เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายศานิต คงเพชร อดีตผู้จัดการแผนกรักษามาตรฐานการบินและนักบินผู้ควบคุมอากาศยาน สายการบินนกแอร์ เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส หลังจากที่ต้นสังกัดมีคำสั่งไล่ออก อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีการหยุดทำการบิน 9 เที่ยวบิน และผู้โดยสารได้รับผลกระทบจำนวนมาก ดังนี้

ไม่ได้จับผู้โดยสารเป็นตัวประกัน

ผู้ดำเนินรายการอ้างถึงคำพูดของนายพาทีว่า ที่เกิดเหตุดังกล่าวเพราะนักบินไม่ผ่านมาตรฐานออดิท (การตรวจสอบ) ของเอียซ่า ทำให้นักบินไม่พอใจและทำการหยุด นายศานิตกล่าวว่า คำว่าไม่ผ่านเอียซ่า ขอชี้แจงว่านักบินจะมี 2 ส่วน โดยนักบินรวมจะมีประมาณ 100 คน สามารถทำการบินได้หมด แต่ในกลุ่มนี้จะมีการคัดออกมาเป็นนักบินบริหาร ซึ่งตนเป็นหนึ่งในนั้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมคุณภาพ ส่วนที่ผู้บริหารบอกว่าไม่ผ่านมาตรฐานเอียซ่า ความจริงคือเอียซ่าไม่ได้ตรวจสอบบุคลากร แต่เป็นการตรวจสอบองค์กร จึงไม่ใช่ตรวจสอบนักบินแต่อย่างใด

ผู้ดำเนินรายการถามว่ายืนยันได้ไหมว่าที่ตัดสินใจหยุดบินในวันนั้นคือสิ่งที่ทำถูกต้องเพื่อมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ใช่เป็นการจับผู้โดยสารเป็นตัวประกัน นายศานิตกล่าวว่า นักบินนกแอร์ทำงานการบินมากว่า 20 ปี ย่อมต้องผูกพันกับผู้โดยสาร รักผู้โดยสารทุกคน และก่อนหน้าที่จะมาทำงานจะถูกฝึกมาก่อน มีจิตใจกับการบินเพื่อส่งผู้โดยสารสู่จุดหมายปลายทางให้เจอกับคนที่รักที่รออยู่ ไม่ใช่แน่นอน ที่จะจับผู้โดยสารเป็นตัวประกัน นักบินทั่วโลก ไม่ใช่แค่นกแอร์ ไม่มีใครคิดเช่นนั้นแน่นอน นายศานิตกล่าว และว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มีสาเหตุจากปัญหาการขาดแคลนนักบิน ซึ่งโดยภาพรวมธุรกิจการบินทั่วโลกประสบปัญหาการขาดแคลนนักบินเหมือนกันหมด สำหรับนกแอร์ในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีนักบินลาออกไปมาก แต่เที่ยวบินที่นกแอร์เปิดให้บริการยังมีเท่าเดิมซึ่งในอดีตจำนวนนักบินกับเที่ยวบินที่ให้บริการพอดีกัน เมื่อมีปัญหานักบินลาออกไปเยอะ ส่งผลให้นักบินที่เหลือต้องทำการบินเพิ่มขึ้น ซึ่งตามมาตรฐานการบินใน 1 เดือน นักบินสามารถทำการบินได้ไม่เกิน 80 ชั่วโมง

ถามว่ามีนักบินสำรองไหม แต่เนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนนักบิน นักบินสำรองจึงเหลือน้อยด้วย เช่น เคยมี 5 คน แต่ปัจจุบันเหลือ 2 คน ทำให้นักบินสำรองที่มาบินทดแทนให้นักบินหลักก็ไม่พอเหมือนกัน จึงเกิดปัญหายกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว คงต้องถามฝ่ายบริหารซึ่งรู้ปัญหานี้ว่าจะจัดการองค์กรอย่างไร จะจัดการบริหารอย่างไร

พูดใหม่บอกทุบหม้อข้าวตัวเอง

ผมยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงที่นักบินของนกแอร์ออกไปเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องค่าตอบแทน ไปที่อื่นให้ผลตอบแทนที่มากกว่า ที่ผ่านมาค่าตอบแทนสายการบินนกแอร์ให้น้อยที่สุด แต่นักบินกลุ่มที่ถูกผู้บริหารสั่งพักงาน โดนตั้งกรรมการสอบสวน คือกลุ่มที่อยู่กับนกแอร์ตั้งแต่นกแอร์สร้างตัว อยู่มาเป็น 10 ปีเพราะรักองค์กร รู้สึกว่านกแอร์คือบ้าน และอยากทำบ้านของเราให้ดี ที่มาพูดว่า ทุบหม้อข้าวตัวเอง ผมอยากบอกผู้บริหารว่า คิดแล้วพูดใหม่ดีกว่า นักบินกลุ่มที่ถูกกล่าวหารู้สึกตลอดว่านกแอร์ให้พวกเขาทุกอย่าง นายศานิตกล่าวเสียงสั่นๆ และว่า นอกจากเรื่องค่าตอบแทนที่นักบินลาออกแล้ว มีอีกส่วนหนึ่งที่ลาออกเพราะสาเหตุเรื่องส่วนตัว เรื่องของความอึดอัดใจ

แจงยกเลิกบินเพราะไม่สบาย

ผู้ดำเนินรายการถามถึงสาเหตุที่ถูกคำสั่งเลิกจ้างเพียงคนเดียว นายศานิตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ไม่ได้ทำการบินเพราะไม่สบาย แต่เห็นข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงตัดสินใจไปลงชื่อเข้าปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อจะทำการบินจริง รู้สึกไม่สบาย และสภาพจิตใจไม่พร้อม จึงตัดสินใจไม่บิน เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร เพราะการตัดสินใจผิดแค่เสี้ยววินาทีด้วยเพราะสภาพร่างกายหรือจิตใจไม่พร้อม ไม่เพียงอาจทำให้ผู้โดยสารทั้งลำซึ่งมีประมาณ 180 คนเท่านั้นที่เดือดร้อนหรือได้รับอันตราย แต่รวมไปถึงคนที่อยู่ข้างหลังอีกนับพันที่ต้องเดือดร้อนด้วย ซึ่งแม้จะลงชื่อปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่หากไม่สบายใจ หรือรู้สึกว่าตัวเองป่วย นักบินสามารถขอยกเลิกการทำการบินได้ แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะขาดแคลนนักบิน ไม่มีนักบิน นักบินสำรองเหลือปฏิบัติหน้าที่แทนกันได้

ร้องขอความเป็นธรรมถูกไล่ออก

ผู้ดำเนินรายการถามว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองอย่างไร จะฟ้องร้องเรียกความเป็นธรรมหรือไม่ นายศานิตกล่าวว่า เมื่อตัดสินใจหยุดบิน ก็กลับบ้านไปนอนเพราะยังมีอาการป่วยอยู่ ก็มีสายโทรมาบอกว่าผมถูกไล่ออก อยากขอความยุติธรรม ก่อนจะไล่ออกน่าจะเรียกไปถาม หรือตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะสิ่งที่ผมตัดสินใจหยุดบินก็เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร แต่กลับโดนคำสั่งไล่ออก ซึ่งมีหลายคนบอกให้ฟ้อง เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับอาชีพนักบิน เพื่อให้เกิดเหตุซ้ำเหมือนที่ผมโดนอีก ตอนนี้ยอมรับว่ายังงงๆ อยู่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จะฟ้องร้องหรือไม่ เมื่อวานผมยังเป็นกัปตัน แต่วันนี้ผมตกงานแล้ว

นายศานิตกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับนกแอร์ขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เสียหายแน่นอน ภาพพจน์ไม่ดีแน่ ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ผู้บริหารควรต้องมาคุยกัน ยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากสองฝ่ายคือ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนักบินไม่พูดคุยกัน อยากเรียกร้องให้สองฝ่ายหันหน้ามาคุยกัน เพราะเชื่อทุกปัญหาคุยได้หมด ธุรกิจการบินปัจจุบันเติบโตเร็วมาก เกินกว่าคาด ทำให้หลายๆ ฝ่ายปรับตัวไม่ทัน โดยภาพรวมกว่าจะผลิตกัปตันได้ 1 คน ต้องใช้เวลา 3-7 ปี จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก การไม่รักษาบุคลากรไว้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียใจ

ขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=DNENlIVyOnk

ที่มา  มติชนออนไลน์