหนึ่งไปลงข่าวไว้ ว่าตนเป็นหมอ สื่อนั้นก็ได้ออกมากล่าวยืนยันแล้วว่า ตนไม่เคยได้พูด เป็นข้อมูลที่ผิดพลาดแน่นอน ตนเป็นที่ปรึกษาด้านความงาม ที่ค่อยให้คำแนะนำ คำจำกัดความว่าเฟซออฟไม่มีความหมายที่ชัดเจน ว่าชัดเจนว่าหมายถึงอะไร ส่วนนพ.ชลธิศ หรือแพทย์ท่านอื่นๆ จะให้ความหมายว่าอย่างไร ตนก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ส่วนของคำว่า  เฟซออฟชัดเจนอยู่แล้วนั้น คือหมายถึงคุณสุรชัยนั้นเอง ซึ่งต้องรอว่าคำว่าเฟซออฟของคุณสุรชัยจะเป็นอย่างไร


 ที่ปรึกษาด้านศัลยกรรมความงาม กล่าวอีกว่า กรณีที่นพ.ชลธิศหรือใครก็แล้วแต่ไปร้องสคบ.ว่าตนทำผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาล ตนไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้มีสถานพยาบาลของตนเอง เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น ต้องไปถามนพ.ชลธิศว่าที่ผ่านให้ นพ.ชลธิศ ให้ใครบ้างโฆษณาสถานพยาบาลของตนเองหรือเปล่า เดิมทีตนเคยแนะนำคนไข้ให้นพ.ชลธิศ เยอะพอสมควร เราเคยร่วมงานกันมามีเรื่องมากมายที่เกิดขึ้นที่คลินิคนพ.ชลธิศ แต่ตนเองก็ตั้งใจมากที่จะทำงานทุกอย่างให้ออกมาดี (ร้องไห้) ไม่ว่าหมอจะให้ทำอะไรเราก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเกิดเหตุการณ์ได้ถึงขนาดนี้เลย ในเมื่อมีโครงการเฟซออฟขึ้นมา เพราะต้องการให้คนไทย ให้แพทย์ไทยโด่งดังไปทั่วโลก


 ที่ผ่านมา ก็เคยแนะนำลูกค้าไปให้นพ.ชลธิศเยอะ แต่ก็มีเหตุผลที่หลังจากนี้แล้วไม่ได้แนะนำให้อีก ถ้าพูดไปก็เกรงว่าเขาจะเสียหาย แต่ไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์อย่างแน่นอน ถ้าแนะนำคุณสุรชัยให้คุณหมอแล้วเรื่องอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ก็ได้ และเร็วๆ นี้กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าร้องเรียนต่อแพทย์สภาหรือไม่ จะให้ทนายดูแลในส่วนนี้ต่อไป เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง จึงต้องแนะนำคุณสุรชัยให้หมอท่านอื่น ซึ่งไม่ใช่นพ.ชลธิศ


 ส่วนประเด็นที่บอกว่าตนไม่ใช่คนไทย ถ้าไม่ใช่คนไทยจะเรียนจบปริญญาตรี โท เอกมาได้อย่างไร และเมื่อใดก็ตามที่ได้รับหนังสือจากหน่วยงานใดๆ ก็ยินดีจะเข้าชี้แจ้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ ประเด็นสุดท้ายยืนยันว่าจะทำโครงการเฟซออฟ บายดร.เซปิง ต่อไป และจะทำให้ดีที่สุด คนไทยควรต้องตื่นตัวกับการศัลยกรรมความงามว่า ควรภูมิใจหมอไทยของเราไม่แพ้ชาติในใดโลก เหตุการณ์ครั้งนี้ตนจะไม่ท้อใจและจะผลักดัน ส่งเสริมศัลยกรรมความงามเป็นศูนย์กลางของเอเชียแปซิฟิกต่อไป


 ดร.เซปิง กล่าวว่า ในส่วนเรื่องชื่อ-นามสกุล ชื่อเซปิงเป็นชื่อตามบัตรประชาชน นายประจวบ ไชยสาส์น เป็นบิดาของตน นามสกุลตนสะกดคนละแบบคือไชยศาสน์ ซึ่งเป็นความต้องการของพ่อ แต่ขอไม่บอกเหตุผลว่า เพราะอะไรเป็นเรื่องราวในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน


 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์ ดร.เซปิงนำภาพขึ้นมา 2 ภาพโดยระบุว่า หนึ่งในสองภาพนี้เป็นภาพการทำศัลยกรรมของนพ.ชลธิศ อีกภาพเป็นการศัลยกรรมของหมอท่านอื่น


 “นี่คือผลงานของคุณหมอชลธิศ เราก็ไม่ได้บอกว่าคุณหมอมีฝีมือ เก่งหรือไม่เก่ง เซปิงก็ไม่ได้บอกนะคะ แต่ก็อยากจะให้เห็นว่าถ้าเป็นฝีมือของหมอท่านอื่น ทำออกมาเป็นแบบนี้” ดร.เซปิง กล่าว


 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วิธีการทำเฟซออฟของคุณสุรชัยทำอย่างไรบ้าง ดร.เซปิง กล่าวว่า วิธีการทำคงต้องรอให้หมอออกมาบอกว่า ได้ทำอะไรให้คุณสุรชัยบ้าง คงไม่ได้เป็นวิธีการศัลยกรรมที่เป็นเทคนิคพิศดารอะไร ส่วนทำอะไรบ้างให้แพทย์เป็นผู้บอกต่อไปดีกว่า


 เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สคบ.ไม่ใช้คำว่าเฟซออฟ มันเป็นการโฆษณาเกินจริงแต่ยังยืนยันจะใช้ต่อ ดร.เซปิง ตอบว่า ยังไม่ทราบว่าสคบ.ไม่ให้ใช้คำว่าเฟซออฟ ยังไม่ได้รับหนังสื่อจากสคบ. ถ้าสคบ.ส่งหนังสือมาเชิญให้ไปชี้แจง ก็จะไป 


 ด้านนายจำนงค์ กล่าวว่า ด้านการเข้าร้องกับแพทย์สภายังระบุไม่ได้ว่าจะร้องประเด็นไหน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารจากสคบ. หรือแม้ก็ทั่งการแจ้งความก็ยังไม่ได้รับ ที่ต้องการจะชี้แจ้งว่านี้ก็คือ คำว่าเฟซออฟของดร.เซปิงคือคุณสุรชัย

 

 

เช็กประวัติดร.เซปิง เคยเปลี่ยนชื่อ 5 ครั้ง!! และไม่ใช่ลูกนักการเมืองดัง

 

เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังดร.เซปิง ไชยศาส์น ที่ให้คำปรึกษาด้านความงามเปิดแถลงข่าวกรณีโครงการเฟซออฟ โดยปฏิเสธไม่เข้าข่ายหลอกลวง หรือโฆษณาเกินจริง เพราะเป็นเพียงแค่คำจำกัดความของแต่ละคน อีกทั้งเปิดเผยว่าตัวเองไม่ใช่แพทย์ แต่จบดอกเตอร์จากสาขาไหนก็ไม่สามารถเปิดเผยได้นั้น

 

 รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ในทะเบียนราษฎร์ของน.ส.เซปิง มีรายละเอียดการเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง  เริ่มจากชื่อเดิมคือ น.ส.จินดา อินทร์ชุเดช ต่อมาเมื่อปี 2541 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ณัฎฐธิดา, 


 ปี 2547 ได้เปลี่ยนจาก ณัฎฐธิดา เป็น ณัชชากร, ปี 2550 เปลี่ยนเป็น อมริสา, ปี 2551 เปลี่ยนเป็น ณัฐรดา และปี 2552 จึงเปลี่ยนทั้งชื่อพร้อมนามสกุลเป็น เซปิง ไชยศาสน์ อย่างไรก็ตามดอกเตอร์เซปิง ไม่ได้มีบิดา เป็นนายประจวบ ไชยสาส์น นักการเมืองชื่อดังแต่อย่างใด 

 

ที่มา  ข่าวสดออนไลน์

 

 

.



Latest





เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ “นโยบายการใช้คุกกี้”   ยอมรับ   นโยบายการใช้คุกกี้ X